ทะลุคน ทะลวงข่าว
พลันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ตั้งคำถาม 6 ข้อ ขอถามตรงๆ กับประชาชน ถึงอนาคตการเมืองไทย
6 คำถาม ที่ประกอบด้วย
ข้อที่ 1 เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ ขึ้นมาหรือไม่ในวันนี้ หรือนักการเมืองหน้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ให้ประชาชนได้พิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป การมีพรรคเดิม นักการเมืองหน้าเดิมๆ มีรัฐบาลจะทำให้ประเทศชาติ เกิดการปฏิรูปและทำงานต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์หรือไม่
ข้อที่ 2 การที่คสช.จะสนับสนุนพรรคใด หรือนายกฯ จะสนับสนุนใครเป็นสิทธิ์หรือไม่
ข้อที่ 3 สิ่งที่คสช.และรัฐบาลนี้ดำเนินการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมองเห็นอนาคตที่ดีของประเทศชาติบ้าง หรือไม่
ข้อที่ 4 การเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีต มาเปรียบเทียบกับการจัดตั้งรัฐบาลในวันนี้ เป็นสิ่งที่ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ เพราะสถานการณ์บ้านเมืองก่อนหน้าที่ คสช. และรัฐบาลนี้จะเข้ามา ได้พบเห็นแต่ความขัดแย้ง ความรุนแรง การแบ่งแยกประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่
ข้อที่ 5 รัฐบาลและการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยที่ผ่านมาของไทย ได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล และมีการพัฒนาประเทศที่มีความต่อเนื่องชัดเจนเพียงพอหรือไม่
ข้อที่ 6 ข้อสังเกตเพื่อพิจารณา เหตุใดพรรคการเมือง นักการเมือง จึงออกมาเคลื่อนไหวด้อยค่า คสช. รัฐบาล รัฐมนตรี นายกฯ มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงนี้มากผิดปกติเพราะอะไร
ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์และต่อต้านอย่างหนักทั้งจากนักการเมือง และนักวิชาการ
เชื่อว่าหวังผลต่อท่ออำนาจหลังเลือกตั้ง
จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ตอบโต้ทันควัน
ลูกชายของ อนันต์ ฉายแสง อดีตส.ส.หลายสมัย
อดีตส.ส.ฉะเชิงเทราหลายสมัย ทั้งประชาธิปัตย์ พรรคความหวังใหม่ และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทย
อดีตรองนายกฯ รมช.คลัง รมต.ประจำสำนักนายกฯ รมว.ยุติธรรม รมว.ศึกษาธิการ
หลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ก่อนถูกแช่แข็ง 5 ปีเมื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
พ้นโทษออกมาลงสนามต่อ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย
หลังรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ถูกทหารควบคุมตัวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ
ถูกไต่สวนในศาลทหารเนื่องจากไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่ง คสช.
เดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมจนได้รับในที่สุด
ระบุคำถาม 6 ข้อของนายกฯ เป็นความพยายามชี้นำสังคม ขัดแย้งในตัวเองและยังแสดงเจตนาทำผิดกฎหมายชัดแจ้ง
เพราะทั้ง 6 ข้อล้วนพยายามชี้นำสังคมอย่างไม่เป็นเหตุเป็นผล และมุ่งหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
ทั้ง 6 ข้อ ยิ่งทำให้ “รัฐบาล-คสช.” ด้อยค่า
เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรค ก็ออกมาวิพากษ์ 6 ข้อคำถามเช่นกัน
ลูกชาย บัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เริ่มต้นทำงานบริษัทเอกชน ก่อนหันมาลงสนามการเมืองระดับชาติในปี 2554 ได้เข้าสภาครั้งแรกในฐานะส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์
ระบุพล.อ.ประยุทธ์ เข้าใจประชาธิปไตยดีแค่ไหนถึงตั้งคำถามแบบนี้ เพราะพรรคการเมืองเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลา
โดยเฉพาะหลังปฏิวัติรัฐประหาร จะเห็นทหารเก่ากลายเป็นนักการเมืองใหม่อยู่เสมอๆ เช่น ในการรัฐประหารปี’35 ปี’49 ถามว่าบุคคลเหล่านั้นทำให้ประเทศเกิดการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงอย่างที่ควรจะเป็นได้หรือไม่
อีกประเด็นเมื่อคสช.ยังอยู่ แล้วสนับสนุนพรรคใดก็ตาม หากพรรคนั้นบริหารประเทศเลวทรามในสายตาประชาชน ไม่มีหลักประกันว่าคสช. จะไม่ลากปืนใหญ่ รถถังออกมาเป็นเกราะปกป้องพรรคนั้น
ถ้าคสช.ทำเลว แล้วใครจะตรวจสอบ
ขณะที่ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ.2535 มีบทบาทเป็นเลขาธิการสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) แต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทหารปราบประชาชน 18-20 พ.ค.
2541 เริ่มรับราชการในตำแหน่งอาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มธ.
ขึ้นเป็น ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาในปี 2547
2548 เป็นรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา
กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ สาขานิติศาสตร์
ชี้ชัด 6 คำถามนายกฯ หวังเช็กเรตติ้ง เพื่อใช้ประชาชนมาสร้างความชอบธรรม
เตือนคสช. ถ้าลงสนามการเมือง จะเสียความเป็นกลาง อีกทั้งถ้าลงเล่นเอง จะนำชาติกลับสู่ปกติได้จริงหรือ
ฝากถึงนักการเมืองด้วยว่า ต้องปฏิวัติตัวเองเพื่อแย่งศรัทธาประชาชนคืนมาให้ได้
ถ้าประชาชนเห็นว่าการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งดีกว่า ท้ายสุด คสช.และทหารต้องกลับกรมกองของตัวเอง