จุดยืนของชาวบ้าน/ลดค่าครองชีพสำคัญสุด

คอลัมน์ บก.ตอบจดหมาย

จุดยืนของชาวบ้าน

สวัสดีบ..ที่นับถือ

การถ่ายทอดสดรัฐบาลแถลงนโยบาย ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างพวกผมมาก เพราะเราไม่ได้เห็นบรรยากาศแบบสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นปากเสียงของพวกเราอย่างนี้มาถึง 5 ปีแล้ว พวกเราชาวบ้านก็เลยสนใจนั่งจดจ่อหน้าจอทีวีกันไม่ห่าง แต่ในหมู่คนดูก็แบ่งฟากฝ่ายเชียร์ มีทั้งสนับสนุนรัฐบาล และมีทั้งหนุนฝ่ายค้าน ก็มีถกเถียงกันบ้างพอหอมปากหอมคอ

แต่ที่น่าคิดคือ ชาวบ้านคนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเรา จะเชียร์รัฐบาลหรือเชียร์ฝ่ายค้าน ควรคิดจากจุดยืนอะไร เราก็ต้องคิดจากอะไรที่เป็นประโยชน์กับพวกเราใช่ไหม แล้วพูดกันตรงๆ รัฐบาลชุดนี้มันก็คือภาคต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ว่าสืบทอดอำนาจนั้นมันก็ใช่แน่ๆ เพียงแต่มีส่วนผสมของพรรคการเมืองเข้ามาร่วม ผสมกับรัฐมนตรีเดิมที่มาจากคสช.

ซึ่งเป็นรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจของทหาร จุดใหญ่คือนายกรัฐมนตรี รองนายกฯหลักๆ รัฐมนตรีอีกหลายราย ก็รัฐบาลคสช.เดิม คำถามง่ายๆในใจก็คือ คนเหล่านี้ตอนเข้ามามีอำนาจนั้นทำถูกต้องแล้วหรือ ไม่ถูกแน่ๆ ล้มประชาธิปไตย จากนั้นบริหารประเทศโดยยึดประโยชน์ส่วนไหน ทำไมเจ้าสัวรวยขึ้นมหาศาล คนจนยิ่งจนหนักลงไปอีก ผลงาน 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจปากท้องชาวบ้านเป็นอย่างไร

ผมก็เลยสงสัยว่าแล้วชาวบ้านอย่างเราจะไปเชียร์รัฐบาลนี้ไปทำไม ควรคิดถึงปากท้องของพวกเราก่อน แล้วจะรู้ว่าเราควรมีรัฐบาลแบบไหนกันแน่

คนเดินถนน

ตอบ คนเดินถนน

ความคิดคนนั้นคงไปห้ามกันไม่ได้ ต้องมีเสรีภาพที่จะเลือก แต่ข้อคิดของคุณน่าสนใจที่ว่า ประชาชนคนเดินดินนั้น ต้องมองผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เอาไว้ก่อน แล้วเอาจุดนี้มากำหนดความคิดจุดยืนของเรา นั่นถูกต้อง ยกเว้นเราเป็นชนชั้นสูง เป็นเครือญาติเจ้าสัว ย่อมมีจุดยืนใกล้เคียงกับรัฐบาลที่เป็นตัวแทนชนชั้นสูงแน่นอน

ลดค่าครองชีพสำคัญสุด

เรียน บ..ข่าวสด

ปรับภาษีนิติบุคคลกับบุคคลธรรมดาให้ใกล้กันมี ความจำเป็นอย่างไรนั้นผมไม่ทราบ ไม่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ ดังนั้นจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนโยบายนี้ แต่การปรับลดภาษีนั้นหมายถึงรัฐบาลจะมีเงินใช้จ่ายน้อยลง ซึ่งทำให้เกิดความสงสัย เพราะดูเหมือนนโยบายของกระทรวงอื่นๆ ต้องการใช้เงินมากขึ้นทั้งสิ้น นโยบายของกระทรวงการคลังดูเหมือนจะสวนทางกับนโยบายของกระทรวงอื่นๆ แต่เรื่องที่ประชาชนต้องการก็คือ รักษาหรือพยายาม ลดค่าครองชีพ

เพราะทุกวันนี้อาหารแพงมาก แต่บรรดานักการเมืองเงินเดือนแสนที่อยู่บนหอคอยงาช้างคงไม่สนใจ แต่สำหรับราษฎรเดินดินแล้วต้องบอกว่าซีเรียสมากปลาทูแมวตัวเล็กๆแมวกินไม่อิ่มก็ราคาตัวละสิบกว่าบาทแล้ว เมื่อตอนที่พริกแพงก็สองเม็ดบาทแล้ว วันนี้อาจจะถูกลงเหลือเจ็ดแปดเม็ดบาท น้ำพริกถ้วยหนึ่งก็ต้องใช้พริกเกือบสิบบาทแล้ว กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ราคาหวีละ 40-100 บาท แถมยังชิงสุกก่อนห่าม ตัดตั้งแต่ยังไม่แก่แล้วนำมา บ่มแก๊ส กินไปก็ไม่เหมือนกล้วย

นี่แหละผลของการเพิ่ม รายได้เพิ่มรายจ่าย (เพิ่มทั้งสองทาง เร่งผลิตเร่งขาย) ดังนั้นนโยบายของกระทรวงการคลังที่ประชาชนต้องการมากที่สุดก็คือคงภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ที่ 7%” เพื่อมิให้ค่าครองชีพพุ่งทะลุเพดาน

นับถือ

ราษฎรเดินดิน

ตอบ ราษฎรเดินดิน

ขอบคุณที่เสนอมุมมองดีๆ ต่อหลักเศรษฐกิจของ บ้านเมือง ในยุคที่ปลาทูตัวละสิบกว่าบาทแต่แมวยังกิน ไม่อิ่มเช่นนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน