สภาผู้แทนกลับมาคึกคัก ‘ชลน่าน-คารม-จิรายุ’ แจ้งเกิดดาวสภา-ดาวรุ่ง

คอลัมน์ ทะลุคน ทะลวงข่าว

สภาผู้แทนกลับมาคึกคัก – สภาผู้แทนราษฎรถูกปิดตายนาน 5 ปี กลับมาคึกคักอีกครั้ง

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภาชั่วคราว อาคารทีโอที แจ้งวัฒนะ เพื่อเลือกประธานสภาและรองประธาน ต่อด้วยการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ส.ส.หลายคนทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง มีสีสัน แจ้งเกิดในฐานะดาวสภา ดาวรุ่งพุ่งแรง

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.เขต 2 น่าน พรรคเพื่อไทย(พท.) โดดเด่นตั้งแต่วันโหวตเลือกประธานสภา

ลุกขึ้นอภิปรายหลายครั้ง สวมบทหัวหมู่ทะลวงฟัน โชว์ฝีปาก วาทศิลป์ พร้อมยกเหตุผลและระเบียบข้อบังคับ ด้วยภาษาฟังง่าย เข้าใจไม่ยาก ถูกอกถูกใจชาวบ้านที่ติดตามการถ่ายทอดทางทีวีและโซเชี่ยล

แม้กระทั่งวันลงมติเลือกนายกฯ ก็ยังคงฝีปากกล้า อภิปรายชำแหละ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. แคนดิเดต นายกฯจากพรรคพลังประชารัฐ เรื่องขาดคุณสมบัติ

ทั้งการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ขัดจริยธรรมร้ายแรงไม่ยึดมั่นในประชาธิปไตย ไม่ซื่อสัตย์สุจริต บริหารประเทศโดยใช้ราชการเป็นศูนย์กลางมีผลกระทบต่อบ้านเมือง และผลประโยชน์ขัดกัน เช่น การตั้งส.ว.มาเพื่อมาเลือกตัวเองกลับสู่อำนาจอีกครั้ง

จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. จากค่ายเดียวกัน ราศีดาวสภาวาววับ

ต่อกรกับวลีพิลึกพิลั่น “เผด็จการประชาธิปไตย” ของ เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.สรรหา

และยังใช้ไหวพริบเมื่อถูกจี้ให้ ถอนคำพูดที่ว่า มีลักษณะนิยมเผด็จการ

โดยระบุว่า “ผมขอถอนจากเผด็จการ เป็นผู้ชื่นชอบผู้มีบุญคุณแล้วกันครับ”

เรียกเสียงฮือฮาจากที่ประชุม

ก่อนจะโชว์ปิดท้ายอภิปรายเชือดเฉือนระดับน้องๆ มีดโกนอาบน้ำผึ้ง พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ เพราะมักฉุนเฉียวและพูดจาหยาบคายใส่นักข่าว ไม่เหมือนอดีตนายกฯชวน ที่อย่างมากก็พูดแค่ว่า “ผมยังไม่ได้รับการรายงาน”

ทำให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ต้องพูดสวนกลับทันที อย่าเอาไปเทียบกัน

ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายตอบโต้ส.ส.และส.ว.ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ได้อย่างเผ็ดมันทันกัน

ทั้งเรื่องตีกินประเด็น ‘เผาบ้านเผาเมือง’ เรื่องอาชีพ‘ทนายความ’

รวมถึงประท้วงการอภิปรายพาดพิง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นนายกฯนอกสภา และถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว

แจ้งเกิดสว่างไสวอีกดวง

นพ.ชลน่าน เกิด 4 มิ.ย. 2504 ที่ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน

ลูกชายของนายใจ ศรีแก้ว และนางหมาย ศรีแก้ว

แพทยศาสตรบัณฑิต จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ปี 2530

ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์(นิด้า) ปี 2542

เป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลเวียงสา อ.เวียงสา จ.น่าน

เคยดำรงตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว อ.ปัว จ.น่าน ปี 2538-2543

สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ปี 2526

เข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัว ลงสมัคร ส.ส.น่าน สังกัดพรรคไทยรักไทย ได้เป็นส.ส.สมัยแรก ปี 2543

ปี 2547 เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.สาธารณสุข ปี 2548 เลขานุการ รมว.สาธารณสุข และวิปรัฐบาล

เป็นรองโฆษกพรรคเพื่อไทย

ปลายปี 2552 สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ตั้งฉายานักการเมือง ติดทำเนียบ ‘ดาวสภา’ ด้วยบทบาทการอภิปราย มุ่งเน้นข้อมูลมากกว่าใช้วาทศิลป์

เป็นรมช.สาธารณสุข รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ระหว่าง 27 ต.ค.2555-มิ.ย.2556

ปี 2559 เป็นข่าว โดนบุกยึดขันสีแดงที่เตรียมแจกประชาชนใช้เล่นน้ำสงกรานต์ เพราะคสช.เห็นเป็นภัยต่อความมั่นคง

ไม่เคยแพ้เลือกตั้ง ได้รับเลือกเป็นส.ส. 5 สมัยติดต่อกัน จากการเลือกตั้ง 7 ครั้ง (โมฆะ 2 ครั้ง)

หวนกลับคืนสู่สภา รักษามาตรฐาน ดาวสภา ตั้งแต่วันแรก

คารม พลพรกลาง เปลี่ยนนามสกุลจากเดิม พลทะกลาง

อายุ 56 ปี พื้นเพและตามทะเบียนบ้านเป็นคนร้อยเอ็ด

อาชีพทนายความ มีสำนักงานให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งในพื้นที่ต่างจังหวัดและกทม.

ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)

ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์

เคยลงเลือกตั้งส.ส.นนทบุรี พรรคพลังธรรม ปี 2539

ปี 2542 สมัครเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องถึงพรรคเพื่อไทย เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้านกฎหมาย ของพรรค

ก.ค.2561 ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคอนาคตใหม่

เมื่อพรรคอนาคตใหม่ พรรคตั้งใหม่สร้างปรากฏการณ์ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนทั่วประเทศ ลงคะแนนให้มากถึง 6 ล้านกว่าคะแนน

ได้เป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 25 เข้าสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก

จิรายุ เกิดที่กรุงเทพมหานคร เมื่อพ.ศ. 2512

ดีกรีปริญญาโท สาขาการบริหารสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศึกษาต่อการออกแบบ ที่เมลเบิร์น ออสเตรเลีย

เริ่มต้นทำงานเป็นนักเขียนคำโฆษณา

เป็นผู้สื่อข่าวสายเศรษฐกิจ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี กระทั่งขึ้นเป็นบรรณาธิการข่าวสกายนิวส์

ปี 2550 ย้ายไปเป็นผู้ประกาศข่าวที่ เอ็นบีที ก่อนถูกปลดออกยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี 2552

ตัดสินใจลงเล่นการเมือง เป็นคณะทำงานทีมโฆษกพรรคเพื่อไทย

ลงสมัครส.ส.เขต 18 กทม. ได้เข้าสภาเป็นครั้งแรก ปี 2554 ชนะคู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นอดีตส.ส.หลายสมัย

เลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 รักษาแชมป์ได้สำเร็จ เอาชนะคู่แข่งจากพรรคพลังประชารัฐ ในเขต 16 กทม.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน