บ.ก.ตอบจดหมาย : นานๆจะมีเสียงชมบัตรคนจน/การเลือกตั้งที่สับสนมั่วซั่ว

นานๆจะมีเสียงชมบัตรคนจน

ถึง บ.ก.

ดิฉันเป็นกลุ่มผู้สูงอายุในหมู่บ้านแถวภาคเหนือ ยามว่าง ก็จะมานั่งคุยกันโดยเฉพาะเรื่องนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของรัฐบาล ตัวดิฉันกับสามีปัจจุบันอายุ 80 แล้ว รับเบี้ย ผู้สูงอายุเดือนละ 800 บาท และยังได้รับบัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย ทำให้ทุกเดือนมีรายได้เพียงพอใช้จ่ายในครอบครัวด้วยกัน เพราะได้คนละ 400 บาท ทุกต้นเดือนจะได้ 300 บาท และทุกวันที่ 15 ของเดือนได้อีก 100 บาท เป็นเงินที่เข้ามาผ่านบัตรผู้มีรายได้น้อย สำหรับต้นเดือนเงินที่เข้ามาดิฉันและสามีรวมกันนำไปซื้อข้าว ผงซักฟอก อาหารเสริม นม เมื่อถึงกลางเดือนเงิน 100 บาท ก็นำไปซื้ออาหารแห้ง เครื่องปรุงรส น้ำมันพืช หรือของใช้อื่นที่จำเป็นและหมดไป เฉลี่ยทุกเดือนเงินที่ได้จากบัตรสวัสดิการ ทำให้ผู้เฒ่าสองคนเพียงพอใช้จ่ายไปตลอดทั้งเดือน ดีใจมากที่รัฐบาลให้

นับถือ

บัวผัน

ตอบ คุณบัวผัน

ยินดีด้วยที่ครอบครัวของคุณมีสตางค์เพียงพอครอบคลุมรายจ่ายด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าบัตรคนจน ที่สำคัญส่วนใหญ่จะมีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทางไม่ชื่นชม นานๆ จะได้ยินคนชื่นชมเช่นนี้สักที

การเลือกตั้งที่สับสนมั่วซั่ว

เรียน บ.ก.ข่าวสด

ดูเหมือนว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 20 จะมองต่างมุม สวนทางกับสมัยที่มีสโลแกนว่า “ต้องทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง” ถึงขนาดที่รัฐต้องอุดหนุนเงินให้พรรคการเมืองที่ประชาชนสนับสนุน แต่วันนี้กลับลำ 180 องศา เพราะตัดบัตรเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ยังคงให้มีส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ที่มาไม่ได้มาจากบัตรเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง แต่เหมาเอาว่าคนที่กาบัตรเลือกส.ส.ระบบเขตนั้นชื่นชอบพรรคการเมืองที่ผู้สมัคร ส.ส.เบอร์นั้นสังกัด เท่ากับว่าบัตรเลือกตั้งทุกใบที่ไม่ได้ลำดับที่ 1 ในหน่วยเลือกตั้งนั้นจะนำไปรวบรวมเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ แต่ตัดสิทธิ์บัตรเลือกตั้งที่ได้อันดับ 1 เพื่อหวังสลายความเข้มแข็งของพรรคใหญ่

การแก้ไขปัญหาการเมืองด้วยการให้บัตรเลือกตั้งทุกใบมีความหมายนั้น เป็นการแก้ไขปัญหาพรรคการเมืองไม่ตรงจุด เพราะถึงอย่างไรพรรคการเมืองก็ยังไม่เป็นของประชาชน โดยเฉพาะเมื่อ “ตัดไพรมารีโหวต” นอกจากเรื่องบัตรเลือกตั้งทุกใบมีความหมายแล้ว บัญชีรายชื่อว่าที่นายกฯของพรรคการเมือง ก็ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงประเด็น เพราะ

หนึ่ง ไม่บังคับให้เสนอชื่อเฉพาะหัวหน้าพรรค ทำให้พรรคการเมืองยิ่งไม่เป็นของประชาชน เพราะพรรคการเมืองสามารถเสนอชื่อใครก็ได้ที่เจ้าของพรรคสั่ง

สอง การให้เสนอถึงสามรายชื่อนั้น มากเกินสมควร เพราะเท่ากับว่าประชาชนที่ไปเลือกตั้ง ยังไม่รู้เลยว่าพรรคที่ตนเลือกจะเสนอให้ใครเป็นนายกฯ

ประชาธิปไตยหรือการเลือกตั้งที่นานาประเทศใช้กันก็คือ มีพรรคการเมืองเสนอชื่อว่าที่นายกฯพรรคละหนึ่งคน หัวหน้าพรรคที่มี ส.ส.ในสภาผู้แทนฯมากที่สุดก็จะได้เป็นนายกฯ แต่สำหรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญที่สับสน เพราะ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ได้มาแบบ “มั่วๆ” เช่นเดียวกับนายกฯที่ได้มาจากบัญชีรายชื่อมั่วๆ เท่ากับว่ากติกาการได้มาของนายกฯ นั้นมั่วซั่วที่สุด ไม่ต้องวิพากษ์ที่มาของนายกฯเฉพาะกาลที่ซูเปอร์มั่ว

ศักดิ์

ตอบ คุณศักดิ์

มุมมองของคุณต่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้และกติกาการเลือกตั้ง เป็นความเห็นที่น่ารับฟังและนำไปขบคิดพูดคุยกันต่อๆ ไปในวงกว้าง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน