ทะลุคน ทะลวงข่าว

“ประชาธิปไตยแบบไทยนิยม” วาทกรรม ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ถือโอกาสในวันเด็กแห่งชาติ จุดพลุ เมื่อวันเสาร์ที่ 13 ม.ค.

ปลูกฝังให้เด็กและเยาวชน ยึดมั่นในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดำรงความเป็นไทยให้มีอยู่ตลอดไป

อ้างเราจะต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ซึ่งจะต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ

ส่งผลให้เกิดกระแสเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งนักวิชาการและฝ่ายการเมืองต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์กัน ดุเดือด

ขณะที่นายกฯ พยายามชี้แจงทั้งในเวทีวันครูแห่งชาติ และในช่วงลงพื้นที่พบปะประชาชนที่จ.แม่ฮ่องสอน

โดยระบุมีหลายฝ่ายนำไปบิดเบือน

คำว่า ไทยนิยม เห็นว่าที่ผ่านมาคนไทยชอบอะไรก็ชอบ เกลียดอะไรก็เกลียด

ดังนั้น คำว่าประชาธิปไตยไทยนิยมก็คือ การทำให้มีประชาธิปไตยที่คนไทยทุกคนยอมรับได้

ยืนยันประชาธิปไตยไทยนิยม ไม่ใช่นิยมตัวนายกฯ แต่เป็นไทยนิยมประชาธิปไตย ต้องยึดหลักสากล ที่มีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล

อธิบายด้วยว่า ไทยนิยมคือการขับเคลื่อนจากบนลงล่าง ระดับข้างล่างมีประชารัฐอยู่ในพื้นที่

เตรียมทีมขับเคลื่อนไทยนิยมที่มาจากฝ่ายทหาร กอ.รมน.และมหาดไทยจำนวน 7,463 คณะ ออกปูพรมชี้แจง ทั่วประเทศเพื่อประชาชนร่วมมือกันทำในสิ่งที่ตรงกับความต้องการ

โดยระบุว่านั่นแหละคือไทยนิยม ถ้าเราไปทำอะไรที่ไม่ตรงตามความต้องการของเขา ก็ไม่สำเร็จสักอย่าง

ฉะนั้น กลไกสำคัญในเรื่องนี้คือประชารัฐและต้องสอดคล้องกับการปรองดองสมานฉันท์ ทำสัญญาประชาคม ทั้งหมดจะต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกัน

จึงฝากเรื่องประชาธิปไตยของประเทศ ต้องเป็นการเมืองที่ไทยนิยม คือเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ และมีการปฏิรูปประเทศ

ขณะที่ฝ่ายการเมืองและนักวิชาการ ต่างดาหน้าวิพากษ์วิจารณ์แนวคิด ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง

เสนาะ เจริญพรอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต(การพัฒนาสังคม) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มิ.ย.2558 ร่วมลงชื่อในนามเครือข่ายคณาจารย์ผู้ห่วงใยศิษย์ที่ถูกคุมขังเรียกร้องให้ปล่อยตัว 14 น.ศ.ทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไขและไม่ให้มีการตั้งข้อหา หรือดำเนินคดี

ระบุชัดไทยนิยมคือ คำที่คิดขึ้นมาใหม่ ในเชิงวาทกรรมแล้วก็อยู่ในกรอบของคำว่า ประชาธิปไตยแบบไทยๆ เหมือนเดิม

คำว่า ประชาธิปไตยไทยนิยม เป็นการเอาคำว่าประชาธิปไตยมาแปะไว้เฉยๆ เพื่อไม่ให้อับอายสังคมโลกที่รังเกียจเผด็จการ ที่ทำให้ไม่กล้าเรียกตัวเองว่า เผด็จการแบบไทยๆ ได้

จึงต้องออกแบบและสร้างกลไกที่จะทำให้ประชาธิปไตยมันเชื่องมากที่สุด สร้างภาพให้นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ชั่วช้า เลวทราม น่ารังเกียจ

เชื่อว่าประชาชนที่รับข้อมูลข่าวสารอยู่เป็นประจำ ไม่ได้ไร้เดียงสา ย่อมตระหนักดีว่า วาทกรรมประชาธิปไตยไทยนิยม คือส่วนหนึ่งของการสืบทอดอำนาจ เป็นการสร้างภาพสร้างคำอธิบายเพื่อรองรับกลไกในกฎหมายที่ได้วาง ไว้แล้ว

ความเป็นไทยในทางการเมือง จึงไม่มีอะไรมากไปกว่าการกำจัดศัตรูทางการเมือง

เช่นเดียวกับ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ นักวิชาการอิสระ

ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

อดีตรองคณบดีฝ่ายวิชาการวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต

ชี้ว่าเป็นการโยนคำเพื่อสร้างข่าวให้รัฐบาล แต่ไม่มีสาระอยู่ข้างใน ไม่มีคำอธิบาย

เป็นเพียงการเพิ่มคำนิยามเข้าไป ในคำเต็มของคำว่าประชาธิปไตยแบบไทย เป็นไทยนิยม ซึ่งหมายถึงการยืนยันความคิดแบบเดิมว่า สิ่งที่ระบอบรัฐทหารกำลังดำเนินการอยู่คือประชาธิปไตย แบบไทย

หลักการของประชาธิปไตยแบบ ไทยนิยม คือไม่ต้องเลือกตั้งก็ได้ ให้ทหารเป็นผู้นำทางการเมืองเป็นระบอบเผด็จการ

เพราะสิ่งที่จะทำลายอำนาจรัฐทหารได้ คือการเลือกตั้ง เมื่อไหร่ที่เดินเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง รัฐบาลทหารก็ต้องสลายตัวทันที เขาจึงหาทางเลื่อนการเลือกตั้ง

ภูมิธรรม เวชยชัยรักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

อดีตรมช.คมนาคม ในรัฐบาลของทักษิณ ชินวัตรและอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย

ชี้ชัดว่าประชาธิปไตยไทยนิยมแบบ “บิ๊กตู่” แค่บีบให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองกำหนด โดยไม่ฟังเสียงประชาชน ส่วนใหญ่

ทั้งที่ควรเคารพในเสรีภาพของคน เปิดโอกาสให้คนได้แสดงความเห็น ไม่ใช่ใครเห็นต่างก็เชิญเข้าค่ายไปอบรม หรือไปคุกคามเขา

ประชาธิปไตยแบบไทยนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ คือประชาธิปไตยแบบที่กลุ่มตัวเองทำอะไรผิดไม่ต้องไปพูดถึง แต่อะไรที่คนอื่นทำไม่ถูก ทำไม่เหมือนฝ่ายตนเอง ก็ไปดำเนินการเขาอย่าง เด็ดขาด

ย้ำด้วยว่า คสช.ต้องใจกว้าง ถ้าคิดว่าตนเองมีความเป็นประชาธิปไตย เชื่อมั่นว่าสิ่งที่คิด ที่ทำเป็นที่ปรารถนาของคนส่วนใหญ่

ก็ควรรีบคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งโดยเร็ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน