คอลัมน์ ใบตองแห้ง

“นะจ๊ะพ่อ-งสิ” คนจำนวนมากเปลี่ยนรูปโปรไฟล์ หลัง ศบค.ออกคำสั่งกึ่งล็อกดาวน์ ปิดแคมป์ไล่คนงานไปแพร่เชื้อต่างจังหวัด ประกาศห้ามนั่งร้านอาหารตอนตีหนึ่ง ราวกับประกาศคณะรัฐประหาร แล้วยังชูสองนิ้วนะจ๊ะๆ หัวร่อกันครื้นเครง สปีกอิงลิชเป็นเพลง Take Me Home Country Road ทั้งที่ตัวเลขติดเชื้อพุ่งกระฉูด ตัวเลขคนตายทำนิวไฮ คนป่วยรอเตียงตายคาบ้าน คนหมดหนทางฆ่าตัวตาย ธุรกิจปิดตัวเอง คนตกงานไม่มีกิน น้ำตานองทั้งประเทศ

“เลือดท่วมเท้าไปหมดแล้ว ยังยืนหัวเราะอยู่ได้ น่ารังเกียจจริงๆ” คำพูดนี้ไม่ได้มาจากม็อบหรือจากฝ่ายค้าน แต่มาจากโพสต์ของอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่ง

รัฐบาลประยุทธ์มาถึงจุดถูกด่ามากที่สุด ถูกต่อต้านอย่างกว้างขวาง ทั้งทางตรงทางอ้อม ไม่ใช่แค่ม็อบราษฎร ม็อบไทยไม่ทน นกเขาไม่ขัน โดนประท้วงทั้งจากนักดนตรี คนทำงานกลางคืน ร้านอาหารอารยะขัดขืน #กูจะเปิดมึงจะทำไม บุคลากรการแพทย์เข้าชื่อเป็นหมื่นๆ “ไล่ซิโนแวค” เรียกร้องให้รัฐบาลซื้อวัคซีน mRNA โดยยังมีหางเลข “ไล่หมอยง” แม้รู้ว่าไล่ไม่ได้ ก็ขอให้ได้อาย

กระแสความเหลืออด ต่อการบริหารจัดการโควิดล้มเหลว ต่อการจัดหาวัคซีนล่าช้า จัดสรรไร้ยุทธศาสตร์ ต่อการทอดทิ้งไม่เยียวยา ฯลฯ ณ วันนี้ แผ่กว้างถึงประชาชนทั่วไป แทบจะไม่แบ่งขั้วแบ่งฝ่าย ตั้งแต่นักธุรกิจถึงคนหาเช้ากินค่ำ ตั้งแต่ภัตตาคารถึงหาบเร่แผงลอย คงเหลือสลิ่มดักดานไม่กี่ราย กับทหารในค่าย ที่ไม่เดือดร้อนอะไร

กลุ่มหนึ่งที่โกรธสุดๆ คือบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งการบริหารล้มเหลวไม่เพียงทำให้หมอพยาบาลทำงานหนัก หากยังต้องหลั่งน้ำตาเสียคนไข้ หมอทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยชีวิตคน แต่ช่วยไม่ได้ เพราะรัฐล้มเหลวจนระบบสาธารณสุขรับมือไม่ไหว เตียงไม่พอ กว่าจะถึงมือหมอก็เชื้อลงปอดอาการหนัก ห้องไอซียูไม่พอ เครื่องช่วยหายใจไม่พอ

ซ้ำร้าย หมอพยาบาลยังติดเชื้อเองเพราะวัคซีนไร้คุณภาพ ราวกับ GT200 ยิ่งทำให้ “นักรบชุดขาว” ขาดกำลัง

รัฐบาลที่เคยโหนหมอพยาบาลทำงานหนัก เรียกร้องประชาชนเชื่อฟังรัฐ ตอนนี้อ้างไม่ได้แล้วครับ เพราะมันย้อนกลับ ประชาชนมองว่าถ้าไล่รัฐบาลได้ หมอพยาบาลคงไม่ต้องแบกรับภาระขนาดนี้ ไม่ต้องทุกข์ใจขนาดนี้

สถานการณ์ตอนนี้แม้ประชาชนโกรธรัฐบาลจนจะร้องเพลง One Two Three Four Five ทั้งประเทศ แต่ไม่สามารถรวมพลัง เพราะหนึ่ง อยู่ระหว่างกลัวโควิด เพราะสอง กระแสไม่เอาประยุทธ์กว้างกว่าม็อบ ไม่ว่ากลุ่มไหน แต่ไม่สามารถเป็นเอกภาพ

พูดง่ายๆ คนที่โกรธที่ไม่พอใจรัฐบาลมีกว้างกว่าม็อบราษฎร เป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับม็อบราษฎรบางอย่าง (หรือไม่ยอมรับม็อบจตุพร) แม้อยากไล่เหมือนกัน แต่พอม็อบออกมาก็ทั้งกลัวโควิดทั้งกระอึกกระอักที่จะเข้าร่วม ก็ทำให้ม็อบไม่มีพลัง

ฝ่ายรัฐบาลก็หวังว่าจะประคองสถานการณ์ไปอย่างนี้ จน โควิดจาง ถึงตอนนั้นความโกรธจะจางลง ด้วยอำนาจหนุนหลังด้วยเครือข่ายมหึมา ประชาชนก็จะไม่กล้าออกมาไล่ กลับไปทำมาหากินดีกว่า

อย่างไรก็ดี สิ่งที่จะไม่เป็นไปตามคาดหวังคือ โควิดไม่จางลง แต่กำลังจะพุ่งขึ้น เหมือนที่แพทย์หลายคนวิเคราะห์ว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนัก ผู้เสียชีวิต จะเพิ่มขึ้นอีก เพราะแม้ปิดแคมป์คนงาน ห้ามนั่งร้านอาหาร ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่ทันการณ์แล้ว โควิดระบาดจากคลัสเตอร์เข้าไปสู่ครัวเรือน ที่ทำงาน มันจะคล้ายกับสถานการณ์ในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว คือพอคุมไม่อยู่ใน 3 เดือน ตัวเลขก็พุ่งเป็นภูเขา ติดมากตายมากจนกระทั่งสร้างภูมิคุ้มกันเองหรือฉีดวัคซีน

ตอนนี้เราแซงสหรัฐ อินเดีย ไปแล้ว เมื่อเทียบสัดส่วนประชากร คนติดเชื้อวันละ 5,000 เท่ากับ 1 แสนในอินเดีย ที่มีประชากรมากกว่าเรา 20 เท่า (อวดเก่งกว่าเขานัก)

ถ้าสถานการณ์เป็นอย่างคาดใน 1-2 สัปดาห์ ความโกรธ ของประชาชนจะขนาดไหน แต่โกรธแล้วไล่ไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ดูพี่โทนี่สอนคนโง่ทุก 2 อาทิตย์ โดยพี่โทนี่ก็กลับมาไม่ได้ คนไทยไม่มีตัวเลือก นอกจากตายกับตาย ไม่ตายเพราะโควิดเดี๋ยวก็ตายเพราะเศรษฐกิจ ที่แบงก์ชาติบอกแล้วว่าต้นปี 66 กว่าจะฟื้น

โดยกลไกทางการเมือง ก็ยิ่งทางตัน รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13 ฉบับ ผ่านวาระแรกฉบับเดียว คือร่างแก้ไขระบบเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์

การแก้ไขระบบเลือกตั้ง พูดกันง่ายๆ คือพรรคพลังประชารัฐต้องการกลับไปใช้ระบบ 2540 ปูทางให้ประยุทธ์สืบทอดอำนาจอีกครั้งผ่านเลือกตั้ง เพราะเชื่อว่าตัวเองชนะ พรรคเพื่อไทยก็เอาด้วย “ท้าดวล” เพราะเชื่อว่าชนะเช่นกัน แต่วุฒิสภากลับไปรับร่าง ปชป. ที่คลุมเครือ อาจมีปัญหาตีความ อาจแปรญัตติพิสดารจนไม่ผ่าน

ซึ่งเท่ากับปิดความหวังที่จะเปลี่ยนประยุทธ์ผ่านเลือกตั้ง ปิดกั้นให้ระเบิดกันไปข้าง ไม่สามารถลดแรงกดดันว่า รอโควิดจางค่อยยุบสภาเลือกผู้นำใหม่

แล้วความโกรธจะระเบิดออกมาอย่างไร จะให้คนยอมตายอยู่ใต้อำนาจตู่ที่นั่งทับทางตันอยู่อย่างนี้หรือ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน