เป็นแม่ไม่ง่าย – “พอลูกได้สัมผัสกับธรรมชาติ เขาร่าเริงขึ้นทันที เราถึงรู้ว่าเขาไม่ได้ผิดปกติอะไรเลย”

เราเพิ่งมาท้องตอนอายุ 38 โชคดีที่ตลอดการอุ้มท้องมาจนคลอด ลูกแข็งแรงปลอดภัยดี ไม่มีปัญหาอะไร ขวบปีแรกพัฒนาการลูกก็เป็นไปตามปกติ สามีเป็นคนทำงานเป็นหลัก เพื่อให้เรามีเวลาดูแลลูกเต็มที่

เราสองคนช่วยกันหาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการและการดูแลเด็กและทารกตั้งแต่วันแรกที่รู้ว่าท้อง อาหารบำรุง โฟลิค แคลเซียม สามีเตรียมจัดหามาไว้ให้พร้อมทุกอย่าง หลังคลอดเราเลี้ยงลูกเอง สามีกลับบ้านมาก็รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มาช่วยเราดูลูกต่อ ให้เราได้มีเวลาพักบ้าง


ช่วงลูกอายุได้ราวใกล้ๆขวบ ลูกมีร้องไห้งอแงตอนกลางคืนบ่อย เพราะคัดจมูก หายใจไม่ออกเราเลยพลอยไม่ค่อยได้นอนไปด้วย มีช่วงหนึ่งที่ลูกป่วยเป็นไข้ ความที่เราไม่รู้ว่าเช็ดตัวต้องเช็ดเป็นรอบๆ เราดันเอาผ้าชุบน้ำโปะหัวไว้ตลอด ผลคือทำให้ลูกมีอาการไข้ขึ้นสูง ปอดบวม ติดเชื้อในกระแสเลือดและมีอาการชัก ทำให้เราตกใจกันมาก เราคือใจจะขาด สงสารลูกมากจนร้องไห้ใน รพ.หลายรอบ

ตอนนี้ลูกต้องนอนไอซียูหลายวัน และหมอบอกว่าลูกติดเชื้อไวรัส RSV นะ ต่อไปนี้ปอดและทางเดินหายใจลูกจอค่อนข้างอ่อนไหวต่อสิ่งกระตุ้น เราต้องระมัดระวังมากๆ

ทีนี้เราเลยกลายเป็นแม่พารานอยด์ ประสาท กลัวทุกอย่าง ของที่จะให้ลูกจับให้ลูกกินต้องปลอดภัยไร้ฝุ่นไร้เชื้อ เราไม่อยากเห็นลูกทรมานแบบตอนที่ป่วยอีก หลังจากช่วงนั้นมาเราไม่พาลูกไปต่างจังหวัดอีกเลยระวังไม่ให้โดนแดดโดนลม แต่ถึงอย่างงั้นเวลาที่พาไปเข้าโรงเรียนอนุบาลมันก็เลี่ยงไม่ได้ สองอาทิตย์แรกคือป่วย เป็นหวัด ถึงใครๆจะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดา เด็กทุกคนเข้าโรงเรียนมาคือป่วยทั้งนั้น แต่ลูกเราป่วยแล้วหลอดลมจะตีบ หายใจไม่ได้สะดวก ตอนกลางคืนบางทีเหมือนหลอดลมบวม หน้าเขียวเลย ต้องพาไปหาหมอที่ฉุกเฉินรพ. ก็ได้พวกยาพ่นขยายหลอดลมมา

มีครั้งหนึ่งลูกมีอาการหายใจไม่ออกที่โรงเรียน ครูโทรมาบอก เราตกใจมากรีบขับรถไปโรงเรียน ดีว่าครูช่วยพาส่งดรงพยาบาลก่อนแล้วเลยปลอดภัย

หลังจากนั้นหมอก็ให้ยาพ่นแบบที่พกติดตัวได้ แบบคนที่เป็นหอบหืดใช้กัน เราใจเสียเหมือนกันนะคะนี่คือลูกจะเป็นโรคหอบหืดเหรอ หมอเป็นเรากังวล ก็เลยบอกว่า โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่จะทุเลาลงได้หากออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ร่างกายโดยรวมแข้งแรง กล้ามเนื้อแข็งแรง หลอดเลือดแข็งแรง ระบบต่างๆในร่างกายก็จะดีไปด้วย

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีไข้หวัดใหญ่ระบาดในโรงเรียน ต่อด้วยมือ เท้า ปากอีก เลยหยุดไปโรงเรียนเลย และก็คุยกับพ่อเขาว่าอยากให้โฮมสคูลก่อนจนกว่าร่างกายลูกจะแข็งแรงขึ้น เราพาลูกออกกำลังกายในบ้าน เต้น แอโรบิก กระโดดตบ เราให้เหนื่อยเหงื่อออก มันก็ดีนะ เราเองก็สุขภาพจิตดีไปด้วย

แต่หลังจากอยู่บ้านมาปีนึง เราสอนลูกเอง ทำกิจกรรมร่วมกันในบ้าน เลี่ยงการออกไปข้างนอกเพราะเลี่ยงฝุ่น เหมือนลูกซึมๆลง อะไรที่เคยชอบก็ไม่ค่อยชอบ ไม่เรียกร้องเหมือนเดิม พูดน้อยลง ไม่ค่อยสดชื่น ไม่ได้เรียกร้องจะเล่นกับเพื่อน แต่อยากให้แม่พาออกไปเล่นนอกบ้านบ้าง


เราคุยกับผู้ใหญที่เราเคารพ ท่านก็แนะนำว่า จริงๆแล้วเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กควรได้มีโอกาสอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เพราะจะทำให้พลังชีวิตได้ฟื้นฟู ซึมซับความงามจากสิ่งรอบตัว ไม่ต้องไปกลัวมากเกินจนลูกไม่ได้เจออะไรที่ควรเจอตามวัยของเขา สัมผัสดิน หญ้า ต้นไม้ แดด ลม ภูเขา ทะเล ตามวัยเขาบ้างถ้าทำได้

เราก็มาย้อนคิดว่า เออ ตอนเราเด็กๆพ่อแม่เราก็เลี้ยงมาแบบอยู่ท่ามกลางธรรมชาตินะ บางทีกินดินกินทรายไปบ้างก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงหนักหนา เรานึกเสียดายว่า เราเลี้ยงลูกปกป้องมากไปจนลูกเสียโอกาสได้เรียนรู้โลกที่เขาอาศัยอยู่หรือเปล่า โลกเขาไม่ได้มีแค่พ่อ แม่ และบ้าน

หลังจากนั้นเราก็ปรึกษาหมอของลูก เตรียมทุกอย่างที่จำเป็น แล้วลองพาลูกออกไปเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติบ้าง ได้เรียนรู้ความร้อง เย็นในธรรมชาติที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ได้เล่นน้ำทะเล เล่นทราย น้ำตก ได้ลองปลูกดอกไม้

มันวิเศษมาก เหมือนเวทมนต์เลยค่ะ ลูกที่ซึมๆร่าเริงขึ้นเป็นคนละคนเลย เรื่องธรรมชาติธรรมดาอย่างที่เราเห็นจนเคยชินอย่างตะวันขึ้นตะวันตก ลูกร้องดีใจ ขอถ่ายรูปไว้ เขาบอกว่าท้องฟ้าโล่งๆตอนพระอาทิตย์ตกนี่สวยมาก มีหลายสี เขาจะเอาภาพที่ถ่ายไว้กลับไปวาดรูประบายสีที่บ้าน


เห็นดอกไม้ในสวนสวยๆ เขาก็ร้องขอให้แม่ซื้อต้นดอกไม้ไปให้เขาปลูกให้เขาดูแลที่บ้านมาก การที่เราให้เขาได้มีโอกาสเห็นชีวิตค่อยๆเติบโตงอกงาม เหมือนเราได้รับพลังซึ่งกันและกัน ไม่ได้เติมใจแค่ลูกเท่านั้น แต่เติมใจให้กับเราด้วย และเหมือนว่าพอลูกได้วิ่งเล่นตากแดดตากลมบ้างจนแก้มแดงๆ สุขภาพโดยรวมของลูกก็ดีขึ้นด้วยอย่างเห็นได้ชัดเลย รู้งี้คือพาออกไปตั้งนานแล้วค่ะ

ขึ้นหนึ่งค่ำ

 

คุณแม่ท่านหนึ่ง กรุงเทพมหานคร
ภาพ Pixabay

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน