คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

การตั้งโต๊ะแถลงพร้อมกันของเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติอธิบดีกรมควบคุมโรคและผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเป็นเรื่องชัดเจนว่าเพื่อสยบข้อสงสัยเรื่องความไม่เป็นเอกภาพในการบริหารจัดการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19

เพียงแต่สถานการณ์ขณะนี้ขึ้นอยู่กับการจัดส่งและกระจายวัคซีนว่าจะเป็นไปตามกำหนดเวลาได้มากน้อยเพียงใด

หลังจากโรงพยาบาลแห่งต่างๆประกาศเลื่อนคิวฉีดช่วงวันที่ 14-20 มิ.. ส่วน กทม.เลื่อนไปจากวันที่ 15 มิ.. เพราะยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนมา

กรมควบคุมโรคอธิบายว่าวัคซีนป้องกันโควิดเป็นวัคซีนตัวใหม่และเป็นชีววัตถุต้องดูแลให้เกิดความปลอดภัยและยังมีเรื่องเงื่อนไขเวลา

จึงจะทำให้ช่วงครึ่งหลังของเดือนมิ.. เกิดความขลุกขลักบ้าง

กรณีนี้หากหน่วยงานรัฐชี้แจงประชาชนอย่างตรงไปตรงมาจะทำให้เกิดความเข้าใจที่ดีและชัดเจนขึ้น

สิ่งที่ประชาชนรับทราบขณะนี้คือรัฐบาลกำหนดเวลาจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนคนไทยอย่างน้อยจำนวน 50 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของประชากรทั้งประเทศ ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี 2564

ขณะนี้เมื่อนับจากเดือนก.. มีวัคซีนเข้ามาแล้ว 8.1 ล้านโดส จึงยังเป็นเส้นทางอีกยาวไกลสำหรับการกระจายวัคซีน

เฉพาะส่วนของกรุงเทพฯพื้นที่ที่มีการฉีดวัคซีนสูงสุดจำนวน 1.7 ล้านโดส หรือคิดเป็นร้อยละ 27.7 ของวัคซีนที่มีอยู่ ยังไม่ชัดเจนว่าถึงขณะนี้ กลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังที่ควรได้รับวัคซีนก่อน ได้รับไปแล้วเท่าใด ขลุกขลักอยู่เท่าใด

ภาพสะท้อนจากเสียงวิจารณ์ของประชาชนขณะนี้คือหน่วยราชการไม่ได้สื่อสารเรื่องนี้อย่างเปิดเผยตรงสภาพความเป็นจริง

อาจเพราะกลัวว่าจะกระทบต่อภาพของรัฐบาลซึ่งถูกวิจารณ์อยู่แล้วว่าจัดหาวัคซีนล่าช้าเพราะไม่ได้คาดถึงเผื่อไว้ว่าจะเกิดการระบาดใหญ่ระลอกที่สาม

แต่วิธีการรับมือและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ที่ดีที่สุดคือการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงกับประชาชน

รัฐบาลไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าตาหรือมุ่งสั่งสอนให้ประชาชนรักและเข้าใจรัฐบาลไปทุกเรื่อง

เพราะความรักและความเข้าใจจะมีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของฝ่ายรัฐเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน