คอลัมน์ บก.ตอบจดหมาย

เรื่อง ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสด

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด

อ้างถึง หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559

ตามที่หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 คอลัมน์ บ.ก.ตอบจดหมาย ได้ลงตีพิมพ์ข่าว เสียงจากญาตินักโทษเรือนจำ ว่านักโทษในเรือนจำกลางคลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎระเบียบเรือนจำเกี่ยวกับการสักลาย เมื่อประมาณปลายเดือนกรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา ถูกย้ายจากแดน 4 ไปอยู่แดนควบคุมเข้มงวด ถูกลงโทษหลายอย่าง แต่สงสัยว่าที่แดน 4 มีนักโทษที่ทำผิดในเรื่องการสักลายอีกจำนวนหลายคนที่ทำผิดด้วย แต่นักโทษอีกหลายๆ คนกลับไม่ถูกลงโทษและยังได้อยู่แดน 4 ตามเดิม ไม่ถูกลงโทษ ไม่ต้องย้ายไปแดนควบคุมเข้มงวด ทำให้รู้สึกว่าอยู่ในคุกนักโทษต้องมีเส้นสายเหมือนกัน ถ้าไม่มีเส้นสายก็อยู่ลำบาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเรือนจำกลางคลองไผ่ กรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ในสายตาประชาชน นั้น

ขอเรียนว่าข้อเท็จจริงดังกล่าว สืบเนื่องจาก นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่ ได้รับข้อมูลจากตู้รับเรื่องราวร้องทุกข์ของผู้ต้องขังในแดน 4 ว่ามีผู้ต้องขังลักลอบสักลายบนร่างกายภายในแดน 4 เป็นจำนวนมาก ต่อมาเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2559 เวลา 08.30 น. ผู้บัญชาการเรือนจำได้นำคณะเจ้าหน้าที่ประมาณ 50 นาย เข้าตรวจรอยสักตามร่างกายผู้ต้องขังทุกรายในแดน 4 จำนวน 1,309 ราย ปรากฏว่ามีผู้ต้องขังที่มีรอยสักใหม่ตามร่างกายจำนวน 18 รายให้การรับสารภาพ จึงได้ดำเนินการย้ายผู้ต้องขังทั้ง 18 ราย ไปแยกคุมขังไว้ต่างหากในแดน 8 ซึ่งเป็นแดนควบคุมพิเศษ นอกจากนี้ เรือนจำ ยังได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อขยายผลเพิ่มเติม ถ้าหากมีผู้ต้องขังรายใดมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวอีก ก็จะถูกดำเนินการทางวินัยทุกรายไม่มีข้อยกเว้นหรือเลือกปฎิบัติใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งในขณะนี้สามารถสืบสวนสอบสวนขยายผลทราบว่ามีผู้ต้องขังที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 20 ราย รวมผู้ต้องขังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสักลายบนร่างกายทั้งสิ้น 38 ราย และได้ย้ายผู้ต้องขังที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยชัดแจ้งไปควบคุมไว้ในแดนควบคุมพิเศษแล้วรวม 32 ราย ส่วนที่เหลืออีก 6 ราย เป็นผู้ต้องขังที่อยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ถ้าหากผลการสอบแล้วเสร็จและมีความผิดโดยชัดแจ้ง ก็จะถูกย้ายไปคุมขังในแดนควบคุมพิเศษเช่นเดียวกัน กับทั้งเรือนจำได้มีมาตรการทางปกครองโดยมีการย้ายหน้าที่หัวหน้าฝ่ายควบคุมแดน 4 โดยทันที เนื่องจากบกพร่องต่อหน้าที่ปล่อยให้ผู้ต้องขังลักลอบสักลายเป็นจำนวนมาก กับทั้งได้ย้ายเจ้าพนักงานที่ผู้ต้องขังให้การซัดทอดพาดพิง ซึ่งปฎิบัติหน้าที่ประจำแดน 4 ไปปฎิบัติหน้าที่ในจุดอื่นภายนอกแดน 4 โดยทันที รวมทั้งได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการทางวินัยด้วยแล้ว

เรือนจำกลางคลองไผ่เป็นเรือนจำ 1 ใน 5 ของเรือนจำความมั่นคงสูงสุดรับผู้ต้องขังตัดสินโทษถึงประหารชีวิต ปัจจุบันมี ผู้ต้องขัง 4,000 คนอยู่ในการควบคุม และเกือบครึ่งหนึ่งเป็นผู้ต้องขังดื้อ มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจสร้างความเดือดร้อนและเสียหายต่อเรือนจำอื่นมาแล้ว จึงต้องระมัดระวังในการควบคุมปกครองบังคับบัญชาให้ดำเนินการต่อไปด้วยความเรียบร้อยเป็นธรรมอย่างที่สุดมากกว่าเรือนจำทั่วไปหลายเท่า โดยผลงานของเรือนจำในปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา เรือนจำกลางคลองไผ่ ได้รับรางวัลในการปราบปรามยาเสพติดดีเด่นจากจังหวัดนครราชสีมา ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ในการประกวดการจัดระเบียบเรือนจำ/ทัณฑสถานในกลุ่มเขต 3 ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 ในการประกวดการจัดระเบียบเรือนจำ/ทัณฑสถานทั่วประเทศ และในรอบปีงบประมาณ พ.ศ.2559 การปฏิบัติงานที่ผ่านมาเรือนจำมีผลประเมินคะแนนตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ รอบ 12 เดือน ได้คะแนนเต็ม 100 คะแนน จากผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาผู้บัญชาการเรือนจำและเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างทุ่มเทและเสียสละในการทำงานยึดหลักการปฎิบัติต่อผู้ต้องขังตามระเบียบข้อบังคับและกฎหมายอย่างเคร่งครัดตลอดมาด้วยความสำนึกในหน้าที่ความรับผิดชอบและระเบียบวินัยขององค์กรเพื่อความสงบเรียบร้อยสามารถปกครองบังคับบัญชาและพัฒนาแก้ไขให้ผู้ต้องขังกลับตนเป็นคนดีเป็นที่ยอมรับของสังคมบนพื้นฐานความรักและเมตตาอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฎิบัติแต่อย่างใด

จึงเรียนชี้แจงมาเพื่อโปรดทราบ

ขอแสดงความนับถือ

นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ

ผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองไผ่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน