‘ตู่’โต้ฉายาผู้นำก่อหนี้

วิษณุชี้ไม่แปลก
จับตาโหวตงบ
กกต.เล็ง9ส.ค.
เลือกตั้งปากน้ำ

สภาชำแหละงบปี64 ยกสอง ก้าวไกลซัดรัฐบาลใช้จังหวัดชายแดนใต้ เป็นห้องทดลองมนุษย์ เปลี่ยนชื่อโครงการล้างสมองประชาชนหวังตบตาสภา รมช.กลาโหมตอบโต้ไม่จริง ปชป.ทวงมอเตอร์เวย์ให้คนภาคใต้ ‘บิ๊กตู่’ เผยเตรียมแผนเชื่อมโยงถนนสายใหม่ทั่วประเทศแล้ว โต้ฉายาผู้นำก่อหนี้ ชี้ปัญหามีมากก็ต้องใช้งบฯ มาก ‘วิษณุ’ ก็บอกไม่แปลก ‘ชินวรณ์’ คลายปมเก้าอี้หมุนในสภา กกต.เล็ง 9 ส.ค.เลือกตั้งใหม่ส.ส.เขต 5 ปากน้ำ กมธ.ปราบโกงส่งป.ป.ช.ฟันนายกฯปมถวายสัตย์ไม่ครบ

‘สมคิด’ไม่ห่วงการเมืองรุมเร้า

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 2 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้อนรับนายไมเคิล จอร์จ ดีซอมเบร เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ที่เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเข้ารับหน้าที่ โดยใช้เวลาหารือ 45 นาที

นายสมคิดเปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตสหรัฐนำแนวความคิดบางอย่างมาเสนอตนว่าอุตสาหกรรมใดบ้างที่ต้องการให้ต่อยอดความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย ตนได้เสนอบางสิ่งและท่านสนใจมาก รับปากว่าจะไปพัฒนาขึ้นมา ตนเสนอว่าอยากให้สหรัฐโฟกัสไทยเป็นการพิเศษ เพราะเราเชื่อว่าขณะนี้ไทยเป็นศูนย์กลางของซีแอลเอ็มวีที ซึ่งเป็นเมนแลนด์ของอาเซียน และในปีหน้าโครงการอีอีซีทั้งหลายจะเริ่มสมบูรณ์ จะเชื่อมโยงกับอีกหลายประเทศในบริเวณใกล้เคียง ขณะเดียวกันตลาดเงินตลาดทุนของเรามีความแข็งแรงจึงอยากให้เขาสนใจเป็นพิเศษ

ผู้สื่อข่าวถามว่าสหรัฐได้ให้กำลังใจทาง การเมืองหรือไม่ นายสมคิดกล่าวว่า “เราคุยในเรื่องสำคัญเท่านั้น ไม่ต้องถามเลยนะน้องจ๋า” ต่อข้อถามว่าขณะนี้มีกระแสการเมืองเข้ามารุมเร้า รู้สึกเป็นห่วงหรือไม่ นายสมคิดหัวเราะ และกล่าวว่า ไม่ เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เมื่อถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าใจนายสมคิดดีในเรื่องการทำงานใช่หรือไม่ นายสมคิดกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า โอเคนะ บ๊ายบาย

‘ชัยวุฒิ’เผยนายกฯปราม-ไร้เจตนาไล่

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการออกมาไล่นายสมคิด หากไม่สามารถดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจได้ ควรเปิดทางให้คนอื่นเข้ามาทำแทนว่า ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะไล่ แต่อยากชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่าเมื่อมีปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้แก้ปัญหาด้วยการยุบสภา อีกทั้งนายกฯ และสภายังทำงานได้ด้วยดีมาตลอด ทำให้ประเทศผ่านพ้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างดี

ตนได้ทำความเข้าใจกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว และไม่มีเจตนาไปไล่ใคร แต่อยากให้ปรับปรุงการทำงาน เพราะทฤษฎีหรือแนวคิดบางอย่างถ้าไม่เหมาะสมก็ต้องปรับเปลี่ยน แต่ยังไม่ได้พูดคุยกับนายสมคิด และตนไม่ได้มีเรื่องส่วนตัว ไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังทางการเมืองใดๆ แต่พูดเพราะหวังดี อยากให้ทีมเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนการทำงาน ตอบสนองต่อปัญหาวิกฤตในขณะนี้ และอยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาก่อนที่คนจะตกงานมากขึ้น อาจเกิดจลาจลเหมือนที่อเมริกาก็เป็นได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้ออกมาปรามหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า นายกฯ บอกไม่อยากให้พูดจารุนแรง เพราะเราอยู่ด้วยกันและต้องทำงานด้วยกัน ขอย้ำว่าตนไม่มีเจตนาไปไล่หรือพูดจาไม่ดีกับนายสมคิด แต่หวังดีจริงๆ และสิ่งที่พูดเป็นข้อมูลที่ได้รับมาจากประชาชน คิดว่านายสมคิดเข้าใจว่าไม่ได้มีแอบแฝงเรื่องการเมืองและไม่ได้มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เพราะวันนี้ปัญหาวิกฤตโควิดและเศรษฐกิจใหญ่จริงๆ

กกต.เล็ง 9 ส.ค.เลือกตั้งปากน้ำ

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. กกต.ได้รับทราบว่าขณะนี้มีข้อร้องเรียนการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 4 ลำปาง 2 เรื่อง คือ การใช้เงินซื้อเสียง และ เจ้าหน้าที่รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง กกต.ให้ สำนักงานไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม แล้วเสนอ ที่ประชุม กกต.อีกครั้งใน 2 สัปดาห์หน้า เพราะข้อมูลที่มีขณะนี้ยังไม่เพียงพอที่ กกต.จะพิจารณาว่าประกาศผลได้หรือไม่ โดยตามกฎหมาย กกต.ต้องประกาศผลภายใน 60 วัน จึงต้องดูข้อมูลเบื้องต้นก่อน ถ้าเรื่องที่มีการร้องไม่กระทบให้การเลือกตั้งไม่สุจริตก็ประกาศได้ หรือถ้าประกาศรับรองผลไปก่อนแล้วพบว่าการเลือกตั้งไม่สุจริตก็เอาผิดทีหลังได้

ส่วนการจัดเลือกตั้งส.ส.เขต 5 สมุทร ปราการที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แทนนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐที่โดนใบเหลืองนั้น นายอิทธิพรกล่าวว่า กกต.ได้ประสานไปยังรัฐบาลเพื่อให้ตราพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้ง เมื่อมีพ.ร.ฎ.แล้ว กกต. จะกำหนดวันเลือกตั้ง เบื้องต้นคาดว่าจะเป็น วันที่ 9 ส.ค. ต้องรอว่าพ.ร.ฎ.ออกเมื่อใด

ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าพ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต 5 สมุทรปราการ จะเข้า ครม.วันพุธที่ 8 ก.ค. จากนั้น กกต.จะกำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัคร โดยต้องจัดภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ศาลฎีกามีคำพิพากษา แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าจะกำหนดวันไหน

กมธ.ส่งปปช.ฟันปมถวายสัตย์

เมื่อเวลา 14.40 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ที่ประชุม กมธ.มีมติเสียงข้างมากให้ส่งเรื่องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าว ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ให้ประธานสภา ส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

โดย กมธ.นำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. มี กมธ.ร่วมประชุม 8 คน เป็นฝ่ายค้าน 5 คน ฝ่ายรัฐบาล 3 คน เพื่อพิจารณาใน 2 ประเด็น คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์นำ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณตน เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2562 ถูกต้องหรือไม่ 2.กรณีศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องกรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนมีผลผูกพันหรือไม่ โดย กมธ. 4 เสียงเห็นด้วยให้ส่งเรื่องต่อป.ป.ช.ดำเนินการ และอีก 4 คน คือ ตนและฝ่ายรัฐบาล 3 เสียง ลงมติงดออกเสียง ถือว่าเสียงข้างมากเห็นชอบให้ส่งเรื่องไปยังป.ป.ช. ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยไม่รับคำร้องกรณีนี้เป็นแค่การไม่รับคำร้อง แต่ไม่ได้วินิจฉัยเนื้อหาสาระว่ามีความถูกต้องหรือไม่

ศาลรธน.ชี้แจงจัดตั้งถูกต้อง

สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ตามที่เป็นข่าวในประเด็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้จัดตั้งโดยพ.ร.บ.ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 189 และเกิดความเข้าใจผิดว่าศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลที่ไม่มีสถานะตามกฎหมาย การทำหน้าที่และการใช้อำนาจของศาลไม่มีผลตามกฎหมายด้วยนั้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ขอชี้แจงว่า 1.ศาลรัฐธรรมนูญจัดตั้งตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ และมีเพียงศาลเดียว โดยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2560 ว่าด้วยการจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญแยกเป็นบทเฉพาะอยู่ในหมวด 11 ตั้งแต่มาตรา 200 ถึงมาตรา 214 โดยมีการบัญญัติเรื่องโครงสร้าง องค์ประกอบ หน้าที่และอำนาจ วิธีพิจารณาขององค์กรศาล ที่ทำหน้าที่พิทักษ์สถานะความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญ

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญมาตรา 203 วรรคสี่ มาตรา 208 วรรคห้า และมาตรา 210 วรรคสอง ได้บัญญัติให้ตรากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ โดยมีสาระสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ การสรรหาและการวินิจฉัยการพ้นจากตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และวิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการดำเนินงานของศาลรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันมี พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 ขึ้นใช้บังคับแล้ว โดยรัฐธรรมนูญไม่ได้มีบทให้ต้องไปบัญญัติเรื่องการจัดตั้งศาลไว้ในกฎหมายอื่นอีก จึงไม่มีปัญหาทางกฎหมายในประเด็นจัดตั้งศาลรัฐธรรมนูญ และการทำหน้าที่ รวมถึงการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ

‘ชินวรณ์’เคลียร์เหตุเก้าอี้หมุน

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา มีการประชุมสภา ผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 วงเงิน 3.3 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันที่สอง

ก่อนการประชุม นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโซเชี่ยลฮือฮาเหตุการณ์เก้าอี้หมุนระหว่างที่นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณช่วงกลางดึกวันที่ 1 ก.ค. และมีแม่บ้านนำยันต์มาติดว่า ยืนยันว่าก่อนหน้านั้นมีเพื่อนส.ส.มานั่งข้างตน เมื่อลุกไปแล้วไม่ได้จัดเก้าอี้ให้เข้าที่ ตนจึงใช้มือหมุนกลับมาให้เป็นระเบียบและเกิดความเรียบร้อย ไม่ได้เป็นเหตุการณ์ปาฏิหาริย์อะไร ทุกอย่างเป็นไปตามเหตุและปัจจัย แต่บางคนเห็นภาพเก้าอี้หมุน ก็แซวกันว่าน่าจะมีการเปลี่ยนครม. แต่ตนคิดว่าไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นคนหมุนเอง ไม่ใช่นายกฯหมุน

ผู้สื่อข่าวถามว่าไม่ใช่เรื่องลี้ลับใช่หรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ตั้งแต่มาใช้สถานที่ประชุมสภานี้ไม่เคยเจอเหตุการณ์ลี้ลับ เพราะสภาเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัปปายะสภาสถาน ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชน อยากให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่าในสังคมในระบอบประชาธิปไตย ต้องใช้ปัญญาและเหตุผลในการอยู่ร่วมกัน

เลขาฯสภาเผยแม่บ้านเคยเห็นผี

ด้านนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฏร กล่าวว่า จากข่าวที่มีการเอาผ้ายันต์ไปแปะในห้องประชุมนั้น ตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ปรากฏว่าไม่พบผ้ายันต์ใดๆ เพราะห้องประชุมสภา เป็นเขตหวงห้าม หากจะนำไปติด ต้องขออนุญาตก่อน และตนสอบถามนักข่าวต้นตอ ทราบว่าเป็นการสอบถามแม่บ้านว่ามาอยู่ที่นี่เห็นอะไรบ้าง แม่บ้านบอกว่าเขาเห็น

ขอเรียนตรงๆ ว่า สิ่งเหล่านี้เราไม่เคยลบหลู่ เพราะเป็นพื้นที่ที่เคยอยู่มาหลายชุมชน เช่น ชุมชนทอผ้า กว่าจะย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างได้ต้องใช้เวลานาน ตรงนั้นก็มีประวัติพอสมควร ตอนต้นปี 2562 ตนมานั่งทำงานที่ชั้น 4 อาคารจันทรา แม่บ้านเห็นแล้วมาบอกกล่าวกัน ก็ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้แล้ว เมื่อตนจะย้ายมาอยู่ฝั่งสุริยัน ได้ทำบุญไหว้ต้นโพธิ์ ต้นไทรเป็นประจำ เพื่อบอกกล่าวว่าจะมาอยู่แล้ว และเมื่อมาอยู่ที่ตึกสุริยัน ได้ทำบุญแล้ว 2 ครั้งเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ และยังมีจัดห้องพระ และห้องทุกศาสนาอีกด้วย

“เมื่อก่อนเป็นชุมชนทอผ้า ซึ่งเป็นชุมชนแออัดหรือสลัม แต่เมื่อชุมชนย้ายออกไป คนงานเข้ามารื้อถอนชุมชนก็สงสัยว่าไม่มีคนอาศัยแล้ว แต่ตี 4 ตี 5 ทำไมยังมีคุณยายมาเดินไปมาอีก ผมจึงให้ตั้งพิธีบอกกล่าวเสีย” นายสรศักดิ์กล่าว

เตรียมจัดทำบุญครั้งใหญ่

ผู้สื่อข่าวถามว่าการก่อสร้างสภาแห่งนี้ ทราบว่าเคยเกิดอุบัติเหตุมีคนเสียชีวิตด้วย นายสรศักดิ์กล่าวว่า เป็นธรรมดาของการก่อสร้าง แต่ตนและผู้รับเหมาเคยคุยกันว่าเรื่องพวกนี้อย่ามองข้าม ไม่ลบหลู่ ยอมรับว่ามีคนตายเกิดขึ้น เพราะการทำงานก็ต้องมีพลาดบ้าง เหมือนที่เคยตกเป็นข่าวมาแล้วว่าคนงานก่อสร้างฝั่งจันทราเคยตกห้างร้าน เพราะไม่ได้ใส่เชือกรัดเอว รัดขา เพื่อความปลอดภัย ซึ่งตรวจสอบพบว่าปกติจะใส่ตลอด

“มีแผนว่า เมื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาเสร็จ จะจัดทำบุญครั้งใหญ่ พร้อมทั้งกราบทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯทรงเปิดรัฐสภาอย่างเป็นทางการ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานกับทางสำนักราชเลขาฯ ว่าท่านจะทรงโปรดอย่างไร นอกจากนี้แต่ละสำนักของรัฐสภาก็ทำบุญได้ ขณะนี้เกือบ 20 สำนักก็อยู่ด้วยกันราบรื่นดี” นายสรศักดิ์กล่าว

‘สุทิน’ผิดหวังนายกฯ

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมสภาวันที่ 1 ก.ค. การชี้แจงของนายกฯยังเหมือนเดิม และรู้สึกผิดหวัง ทั้งการนำเสนอและรูปแบบต่างๆ ยังคงเป็นแบบเดิม คือพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง และเร็วเกินไป ใช้วิธีอ่านเอกสารเพื่อให้จบ ส่วนการแก้ข้อกล่าวหาหรือการอธิบายข้อกังวลของฝ่ายค้าน ยังทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะการใช้เหตุผลว่าเศรษฐกิจก็เป็นแบบนี้ เป็นตัวเลข เหมือนไม่ยอมรับสภาพความเป็นจริง อีกทั้งมุมมองนายกฯยังคิดว่าฝ่ายค้านยังไม่ให้ความร่วมมือ ทั้งที่การทำหน้าที่ตรวจสอบ ฝ่ายค้านก็ทำอย่างสุภาพที่สุด

ตนไม่พอใจการชี้แจงของรัฐบาล ที่พอใจมีอย่างเดียว คือบรรยากาศการประชุม ไม่ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ได้อภิปรายและแสดงบทบาทด้วยความสุภาพ แต่ที่สังเกตฝ่ายรัฐบาลก็ไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดงบ แม้จะไม่ตำหนิตรงๆ แต่ให้ข้อสังเกตว่ายังมีข้อกังวลอยู่ หลายคนอภิปรายแทงกั๊ก หลงตำหนิรัฐบาลก็มีเยอะ

‘บิ๊กตู่’โต้ฉายาผู้นำก่อหนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ว่า ขอขอบคุณสมาชิกทุกคน เข้าใจว่าทุกคนหวังดี แต่บางครั้งต้องดูข้อมูลที่สังเคราะห์แล้ว แต่ถ้าดูข้อมูลทีละชิ้น คงไม่ดีทั้งหมด อย่าลืมว่ารัฐบาลทำงานด้วยการสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ตัวเลขอาจคลาดเคลื่อนบ้าง แต่เราจะสังเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดแนวนโยบาย และกรอบจัดทำงบ จึงจำเป็นต้องจัดระเบียบใช้งบ จัดลำดับความเร่งด่วน หลายหน่วยงานและจังหวัดอาจถูกปรับงบลง แต่ไม่เคยลดงบพื้นฐานเลย งบที่เกี่ยวข้องก็ใช้งบบูรณาการของจังหวัด

การทำงานของรัฐบาล นอกจากให้เบ็ดไปแล้วก็ต้องให้ปลาไปด้วย ซึ่งเบ็ดนั้นถือว่าสำคัญ แต่ต้องตัดทอนงบที่ไม่จำเป็นและไม่ได้ผลออกไปก่อน หรือถ้าโครงการใด เร่งด่วนกว่าก็ต้องปรับขึ้นมา บางโครงการอาจรอไปถึงปีหน้า รวมทั้งงบด้านวิจัย ก็ต้องให้ความสำคัญ ต้องเป็นการวิจัยที่สอดคล้องความต้องการของประเทศ

ส่วนที่ฝ่ายค้านให้ฉายา บิดาความแห่งเหลื่อมล้ำ ผู้นำแห่งการก่อหนี้นั้น ก็เป็นอย่างนี้ทุกรัฐบาล แต่วันนี้ปัญหาเรามากขึ้น ก็ต้องใช้งบมากขึ้น ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดและบูรณาการร่วมกันเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดของประเทศชาติประชาชน เราต้องปรับความคิดให้เป็นความร่วมมือด้วยกัน ถ้าทุกคนไม่ยอมกันเลย มันก็ไปไม่ได้

ไม่แปลก-รัฐบาลนี้ก่อหนี้มากสุด

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตไม่มีการตั้งงบแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 ว่า ผู้รู้ต้องชี้แจงในกมธ. ซึ่งจะเห็นภาพได้มากกว่า เพราะร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เตรียมทำตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 พอมีโควิด-19 ก็มาปรับให้สอดคล้อง ถึงได้ช้าไปเป็นเดือนก่อนจะเข้าสภา ยืนยันว่ามีแผนรองรับ

ส่วนข้อกล่าวหารัฐบาลชุดนี้ก่อหนี้มากที่สุด นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าจะว่าจริงมันก็จริง เพราะรัฐบาลอยู่นาน เวลาพูดถึงรัฐบาลนี้ต้องนับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 2557 อยู่นานกว่าคนอื่น ทำงานมากกว่าคนอื่น และต้องใช้เงิน รวมถึงต้องมาเจอวิกฤตโควิด-19 รัฐบาลจำเป็นต้องทำ 2 อย่าง คือ 1.แก้ปัญหาโควิด-19 และ 2.แก้ปัญหาผลกระทบจากโควิด-19 ต้องเอาเงินมาจากการกู้ จะกู้มากกู้น้อยก็ไม่แปลก ขอให้มีปัญญาใช้หนี้เขา อย่าเบี้ยวแล้วกัน

ถกงบวันที่สอง-รุมยำสำนักงบฯ

สำหรับการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 เป็นวันที่สอง เริ่มเวลา 09.00 น. มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม ช่วงเช้าส.ส.อภิปรายในประเด็นต่างๆ อย่างกว้างขวาง หลายคนตำหนิการทำงานของสำนักงบประมาณที่ตัดงบไม่สมเหตุผล โดยเฉพาะงบที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เสนอมา ถูกตัดทิ้งจำนวนมาก

น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า อยากให้ปฏิรูปสำนักงบประมาณ ในการจัดสรรงบ เพราะะทำส.ส.เหมือนตรายางมีหน้าที่ยกมือให้ผ่าน จะตัดลดก็ไม่ได้ ยกตัวอย่าง การจัดสรรงบกรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ที่ได้งบ 20,000 กว่าล้านบาท ไปทำถนน ลาดยางถนน ดูแล้วมากเกินไป ควรนำงบเหล่านี้ไปพัฒนาแหล่งน้ำดีกว่า โดยเฉพาะระบบประปาที่หลายพื้นที่มีปัญหา ไม่มีระบบประปาหรือน้ำไม่ไหล

‘โรม’ซัดงบแก้ไฟใต้ตบตาสภา

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า งบแผนบูรณาการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ปีนี้ จัดไว้ 9,732 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 910 ล้านบาท การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ การพูดคุยเจรจาสันติภาพเป็นแนวทางหลัก แต่ตลกร้ายคือ รายละเอียดงบกลับเปลี่ยนไปจากเดิมน้อยมาก สิ่งที่รัฐบาลทำคือการปรับลดงบให้พอเอาหน้ารอด แต่โครงการเจ้าปัญหายังอยู่ นั่นคือโครงการส่งเสริมและเผยแพร่ความจริงที่ถูกต้อง ปีนี้โครงการนี้หายไปแค่ชื่อ เพราะมีโครงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อสันติสุขในพื้นที่เข้ามาแทนที่ แต่รายละเอียดเหมือนกันแทบทั้งหมด นี่คือความพยายามตบตาสภาใช่หรือไม่

การใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นแนวนโยบายที่เกิดจากความไม่ไว้วางใจประชาชน ไม่เชื่อในกระบวนการพูดคุย สิ่งที่รัฐบาลทำคือการใช้พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นห้องทดลองมนุษย์ เพื่อทดสอบนวัตกรรม เก็บข้อมูล และล้างสมองประชาชน หากรัฐบาลจริงใจ ควรล้มเลิกโครงการโฆษณาชวนเชื่อ หยุดงานข่าวกรองที่สร้างความแตกแยกละเมิดสิทธิ แล้วเอางบมาเพิ่มพูนเยียวยาสันติภาพ เยียวยาผู้ที่ถูกกระทำโดยรัฐ และพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ ตนไม่อาจยอมรับการนำภาษีมาเปิดห้องทดลองเช่นนี้ และขอเพื่อนส.ส.ใช้หนึ่งเสียงที่มี ปิดห้องทดลองที่ชั่วร้ายนี้ อย่าปล่อยให้ลูกหลานต้องเป็นเหยื่อรายต่อไป

กลาโหมยืนยันเน้นสันติสุข

พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ชี้แจงว่า โครงการพูดคุยสันติสุขเป็นนโยบายสำคัญ เป็นเครื่องมือที่จะทำให้พื้นที่ภาคใต้มีสันติสุขและยั่งยืน สนับสนุนการพูดคุย เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายร่วมแสดงความคิดเห็น ส่วนการสร้างแนวทางคิดให้กับประชาชน ยืนยันว่าไม่ใช่การไปล้างสมอง แต่ส่งเสริมให้อยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ส่วนเรื่องซิมการ์ด ยืนยันว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ผู้ก่อเหตุใช้โทรศัพท์เป็นอุปกรณ์ ก่อเหตุ ทำให้ประชาชน เจ้าหน้าที่บาดเจ็บและเสียชีวิต ฉะนั้นเพื่อปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์และผู้ที่ถูกลักลอบปลอมแปลงชื่อ ไม่ได้เป็นการละเมิดใดๆ แต่เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ส่วนการตรวจดีเอ็นเอ มีความมุ่งหมาย คุ้มครอง พิทักษ์ชีวิตและทรัพย์สินประชาชน ผู้บริสุทธิ์ เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ การตรวจเป็นการขอความร่วมมือ ไม่ได้บังคับตรวจ ขณะที่การข่าวก็มิใช่ไปสร้างความหวาดระแวง เช่นเดียวกับกล้องวงจรปิด เป็นการป้องกันการเกิดเหตุ กอ.รมน.หรือรัฐบาลไม่มีนโยบายให้ร้ายกับกลุ่มบุคคลใด แต่ปัจจุบันมีเว็บไซต์จำนวนมากที่เผยแพร่ข่าวลวง ข่าวปลอม บิดเบือนข้อมูลทำให้เสียหาย มีการโจมตีการทำงานของรัฐบาล บางเพจหมิ่นเหม่ จวบจ้วงสถาบัน ดังนั้นการดำเนินการจะเป็นการตรวจสอบ และให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องต่อประชาชน

ขู่ฟ้องนายกฯปล่อยงาบงบ 30บ.

ส่วนนายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่รู้ว่านายกฯ ทราบหรือไม่ว่ามีขบวนการมาเขมือบเกาะกินโดยไม่ก่อประโยชน์ให้กับประชาชน บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคนั้นมีงบรั่วไหล แต่กลับตั้งงบที่สูงขึ้นทุกปี มี 18 คลินิกที่ถูกตรวจสอบในปีงบ 2561 เกาะกินงบโดยที่ประชาชนไม่รู้ตัว 74 ล้านบาทเศษ

เพราะเมื่อหน่วยงานรัฐไปตรวจสอบและพบว่ามีการใช้เอกสารเท็จเบิกจ่ายงบ แต่กลับไม่มีการแจ้งความกล่าวโทษเพื่อเอาผิด ไม่มีการระงับยับยั้งให้คลินิกเหล่านี้หยุดให้บริการ ถามว่างบปี 2562 มีการตรวจสอบด้วยหรือไม่ เพราะคลิกนิกเหล่านี้ยังให้บริการอยู่ ตนจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของกมธ.ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป

“นายกฯ ช่วยสั่งการให้คนที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูด้วย อย่านิ่งเฉย รีบดำเนินการกับคนที่ทำผิด เพราะถ้าเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวา ก็จะเจอกับมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” นายประเดิมชัยกล่าว

‘เทพไท’ทวงมอเตอร์เวย์ภาคใต้

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า วันนี้ขอพูดแทนคนภาคใต้ 9.4 ล้านคน เพื่อทวงความเป็นธรรม เสียโอกาสพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน มาตั้งแต่ยุครัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และเมื่อได้ฟังคำแถลงงบปี 2564 ของพล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ที่มีงบทั้งสิ้น 109,023.8 ล้านบาท และมีงบก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และสายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทางรวม 309 กิโลเมตร ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับพี่น้องภาคใต้ ที่ใฝ่ฝันอยากเห็นถนนมอเตอร์เวย์ในภาคใต้เหมือนภูมิภาค อื่นๆ ซึ่งตนเสนอเรื่องนี้ต่อรัฐบาลทุกปี แต่ยังไม่คืบหน้า ทำให้ภาคใต้มีเส้นทางคมนาคมเพียงเส้นทางเดียว รัฐบาลควรสร้างถนนทางเลือกในภาคใต้ เช่น ถนนมอเตอร์เวย์ หรือถนนโลคัลโรด เลียบทางรถไฟสายใต้ เพื่อเป็นถนนทางเลือกให้คนภาคใต้

ส่วนงบก่อสร้างและบำรุงรักษาของกรมทางหลวงในพื้นที่ภาคใต้ ปี 2564 ได้รับงบ 1.39 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับงบก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองปี 2564 งบ 11,471 ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอเยียวยาหรือคืนความเป็นธรรมให้กับพี่น้องภาคใต้ เมื่อเทียบกับภาคอื่น

นายกฯสั่งคมนาคมศึกษาแล้ว

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทุกภาค ทุกจังหวัด เราจะพิจารณาจากฐานข้อมูลที่มีอยู่เดิมว่าจะพัฒนาตรงไหน อย่างไรและบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์ พื้นที่ภาคใต้ตนเห็นใจ ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปศึกษาเแล้ว มันจำเป็นต้องศึกษาก่อน เป็นขั้นตอน จากนั้นจะพัฒนาไปสู่การทำเส้นทางตรง ซึ่งหลายอย่างต้องอาศัยพื้นที่

ขอให้สบายใจว่าเราตั้งงบศึกษาเรื่องนี้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดเราพัฒนาภาคใต้มาตามลำดับ ถือว่ามากกว่าที่ผ่านมา เพราะเห็นใจคนภาคใต้ สนามบินที่ จ.ตรัง เรามีงบพัฒนาถนนหนทางสนามบินที่มีความจำเป็นแล้ว เพราะประธานสภาเป็นห่วง ตนก็ฟังเสียงประชาชนด้วย เห็นชอบร่วมกันต้องพัฒนา จ.ตรัง เพราะผ่านมาหลายจังหวัด

“ในฐานะผู้นำ ผมจะเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การขนส่งใหม่ทั้งประเทศ ระยะต่อไปคือจะให้กระทรวงคมนาคมศึกษาและทำแผนเชื่อมโยงการสร้างถนนเส้นทางสายใหม่ตะวันตก ตะวันออก เหนือ ใต้ ภาคกลางไปอีสานใหม่ที่ไม่ทับเส้นทางเดิม แต่ต้องศึกษาหาพื้นที่ให้ได้ นั่นคืออนาคตของเรา การก่อสร้างเส้นทางเหล่านั้น ต้องทำพร้อมกันในเรื่อง เส้นทาง รถไฟคู่ขนาน ร่องและทางระบายน้ำ นั่นคือการบริหารงานแบบบูรณาการ เร็วๆ นี้จะได้สื่อสารให้ประชาชนทราบว่าจะทำแบบนี้ หากทำแบบเดิมการกระจายของชุมชนก็ไม่เกิด แหล่งเศรษฐกิจใหม่และเมืองใหม่ก็ไม่เกิด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เพื่อไทยเชื่อเดี๋ยวก็กู้อีก

เวลา 20.50 น. นายสมคิด เชื้อคง ส.ส. อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ได้ฟังถ้อยแถลงเรื่องงบจากปาก นายกฯ เห็นรายการแล้วไม่แน่ใจในการจัดงบปี 2564 ซึ่งตนไม่เห็นด้วยในวาระรับหลักการนี้ ท่านจัดงบเล่มปี 2563-2564 แค่เปลี่ยนสี เหมือนนำไฟล์เดิมแค่เติมคำในช่องว่าง เปลี่ยนตัวเลข ตนไม่เห็นด้วยกับงบขาดดุล ท่านตั้งว่ามีรายรับและรายจ่ายเท่าไร บอกแหล่งที่มาและผลสัมฤทธิ์ของเงินอ้างอิงผูกติดยุทธศาสตร์ชาติ

งบรายจ่าย 3.3 ล้านล้านบาท ท่านคาดการณ์ว่าจะเก็บภาษีได้ 2.6 ล้านล้านบาท เท่ากับต้องกู้เพิ่มแน่ๆ แต่เมื่อมาดูรายรับ ไม่เชื่อมั่นเลยว่าท่านจะเก็บภาษีได้ครบตามที่คาดการณ์ ดังนั้นเวลาตั้งงบไปถึงกลางปี คาดการณ์ว่าเดี๋ยวท่านก็กู้เพิ่ม เพราะการใช้จ่ายจะมากขึ้น แต่จะเก็บภาษีได้น้อยลงจากภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ ท่านคาดการณ์แบบนี้แน่ใจหรือ

“เมื่อวานนายอุตตม สาวนายน รมว.คลังบอกที่เก็บภาษีได้น้อยลง เพราะรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปลดภาษีนั้น ลดจริง แต่ปี 2555 ลดภาษีรายได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% พอปี 2556 เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น เพราะการลดภาษีครั้งนั้น บวกค่าแรง 300 บาทเข้าไปด้วย ภาษีบางอย่างลดแต่เก็บได้ฐานกว้างขึ้น นิติบุคคลต่างๆ ไม่ต้องหลบภาษี ดังนั้นท่านอาจพูดจริงแต่ท่านพูดไม่ครบ รัฐบาลท่านก็ลดภาษีบุหรี่ แล้วกำไรหรือไม่ ทุกวันนี้โรงงานยาสูบยังไม่รอดเลย ผมจึงไม่เชื่อว่าท่านจะเก็บภาษีได้ ไม่เชื่อในฝีมือท่าน เดี๋ยวก็โยนให้โจรโควิดอีก ผมถึงไม่เชื่อหลักการที่เขียนแบบนี้จะได้ไม่ครบ สุดท้ายเราก็กู้” นายสมคิดกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 วันที่สองเสร็จสิ้น ประธานที่ประชุมนัดประชุมต่อเป็นวันที่สาม ในวันที่ 3 ก.ค. เวลา 09.00 . หลังอภิปรายจบจะลงมติรับหลักการวาระแรกในวันเดียวกัน พร้อมตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 72 คน คาดว่าจะนำเข้าพิจารณาในสภาวาระ 2-3 ได้ภายในกลางเดือนก.ย.นี้

+++++++

บัวแก้วชี้แจงข้อมูล‘วันเฉลิม’

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายวัส ติงสมิตร ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ตามที่ กสม. ได้ให้สำนักงาน กสม. มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 8 มิ.ย.2563 ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงที่ถูกต้องและทำความจริงให้ปรากฏ กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมการเมืองชาวไทย หายไปจากหน้าอาคารที่พักในกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

รับข้อหา – นักศึกษากลุ่มเยาวชนปลดแอก เข้ารับทราบข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากกรณีชูป้ายหน้าสถานทูตกัมพูชา เรียกร้องช่วยเหลือนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ถูกอุ้มหาย โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ที่สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2563

ต่อมาปลัดกระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือด่วนที่สุด แจ้งกลับมายัง กสม. ว่า รมช.ต่างประเทศกัมพูชา แจ้งต่อเอกอัครราชทูตไทย เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า นายวันเฉลิม มีประวัติการเดินทางเข้า-ออกกัมพูชาหลายครั้งระหว่างปี 2557-2558 ครั้งล่าสุดเดินทางเข้ามากัมพูชาวันที่ 19 ต.ค.2558 และได้รับการต่ออายุการตรวจลงตราถึงวันที่ 31 ธ.ค.2560 แต่ทางการกัมพูชายังไม่สามารถยืนยันเหตุการณ์นี้ได้ เนื่องจากอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริง

วันที่ 12 มิ.ย. กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบกลับหนังสือร้องเรียนของน.ส.สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของนายวันเฉลิม แจ้งผลการดำเนินการ และสถานเอกอัครราชทูตกรุงพนมเปญ ได้นำส่งข้อมูลทะเบียนรถยนต์ที่สันนิษฐานว่าเป็นรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ ตามข้อมูลในหนังสือของน.ส.สิตานันท์ ให้แก่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นข้อมูลตรวจสอบหาข้อเท็จจริงต่อไป ซึ่งฝ่ายกัมพูชาแจ้งว่า ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม

ที่สน.วังทองหลาง นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี เลขาธิการกลุ่มเยาวชนปลดแอก (กลุ่ม Free Youth) พร้อมด้วยนายกิตติธัช สุมาลย์นพ น.ส.มัทนา อัจจิมา และนางนภัสสร บุญรีย์ เข้าพบ พ.ต.อ.พงศ์จักร จักษุรักษ์ ผกก.สน.วังทองหลาง ตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน กรณีร่วมกันทำกิจกรรม แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ชูป้ายเรียกร้องความเป็นธรรมให้นายวันเฉลิม เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ที่หน้าสถานทูตกัมพูชา

นายทัตเทพกล่าวว่า พวกตนได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และจะขอยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร มอบให้กับพนักงานสอบสวน ภายใน 20 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มให้มารับทราบข้อกล่าวหารวม 6 คน แต่วันนี้มาแค่ 4 คน ส่วนอีก 2 คน จะมารับทราบข้อหาในภายหลัง

+++++

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

‘มหาประยุทธภัย’ พิธาฉะยับ อัดบิ๊กตู่ใช้20ล้านล. แก้ศก.เหลว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน