“วงค์ ตาวัน”
อีกแค่ 3 เดือน จะถึงเทศกาลใหญ่สงกรานต์อีกแล้ว ดังนั้นปัญหาที่เกิดในเทศกาลปีใหม่ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สมควรได้รับการทบทวนเพื่อแก้ไข อย่าให้ซ้ำรอยเดิมเมื่อถึงวันปีใหม่ไทยในเดือนเมษายนอีก อย่างเช่น กรณีการตั้งด่านตรวจแล้วไปยิงคนตาย ที่ยังเป็นคดีความอยู่ในขณะนี้
เห็นทีจะต้องทบทวนการตั้งด่านกันอย่างจริงจัง
เพราะไม่เช่นนั้น ในเทศกาลสงกรานต์ก็จะต้องตั้งด่านตรวจกันมากมายเช่นนี้อีก แล้วจะเกิดไปมีเหตุยิงคนตายอีกหรือไม่!?
เหนืออื่นใดคือขวัญของชาวบ้าน
ขับรถไปในที่มืดๆ เห็นการตั้งด่านแต่ไม่แน่ชัดว่า เจ้าหน้าที่หน่วยไหน ด่านจริงหรือด่านโจร ไม่รู้ว่าจะหลอกปล้นหลอกฆ่าไหม
แล้วจะเสี่ยงขับผ่านไปหรือเปล่า แล้วจะโดนลูกปืนยิงใส่ท้ายทอยตามมาหรือไม่
เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและขวัญของประชาชนจริงๆ
อันที่จริงด่านตรวจที่เป็นมาตรฐานในเทศกาลใหญ่ๆ แบบนี้ ต้องเป็นด่านของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีการติดตั้งป้ายสัญญาณ มีไฟส่องสว่าง มีไฟวับวาบมองเห็นชัดเจน
มีป้ายพร้อมข้อความบอกกล่าวครบถ้วน
เป็นด่านของตำรวจหน่วยไหน โรงพักไหน ผู้บังคับบัญชาชื่ออะไรยศอะไร เป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ การแต่งกายชุดตำรวจก็คุ้นตาดูรู้ว่าใช่
ที่สำคัญตำรวจนั้นผ่านการฝึกฝนการปฏิบัติในการตั้งด่านตรวจมาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว มีการปฏิบัติอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ
ตำรวจจึงรู้วิธีปฏิบัติ จึงไม่ค่อยได้ยินข่าวตำรวจ ในด่านยิงมั่วจนมีคนเจ็บตาย!
ปัญหาก็คือ ด่านตรวจที่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานอื่น ไม่ได้ผ่านการอบรมฝึกฝนในด้านนี้มาโดยตรง นี่แหละที่กระทบต่อความปลอดภัยของชาวบ้าน
เหตุการณ์ที่สยองขวัญช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ในพื้นที่อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นั้น เป็นด่านตรวจชุมชนของ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
เข้าข่ายใช้อาวุธปืนอย่างไม่สมควร ทำให้มีคนเสียชีวิต ยังอื้อฉาวบานปลายจนถึงวันนี้
ก่อนหน้านี้คงจำกันได้ ด่านตรวจยาเสพติด ของทหารที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ วิสามัญฆาตกรรมเยาวชนนักกิจกรรมชาวลาหู่ ก็ยังขึ้นโรงขึ้นศาลกันอยู่
ทั้งหลายทั้งปวง ไม่ใช่ด่านของตำรวจ ที่เขาปฏิบัติกัน ทุกเมื่อเชื่อวันจนชำนาญ และไม่มีการใช้ปืนหรือบ้าอำนาจเกินจำเป็น
เอาเป็นว่า จะต้องคอยจับตากันให้ดี ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์
จะมีการทบทวนด่านตรวจเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเหตุร้ายเมื่อปีใหม่หรือไม่
ด่านฝ่ายปกครอง ด่านของหน่วยงานอื่นๆ ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยดูแลความเรียบร้อย
จำเป็นต้องทบทวน รวมทั้งสมควรพกอาวุธปืนหรือไม่!?
