ฉลอง-กนกวรรณ-ชาติชาย เสียบบัตร-รุกป่า-ใบดำ เพิ่มสนิมกัดกินรัฐบาล : ทะลุคน ทะลวงข่าว

ฉลอง–กนกวรรณ–ชาติชาย

เสียบบัตร–รุกป่า–ใบดำ

เพิ่มสนิมกัดกินรัฐบาล

คอลัมน์ – ทะลุคน ทะลวงข่าว

ทะลุคน ทะลวงข่าว – เป็นปรากฏการณ์แห่ง “สนิม” ที่กลุ้มรุมกัดกินรัฐบาลอยู่ขณะนี้ ความวัวจากคนกันเองยังไม่รู้จบ พรรคร่วมยังมามีเรื่องร้อนไม่หยุดหย่อน ส.ส.พรรคภูมิใจไทยถูกร้องเรียนว่าเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ซึ่งหากส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อาจทำให้ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่เพิ่งผ่านสภาและวุฒิสภา ล่าช้าไปอีก 2-3 เดือน หรือรุนแรงระดับร่างพ.ร.บ.นั้น เป็นโมฆะ

แม้ฝ่ายรัฐบาลจะชี้ว่าคดีเสียบบัตรแทนกันในอดีต ยกมาเป็นบรรทัดฐานตัดสินปัจจุบันไม่ได้ แต่ไม่มีใครลืมครั้งศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. … สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และ มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

เหตุจาก นริศร ทองธิราช ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ขณะนั้น ใช้บัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนส.ส.รายอื่น

แต่กรณีเสียบบัตรแทนกันในยุครัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย ระบุ ผลการวินิจฉัยในอดีตไม่ได้เป็นบรรทัดฐาน 100% ต่อคดีในปัจจุบันทุกกรณี

เสียบบัตรแทนกัน แดงโร่ขึ้นมา เมื่อ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค และอดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ แถลง จากการตรวจสอบการพิจารณาร่างพ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทของสภาผู้แทนราษฎร พบมีส.ส.กดบัตรแทนกันในที่ประชุมสภาวันที่ 10 ม.ค. เวลาประมาณ 20.50 น.

ระบุชื่อ ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย โดยในวันเวลา ดังกล่าว นายฉลองเดินทางไปยังสนามบินหาดใหญ่ แต่กลับปรากฏชื่อร่วมเป็นองค์ประชุม

และมีชื่อร่วมลงมติในร่างพ.ร.บ.งบฯ ตั้งแต่มาตรา 39 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการจัดการมลพิษและสิ่งแวดล้อม ลงมติมาตรา 40 ว่าด้วยงบประมาณสำหรับแผนงานบูรณาการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ

และลงมติเห็นชอบวาระ 3 และข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ทั้งๆ ที่ในวันที่ 11 ม.ค. มีหลักฐานภาพถ่ายนายฉลองเป็นประธานพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติอยู่ที่พัทลุง

ต่อมา ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้ชัด รายงานจากเลขาธิการสภา ผลปรากฏชัดเจนว่ามีการเสียบบัตรแทนกันจริง

และถือเป็นการทำผิดแน่ๆ ดังนั้นจะส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อให้ได้ข้อยุติ เกี่ยวกับการเสียบบัตรแทนกัน และพ.ร.บ. งบประมาณฯ ที่ผ่านความเห็นชอบของทั้ง 2 สภาแล้ว

“กฎหมายที่ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ไม่ควรมีปัญหา และต้องไม่มีอะไรเคลือบแคลงสงสัย กระบวนการอาจจะเสียเวลาไปบ้าง แต่ก็ดีกว่ามาเคลือบแคลงกันทีหลัง”

ฉลอง เทอดวีระพงศ์ อายุย่าง 59 เกิด 14 ส.ค. 2503

ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) และศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง

เคยเป็นปลัดอำเภอที่นครศรีธรรมราช, นายอำเภอที่พัทลุง ศรีสะเกษ นครพนม และปลัดจังหวัดพัทลุง

ลาออกจากราชการลงสมัคร ส.ส.พัทลุง เขต 2 ชน นิพิฏฐ์ แชมป์เก่า เจ้าของพื้นที่

ฮือฮาคว่ำคู่แข่งจากประชาธิปัตย์ เข้าวินอันดับ 1 ได้เป็น ส.ส.สมัยแรกในการ เลือกตั้ง 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นว่า เสียบบัตรทิ้งไว้จริงเพราะรีบร้อน แต่ไม่ได้ใช้หรือวานให้ใครกดบัตรลงคะแนนให้

แต่เสียงตำหนิแรงก็มาจากหัวหน้าพรรค ก่อนสั่งตั้งกรรมการสอบ พร้อมคำคาดโทษ อย่าให้เกิดขึ้นอีก

แจงเสียงสั่น กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.พรรคภูมิใจไทย ไม่ได้รุกป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ กรมที่ดินออกเอกสารสิทธิให้ถูกต้อง หลังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช แจ้งจับ “รัฐมนตรีกับพ่อ” รุกป่ามรดกโลกเขาใหญ่

ลั่น เคารพกฎหมาย ไม่ได้ทำผิด

ว่า เป็นเรื่องของราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมที่ดิน กรม ป่าไม้ ที่จะต้องไปดำเนินการพิสูจน์ต่อไป

ส่วนตัวเองพร้อมเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิให้เร็วที่สุด ยืนยันว่าที่ดินได้มาอย่างถูกต้อง

ชื่อเล่น ‘โอ๊ะ’ อายุย่าง 53 ปี เกิด 27 มิ.ย. 2509

ลูกสาว สุนทร วิลาวัลย์ อดีตส.ส. ปราจีนบุรีหลายสมัย

ปริญญาตรีจากคณะนิติศาสตร์ ปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และปริญญาเอก สื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก

ชีวิตครอบครัว สมรสกับ ปกรณ์ ศรีจันทร์งาม รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ มีบุตร–ธิดา 3 คน

งานการเมือง เริ่มจากสมาชิก อบจ.ปราจีนบุรี เขตอ.กบินทร์บุรี และรองนายก อบจ.ปราจีนบุรี

ปี 2548 ลงสนามใหญ่สังกัดพรรคไทยรักไทย สอบได้เป็นส.ส.ปราจีนบุรี เขต 1

เลือกตั้งยุค คสช. ย้ายค่ายไปเข้าภูมิใจไทย เป็นรองเลขาธิการพรรค

ได้นั่งเก้าอี้ รมช.ศึกษาธิการ รัฐบาลประยุทธ์ ภาค 2

เป็นอีกคนของฟากรัฐบาล ที่พิษครอบครองที่ดินเล่นงาน

ที่ประชาธิปัตย์ อีกพรรคร่วมรัฐบาลก็เกิดเหตุ ศาลฎีกาคดีเลือกตั้ง พิพากษาตัดสิทธิลงสมัครเลือกตั้ง 10 ปี ชาติชาย วรพิพัฒน์ ผู้สมัคร ส.ส.จันทบุรี หลัง กกต.สั่งเพิกถอนสิทธิการลงรับสมัครเลือกตั้งและสิทธิเลือกตั้ง (แจกใบดำ)

ศาลชี้ หาเสียงด้วยการใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้ตนเอง

พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับ เลือกตั้งของนายชาติชาย ผู้ถูกกล่าวหา เป็นเวลา 10 ปี

ประชาธิปัตย์จะถูกหักคะแนนของนายชาติชายออกจากคะแนนรวมของพรรค ซึ่งในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ได้ 19,711 คะแนน

เกิดที่จันทบุรี ศึกษาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เคยเป็นกำนัน ก่อนเข้าประชาธิปัตย์ ลงสมัครส.ส.เขต 2 จันทบุรี แทนคนเก่าที่ไปพูดพาดพิงถึงจนเป็นเรื่องถูกใบดำ

ผลการเลือกตั้ง สอบตก พ่ายอนาคตใหม่

มีรายงานจาก กกต.ว่า คดีนี้แม้จะไม่มีการเลือกตั้งใหม่ แต่กกต.กำลังศึกษาว่าความผิดกรณีนี้ จะถือว่าเป็นเหตุทุจริตเลือกตั้งที่ทำให้ต้องคำนวณส.ส.ระบบบัญชี รายชื่อใหม่ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งอาจส่งผลถึงความเปลี่ยนแปลง ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคหรือไม่

วิบากกรรมของทั้งสาม ไม่เพียงสร้างปัญหาแก่ตัวเอง ยังสร้างปัญหาเข้าพรรค ลุกลามไปยังเรือเหล็กรัฐบาลที่กำลังถูกสนิมกัดกร่อนทุกวัน