สำนักงานประกันสังคมชี้แจง

เรื่อง ชี้แจงข่าวจี้รัฐบาลแจงงบประกันสังคม

เรียน บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ข่าวสด

อ้างถึง หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 23-24 มีนาคม 2561 หน้า 3

หนังสือพิมพ์ข่าวสด ฉบับวันที่ 23-24 มีนาคม 2561 หน้า 3 เสนอข่าว รัฐบาลไม่ได้ตั้งงบประมาณเงินสมทบกองทุนประกันสังคม จำนวน 200,000 ล้านบาท มาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แสดงถึงความไม่รับผิดชอบและอาจเป็นการละเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ และสะท้อนว่ารัฐบาลนี้เอางบฯ ส่วนนี้ไปใช้ในโครงการต่างๆ จึงขอให้ตั้งงบประมาณเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเพื่อรักษาประโยชน์ของผู้ทำประกันสังคม นั้น

สำนักงานประกันสังคม ขอนำเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง ดังนี้

1. รัฐบาลภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่พฤษภาคม 2557 ได้ให้ความสำคัญกับระบบประกันสังคมเป็นอย่างมาก โดยจัดสรรงบฯ เงินอุดหนุนเพื่อเป็นเงินสมทบกองทุนประกันสังคมฝ่ายรัฐบาลเพิ่มขึ้น ในปี 2558-2561 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันรัฐบาลมีเงินค้างในระบบประกันสังคม จำนวนประมาณ 66,000 ล้านบาท และสำนักงานประกันสังคมขอยืนยันว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมมากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมา

2. กรณีมีข่าวว่ารัฐบาลไม่ได้ตั้งงบประมาณสมทบกองทุนประกันสังคมตามกฎหมายถึง 200,000 ล้านบาท มา 3 ปีแล้ว โดยยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยรัฐบาลปัจจุบันตั้งงบประจำปีครบทุกปี หนี้ที่เกิดขึ้นตามข่าวมีการสะสมกันมาหลายรัฐบาลแล้ว และรัฐบาลชุดปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องจัดสรรงบฯให้ทุกภาคส่วนอย่างสมดุลโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนจน ส่วนรัฐบาลใดจะรับผิดชอบและปฏิบัติตามกฎหมายมากน้อยแค่ไหน ขอให้ประชาชนพิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ

นางสาวอำพันธ์ ธุววิทย์

รองเลขาธิการ ปฏิบัติราชการแทน

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม

กล่มธุรกิจกับชาวบ้าน

ถึง บ.ก.

เรื่องจริงที่อยากถ่ายทอด ผมซื้อบ้านโดยการผ่อนค่างวดจากสถาบันการเงิน เวลาจ่ายค่างวดก็ไม่ค่อยตรงกำหนดเท่าไหร่ แต่ก็จ่าย กระทั่งล่าสุดมีหมายศาลมาปะไว้ที่รั้วบ้าน สุดท้ายคือก็คงต้องไปประนอมหนี้ ดอกเบี้ยเพิ่มกระฉูดเกือบแสนบาท นี่แหละชีวิตหาเช้ากินค่ำของผม

แต่ก็อยากมีปัจจัย 4 โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ให้ลูก-เมียมีที่หลับที่นอน กรณีอย่างผมประเภทหาเช้ากินค่ำแล้วเจอสถานการณ์อย่างนี้มีเยอะ ผมยอมเสียคิดเท่าไหร่ผมก็ยอมเพื่อให้ได้บ้านคืน ถ้ามองอีกกรณีหนึ่งที่กำลังฮือฮากันอยู่คือ ค่ายมือถือ 2 ค่าย เรื่องขอยืดค่างวดคลื่น 900 กว่าพันล้านออกไป 5 ปีนั้น ในแง่มุมมองของผมก็น่าจะให้นะ ขนาดกรณีเล็กๆ ของผมยังมีการประนอมหนี้ได้เลย ทำไมเรื่องระดับประเทศชาติการสื่อสารโทรคมนาคมจะได้รุ่งโรจน์หนุนการเป็นไทยแลนด์ 4.0 ควรที่จะทำได้

แต่ก็มีข้อแม้อยู่ว่า ทางค่ายมือถือ 2 ค่ายต้องเสียดอกเบี้ยนะครับ ผมเอากรณีผมมาเปรียบเทียบ ผ่อนชำระไม่ตรงต้องมีค่าปรับค่าดอกเบี้ยเพิ่ม แบงก์ไม่ลดดอกเบี้ยให้ผมเลย คิดเต็มๆ ดังนั้นรัฐบาลก็ต้องคิดดอกเบี้ยและค่าปรับเหมือนผมที่ผ่อนค่าบ้านไม่ตรงกำหนด จะมาปรับร้อยละ 1.5 ไม่ได้นะ มันควรไต่ระดับที่ร้อยละ 7-20 จึงจะเหมาะสม

ผมแค่อยากแนะว่าถ้าไม่ปรับไม่คิดดอกเบี้ย ระวังรัฐจะถังแตก จะหาเงินที่ไหนมาเป็นงบประมาณ รายได้เข้ารัฐน้อยลง

สุดท้ายนี้ชาวบ้านกว่า 60 ล้านคนกำลังจ้องมองดูท่าทีว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ถ้าเพื่อผลประโยชน์ของชาติก็เหมือนกรณีผม คือทั้งปรับและดอกเบี้ยเต็มอัตรา แต่ถ้า…ก็แล้วแต่ท่านครับ

ด้วยความเคารพ

รุ่งโรจน์

ตอบ คุณรุ่งโรจน์

เป็นเรื่องเปรียบเทียบที่น่าสนใจระหว่างกลุ่มธุรกิจกับค่าผ่อนบ้านของประชาชน เหมือนกับโครงการอุ้มชาวนาที่กลายเป็นต้องห้าม เปรียบเทียบกับโครงการอุ้มสถาบันการเงิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน