คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง
พลันที่มีการเสนอจัดตั้ง“กรรมาธิการ”รอยยิ้มอำมหิตก็ปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด
เป็นรอยยิ้มอันแสดงความมั่นใจเป็นอย่างสูง ไม่ว่าจะมาจากพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมาจากแกนกำลังแห่ง 250 ส.ว.ว่าจะเป็นไม้เด็ดในทางการเมือง
เป็นการ“ซื้อเวลา”อย่างน้อยก็ 45 วัน
เวลาจากวันที่ 24 กันยายนเรื่อยไปจนถึงเดือนพฤศจิกายน นั่นคือเวลาในการเริ่มมาตรการเข้มเพื่อสยบลดทอนกระแสการเคลื่อนไหวของ“เยาวชนปลดแอก”
จากนั้นค่อยคว่ำญัตติแก้ไขเพิ่มเติม “รัฐธรรมนูญ”
เป็นการวางแผนจากสมองก้อนโตของเกจิแห่งพรรคพลังประชารัฐเด่นชัด
แต่หากใครที่ติดตามการประชุมรัฐสภาเมื่อคืนวันที่ 24 กันยายนก่อนมีการลงมติ ก่อนปิดสมัยประชุมรัฐสภา ก็จะสัมผัสได้ในร่องรอยอันเป็นสภาวะ “ร้าวลึก”
เห็นได้จากการแถลงจาก“วิป”พรรคประชาธิปัตย์
เห็นได้จากบทสรุปจากปากของ นายชวน หลีกภัย ไม่ว่าในฐานะประธานรัฐสภา ไม่ว่าในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
“ผมก็ถูกหลอกเหมือนกัน”
เด่นชัดว่าปฏิบัติการนี้มิได้ผ่านการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล
ตรงกันข้าม เป็นการสมคบคิดจาก 2 พลังการเมืองสำคัญในรัฐสภา พลัง 1 คือพรรคพลังประชารัฐ พลัง 1 คือ 250 ส.ว.อันถือว่าเป็นมือไม้ให้กับคสช.
พรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้ พรรคภูมิใจไทยไม่รู้ พรรคชาติไทยพัฒนาไม่รู้
สะท้อนให้เห็นว่าในยามหน้าสิ่วหน้าขวานทางการเมือง รัฐบาลโดยพรรคพลังประชารัฐก็พร้อมที่จะหลอกแม้กระทั่งพรรคร่วมรัฐบาลอันเป็นพันธมิตรของตน
นี่คือรอยร้าวที่นับวันจะ“ร้าวลึก”ภายในของรัฐบาล
ระยะแห่งการซื้อเวลาอย่างน้อยอีก 45 วันจึงเป็นเวลาแห่งความร้อนแรง
ไม่เพียงแต่จะถูกกระแทกอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องตลอดทั้งเดือนตุลาคมจากการเคลื่อนไหวของเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชนเท่านั้น
หากพรรคร่วมรัฐบาลก็หงุดหงิด และไม่พอใจ