ทะลุคน ทะลวงข่าว
สถานการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐ กับประชาชนเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน กระตุกทั้งสังคมหันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะเมื่อประชาชนประกาศเจตนา ขอเข้าพบเพื่อยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างลงพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.สงขลา โดยระบุภารกิจพบปะและติดตามประเด็นปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน
ถูกปะทะสกัด และที่สุดจับกุมไปคุมขังดำเนินคดีรวม 4 ข้อหาถึง 16 คน ในจำนวนนี้มีเยาวชนอายุ 16 ปีด้วย 1 คน
เสียงเรียกร้องด้านมนุษยชนและมนุษยธรรมจากหลายฝั่งดังทันที ทั้งกลุ่มกิจกรรมและนักวิชาการสังคม
รวมถึงเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ ที่มี ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ เป็นผู้ประสานงาน รวมรายชื่อนักวิชาการ 102 คน ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ความรุนแรงและเรียกร้องให้ปล่อยตัว ผู้บริสุทธิ์โดยไม่มีเงื่อนไขในทันที
ระบุว่าตามที่ได้มีการสลายการชุมนุมชาวบ้านเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่จัดกิจกรรมเดินเท้าจากพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา เพื่อยื่นหนังสือต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร เมื่อวันที่ 27 พ.ย. ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและถูกจับกุมดำเนินคดีนั้น
เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและองค์กรชุมชนภาคใต้ได้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มต้นกิจกรรมเดินเท้า เห็นว่าชาวบ้านจัดกิจกรรมด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน สงบ สันติ และปราศจากอาวุธ ภายใต้การใช้สิทธิเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 และกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและการเมืองที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป
การสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าว จึงไม่เพียงเป็นการละเมิดสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ กระบวนการทางกฎหมายเท่านั้น หากยังสะท้อนวิธีคิดแบบ “อำนาจนิยม” ที่เห็นประชาชน-ชาวบ้านเป็นศัตรู ไม่มีมนุษยธรรมและความชอบธรรมใด ทำให้สังคมไทยอยู่ในบรรยากาศและการกระทำที่พร้อมใช้ความรุนแรงโดยรัฐ ต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมทั้ง 16 คน โดยไม่มีเงื่อนไขในทันที และรัฐบาลต้องเคารพและปกป้องสิทธิมนุษยชน สมดังเจตนาที่ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดำเนินนโยบาย การขับเคลื่อนโครงการพัฒนาและนโยบายสาธารณะต่างๆ
ยังช่วยกันระดมทุนเพื่อช่วยชาวบ้านที่ถูกจับดำเนินคดี ในชื่อ “เทใจให้เทพา” และใช้ตำแหน่งทางวิชาการประกันตัวให้
รศ.ดร.ณฐพงศ์เคลื่อนไหวเพื่อประชาชนและสังคมมาโดยตลอด
ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (การจัดการสิ่งแวดล้อม) และศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาพัฒนาสังคม
เคยทำงานอาสาพัฒนาสังคมให้กับมูลนิธิพัฒนาที่อยู่อาศัย (มพศ.)
ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์ประจำสาขาการพัฒนาชุมชนและสาขาสังคมศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ กระทั่งรับตำแหน่งคณบดีเมื่อปี 2557
ล่าสุดประกาศเจตนารมณ์เครือข่ายต่อสู้กับชาวบ้านต่อต้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าเทพา สร้างสังคมที่เป็นธรรมและปราศจากมลพิษถ่านหินร่วมกันต่อไป
อีกแนวร่วม นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม
โพสต์ถึงความรุนแรงที่เกิดกับประชาชน “สลายการเดินเทใจให้เทพาแล้ว ตำรวจชุดใหญ่จัดเต็ม สลายการชุมนุมชาวบ้านที่เดินอย่างสงบไปยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านส่วนใหญ่โดนจับไปโรงพักเมืองสงขลา บางส่วนบาดเจ็บ แกนนำโดนจับเกือบทั้งหมด
“ทั้งหมดนี้ทีมงานนายกฯ สั่งเคลียร์ก่อนที่นายกฯ ประยุทธ์ จะมาถึงอำเภอเมืองสงขลา ในช่วงหัวค่ำ สิ่งที่พี่น้อง คนไทยทั้งประเทศจะช่วยชาวบ้านเทพา-จะนะได้ก็คือ การช่วยกันประณามรัฐบาลไปก่อน ขาลงอยู่แล้ว ช่วยกันคนละไม้ละมือจะได้ช่วยกันให้ลงเร็ว ขึ้นอีก”
ร่วมเดินเท้าโดยกล่าวว่า ชาวบ้านต้องการพบนายกรัฐมนตรี เพื่อปกป้องบ้านเกิดของตัวเอง โดยจะไปบอกเล่าข้อมูลที่แตกต่างจากในรายงานผล กระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หรือ EHIA
แพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อนุมัติบัตรเวชศาสตร์ครอบครัวจากแพทยสภา
เคลื่อนไหวภารกิจต่อต้านโครงการวางท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย และโรงไฟฟ้าที่จะนะ
แกนนำแพทย์ชนบทภาคใต้ และอดีตแนวร่วม กปปส.
ทั้งร่วมก่อตั้งศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ เวทีขับเคลื่อนให้เกิดกระบวนการสร้างสันติภาพในพื้นที่
ยังมีเสียงจาก สุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง แกนนำ กปปส.ใต้ โพสต์ในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวถึง ครม.สัญจรครั้งชาวบ้านระทึกใจ
ว่า ขอโทษพี่น้องชาวสวนยางที่ไม่สามารถเข้าพบนายกฯ ในบ้านของเราเองได้ เพราะท่านไม่ให้ความสำคัญกับชาวสวนยางชายขอบ และเริ่มกลายเป็นผู้นำที่อยากฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยิน
สิ่งที่อำนาจรัฐได้กระทำกับพี่น้องเทพาที่เดินเท้าเพื่อจะมาเข้าพบและยื่นหนังสือต่อนายกฯ ให้ยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาที่ทำลายชุมชน ด้วยการทุบตีและทำร้ายแม้กระทั่งผู้หญิง จับกุมแกนนำโดยไร้เหตุผล
เรียกร้องจัดประชุมใหญ่สมัชชาประชาชนคนใต้ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้โดยด่วนที่สุด
แกนนำ พธม.ชุมพร และ กปปส.ใต้
เป็นปากเสียงชาวสวนยางภาคใต้
ฟันธงด้วยว่า เสื่อมและเป็นขาลงของ คสช.
สะท้อนมาจากภาคประชาสังคม ถึงความรุนแรง เหตุเกิด ณ ครม.สัญจร