บ.ก. ตอบจดหมาย

  • ชี้แจงความพร้อมอีอีซี

เรื่อง ขอขอบคุณและชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด

อ้างถึง คอลัมน์: การเมือง หัวข้อ “อีอีซี อาจส่อแววล่ม หลังพบเบิกจ่ายงบไม่ตรงเป้า คาดไร้อำนาจต่อรองต่างชาติ” ลงวันที่ 20 มิถุนายน 2561

ผมขอขอบคุณในความสนใจการพัฒนาโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เกี่ยวกับงบประมาณ ที่มีข้อมูลจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง แจ้งถึงผลการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 เป้าหมายที่ 1 และยังเบิกจ่ายไม่ครบตามจำนวน พร้อมมีข้อสังเกตเรื่องความพร้อมของโครงการที่จะรองรับการลงทุนในอนาคตนั้น ผมขอชี้แจงดังนี้

1. โครงการของอีอีซี ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพื่อรองรับการลงทุน เป็นเงิน 6,938.33 ล้านบาท มีการดำเนินการ และเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเงิน 2,869.89 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 41.36 ของทั้งหมดนั้น

ในข้อเท็จจริง “ข้อมูล ณ วันที่ 19 มิถุนายน 2561 โครงการบูรณาการอีอีซี มีการเบิกจ่ายงบประมาณจริงแล้ว 3,235.7585 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 46.64 ผูกพันสัญญา 1,748.3533 ล้านบาท รวมเบิกจ่ายและผูกพัน 4,984.1118 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 71.83”

2. ข้อสังเกตที่ว่า การวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเตรียมความพร้อมต่อการลงทุน และการโรดโชว์ อังกฤษ-ฝรั่งเศส สัปดาห์นี้ อีอีซีมีความพร้อมแค่ไหนต่อการรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในปี 2560-2564 เป็นการดำเนินงานเพื่อให้ระบบโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อและเชื่อมโยงกับพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยโครงการสำคัญ 5 โครงการหลัก ได้แก่ 1) รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน 2) สนามบินอู่ตะเภา : เมืองการบิน 3) ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3, 4) ท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 และ 5) ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน : MRO

ล้วนเป็นโครงการที่ให้เอกชนร่วมลงทุนกับรัฐบาล ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างการขายเอกสารการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน และคาดว่าจะได้ชื่อผู้ร่วมลงทุนภายในเดือนมกราคม 2562 สำหรับโครงการที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการ

สำหรับโครงการอื่นที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2561 เช่น ทางหลวง 24 โครงการ ระยะทาง 195.63 กิโลเมตร ผลการดำเนินงานได้ 23 โครงการ ระยะทาง 186.87 กิโลเมตร คิดเป็นร้อยละ 95 สำหรับโครงการอื่นๆ ได้ทำสัญญากับผู้รับเหมาแล้วทุกโครงการ เช่น ทางหลวงชนบท 12 สายทางระยะทาง 81.01 กิโลเมตร

โครงการปรับปรุงทางรถไฟเข้าพื้นที่ท่าเรือจุกเสม็ด โครงการก่อสร้างสถานีรถไฟอู่ตะเภา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าโครงการโครงสร้างพื้นฐานทุกโครงการ มีการดำเนินงานตามแผนที่กำหนดไว้ จึงคาดว่าจะแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา และมีความพร้อมในการรองรับการลงทุน

สุดท้ายนี้ ขอให้ท่านมั่นใจว่า สกพอ.จะเร่งขับเคลื่อนอีอีซี อย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยตามที่ตั้งใจไว้

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก โทร. 0-2033-8026 และศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eeco.or.th ทางสำนักงานพร้อมตอบคำถาม และข้อสงสัยทุกประการ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ

นายคณิศ แสงสุพรรณ

เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน