ระบอบประยุทธ์เฟส 3 – กล่องรายชื่อประชาชน 100,732 คนที่เข้าชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญ ถูกนำไปตั้งทิ้งรอทำลาย แต่ย่อยสลายเจตจำนงประชาชนได้ไหม

อย่าบอกว่า 1 แสนคนเป็นเสียงส่วนน้อย การเข้าชื่อที่ต้องลงลายเซ็น ถ่ายสำเนารับรองบัตร ไม่เคยมีใครทำได้ถึงแสนในเวลาเดือนเศษ แต่กลับถูกปู้ยี่ปู้ยำใส่ร้าย รับเงินต่างชาติ? iLaw ใช้งบแค่เจ็ดแสนกว่าบาท ค่ากระดาษค่าเครื่องถ่ายเอกสารเบี้ยเลี้ยงอาสาสมัคร ที่เหลือจากนั้นคือจิตใจกระตือรือร้นของประชาชนที่เข้าคิวยาวตามม็อบต่างๆ

ร่าง iLaw ให้ยุบองค์กรอิสระ ก็เพราะ กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ตั้งจากกลไกรัฐประหาร ถูกกังขาความเป็นกลาง จึงให้ใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2540 ตั้งใหม่ทั้งหมด แต่พวก ส.ว.ตู่ตั้ง กลับตวัดลิ้นบิดเบือนเพื่อปกป้องกันว่านิรโทษคนโกง

ไม่ต้องพูดถึงร่างฝ่ายค้าน ที่ต้องการปิดสวิตช์ 250 ส.ว. โละอำนาจโหวตนายกฯ รื้อระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียว สูตรคำนวณเศษมนุษย์ ที่ประชาชนก่นทั้งประเทศ

ซึ่งเท่ากับค้ำตู่อยู่ยาว ตลอดช่วง 2 ปี กว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะบังคับใช้ ถ้าเกิดวิกฤตอะไร ยุบสภาลาออก ก็ยังใช้กติกาเดิม 250 ส.ว.ชุดเดิมก็จะอยู่ครบ 5 ปี เพราะรัฐธรรมนูญต้องมีบทเฉพาะกาลให้อยู่ต่อจนกว่าจะได้วุฒิสภาใหม่ เผลอๆ อยู่เกิน 5 ปี

ร่างแก้ไขมาตรา 256 ที่สภารับหลักการของพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ใครก็รู้ว่าจะเอาตามร่างของรัฐบาล เผลอๆ ส.ว.อาจแปรญัตติให้เลวร้ายกว่าด้วยซ้ำ

ร่างของรัฐบาลให้มี ส.ส.ร.200 คน มาจากเลือกตั้ง 150 คน แต่งตั้ง 50 คน แม้อ้างว่าเปิดที่นั่งให้นักเรียนนิสิตนักศึกษา แต่ให้ กกต.กำหนดวิธีการ ให้ที่ประชุมอธิการบดีเลือกกูรู ซึ่งหนีไม่พ้นนักร่างรัฐธรรมนูญมืออาชีพ รับใช้รัฐประหารมาทุกยุค เข้ามารับเบี้ยประชุมอู้ฟู่ตามเคย

ส.ส.ร.ทั้งเลือกตั้งแต่งตั้ง จึงจะมีเสียงข้างมากจากรัฐบาล รัฐราชการ รัฐพันลึก ไม่มีทางแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ถามจริงจะแก้อะไร ไม่เอา 250 ส.ว.โหวตนายกฯ กว่าจะเขียนรัฐธรรมนูญใหม่เสร็จ ก็โหวตตู่ได้ 2 ครั้ง

แก้ระบบเลือกตั้ง กว่าจะได้ใช้คงปี 2570 ถึงตอนนั้นสลิ่มตายหมดก่อน โละยุทธศาสตร์ชาติ? ก็ไม่จำเป็น ยังไงพวกตัวก็เป็นรัฐบาล

รื้อองค์กรอิสระ รื้อคุณสมบัติข้อห้ามนักการเมือง พวกคลั่งปราบโกงก็จะว่าเอื้อคนโกง นิรโทษคนโกง ไม่ตระหนักว่าไอ้พวกหน้ามืดปราบโกงนี่แหละ ทำลายประชาธิปไตยมาสิบกว่าปี กระจายอำนาจ? จังหวัดจัดการตัวเอง ก็อาจหาว่าขัดหมวด 1 ห้ามแก้ ร่างรัฐธรรมนูญตกไปทันที

มองไม่เห็นอนาคตการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ครั้งนี้ อาจมีข้อดีแค่เป็นเวทีชำแหละ

จึงมีคำถามว่า เมื่อถึงเวลาลงประชามติรับ-ไม่รับ ร่างแก้ไขมาตรา 256 เพื่อแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ (ยกเว้นหมวด 1 หมวด 2) ผู้รักประชาธิปไตยควรโหวตรับหรือไม่

ถ้าไม่รับ ก็เข้าทางหมอวรงค์ ซึ่งโพนทะนาว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ดีที่สุด

แต่ถ้ารับ ก็เข้าทางผู้มีอำนาจ ซึ่งจะวางกลไกเขียนรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจใหม่อีกครั้ง ปรับเงื่อนไขต่างๆ ให้เข้ากับบริบทใหม่ หลังอยู่มาได้ 2 ปี เป็นการสืบทอดเฟส 3 หรือระบอบประยุทธ์เฟส 3

นี่คือประชามติมัดมือชกอีกครั้ง บีบบังคับให้รับ แล้วก็จะอ้างความชอบธรรมปู้ยี่ปู้ยำ โดยยังตีเช็คเปล่า คือถ้า ส.ส.ร.ฝ่ายรัฐบาลลากถูร่างรับใช้อำนาจ แล้วรัฐสภาเห็นชอบ ก็บังคับใช้ได้เลยไม่ต้องลงประชามติ

หลังเลือกตั้งเกือบสองปี ระบอบประยุทธ์กุมอำนาจเบ็ดเสร็จในโครงสร้างประชาธิปไตยปลอม จากเดิมที่กุมรัฐราชการทหารตำรวจกระบวนการยุติธรรม ก็สามารถเป็น “เผด็จการรัฐสภา” ด้วย 250 ส.ว. และเสียงข้างมากที่ได้จากสูตรคำนวณและการยุบพรรคดูด ส.ส.

กล่าวได้ว่า ระบอบประยุทธ์เข้าสู่จุดลงตัวในการประสานประโยชน์กับนักการเมืองระบบอุปถัมภ์ นักการเมืองเก่าที่คนชั้นกลางชาวกรุงเคยยี้ ทุกวันนี้กลายเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพ ในการระดมคนสนับสนุนรัฐบาล แยกสลายพลังประชาธิปไตยในชนบท ใช้งบรัฐโครงการรัฐและการหาผลประโยชน์หล่อเลี้ยงฐานเสียง

แต่คนชั้นกลางเก่าก็ยังหัวปักหัวปำ ขณะที่คนชั้นกลางในเมืองรุ่นใหม่ลุกฮือขึ้นต่อต้าน แผ่พลังไปกว้างขวางทุกวงการ แสดงพลังเชี่ยวกรากที่ไม่หยุดแค่ประยุทธ์ แต่ต้องการปฏิรูปทุกอย่าง

ระบอบประยุทธ์ใช้ข้ออ้าง “ปกป้องสถาบัน” ไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 หมวด 2 แล้วก็ปกป้องตัวเอง ไม่แก้ไขไม่ทำตามข้อเรียกร้องเลยสักอย่าง ยังเดินหน้าระบอบสมประโยชน์ของรัฐราชการนักการเมืองเก่าและกลุ่มธุรกิจใหญ่ โดยยังจะใช้ “กฎหมายอำมหิต” ปราบปรามอย่างรุนแรง ภายใต้ความเชื่อว่าม็อบที่มีแต่มือเปล่าไม่สามารถต่อสู้กับอำนาจรัฐที่เป็นปึกแผ่น

ลืมไปมั้งว่าอำนาจที่มีอยู่ตอนนี้ไม่มีความชอบธรรมสักอย่าง แก้ปัญหาประเทศก็ไม่ได้ ได้แต่บังอยู่ข้างหลัง “ปกป้องสถาบัน”

มาวัดใจกันว่า ระบอบประยุทธ์เฟส 3 ที่ดันทุรังหวังปราบคนต้านแล้วยื้ออำนาจยาว อยู่กับนักการเมืองยี้ ส.ว.สีข้างถู จะบรรลุเป้าหมายไหม หรือมีอันเป็นไปเสียก่อน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน