จ่าเมา – จนท.ปั๊มหัวใจนายฤทธิรงค์ ยะสะวุฒิ อาสาตำรวจบ้าน แต่เสียชีวิตในที่สุด หลังเข้าไปช่วย จ.อ.จิรัฎฐ์ กตัญญู (นอนไว้หนวด) สังกัดทร. เมาขับรถคว่ำ แต่อีกฝ่ายยิงใส่เพราะเข้าใจผิด ริมถนนสุขุมวิท อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 3 ก.ค.

จ่าทหารเรือเมาซิ่งกระบะคว่ำหน้าร้านลาบ ตร.อาสาเข้า ช่วยนำตัวออกมาจากรถพร้อม แฟนสาว พอพยุงเดินไปขึ้นรถ กลับชักปืนยิงดับ ส่วนเจ้าของร้านที่ไปช่วยก็ถูกยิงเจ็บไปด้วย หลังก่อเหตุนอนรอมอบตัว รับสารภาพ อ้างเมาจนเกิดระแวง เห็นกรูเข้ามากันเยอะ ตร.ตั้ง 4 ข้อหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา, พยายามฆ่า, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ เมาแล้วขับ ส่งศาลทหารชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้านพี่ชายตร.อาสาเผย น้องชายเป็นคนดี เคยเป็นอส.กู้ภัยมาก่อน ชอบออกช่วยเหลือคนเจ็บตามท้องถนนเป็นประจำ ไม่น่าเชื่อว่าถูกยิงเพราะไปช่วยเหลือคน

เมื่อเวลา 02.15 น. วันที่ 3 ก.ค. พ.ต.ต.ไพบูลย์ เลาหะนะวัฒน์ สารวัตรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง ได้รับแจ้งมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ 2 ราย บริเวณหน้าร้านหนองคาย ลาบก้อย ริมถนนสุขุมวิท ขาเข้า

ระยอง หมู่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วุฒิพงษ์ สมใจ ผกก.สภ.พลูตาหลวง พ.ต.ท.วัชรชัย มวยมั่น รอง ผกก.ป. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน หน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลสัตหีบ ก.ม.10 หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถาน

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างนาย ฤทธิรงค์ ยะสะวุฒิ อายุ 33 ปี อาสาสมัครตำรวจบ้าน สภ.พลูตาหลวง ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าท้อง 2 นัด หน้าอก 1 นัด และแขนขวา 2 นัด นอนจมกองเลือดโดยมีเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ช่วยกันปั๊มหัวใจ ก่อนทนพิษบาดแผล ไม่ไหว เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ใกล้กันพบผู้ก่อเหตุนอนหมดสติ ในอาการคล้ายคนเมาสุรา ทราบชื่อ จ่าเอกจิรัฎฐ์ กตัญญู อายุ 23 ปี

ชาวจ.ตรัง สังกัดหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ โดยมี น.ส.สุทินา วุฒิชัย อายุ 23 ปี แฟนสาวนั่งอยู่ข้างๆ
ก่อนหน้านี้พลเมืองดีได้นำนายอดุลย์ ชันแสง อายุ 49 ปี เจ้าของร้านหนองคาย ลาบก้อย ที่ถูกอาวุธ

ปืนยิงเข้าที่แขนขวา 1 นัด นำส่งโรงพยาบาลแล้ว โดยทั้งหมดถูกนำส่งยัง โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ในที่เกิดเหตุพบปืน ซิกซาวเออร์ ขนาด .9 ม.ม. 1 กระบอก ปลอกกระสุนขนาด 9 ม.ม. 5 ปลอก หัวกระสุน 1 หัว และลูกกระสุนอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ห่างไป 5 เมตร พบรถกระบะโตโยต้า ไฮลักซ์ ตอนเดียว สีเทาดำ ทะเบียน บพ-612 ตรัง ของ

ผู้ก่อเหตุในสภาพพลิกคว่ำตะแคงข้างอยู่หน้าร้าน
สอบถาม พันจ่าเอก สมศักดิ์ ลิ่มสกุล อายุ 43 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า จ่าเอกจิรัฎฐ์ ผู้ก่อเหตุได้ขับรถกระบะ มาพร้อมแฟนสาว ก่อนเสียหลักพลิกคว่ำ หน้าร้านหนองคาย ลาบก้อย ซึ่งตนนั่งในร้านจึงได้ออกไปช่วยเหลือ โดยมี นายอดุลย์ เจ้าของร้าน ออกไปด้วยกัน พร้อมกับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่

ตำรวจให้มาตรวจสอบ ปรากฏว่านายฤทธิรงค์ ผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์มาตรวจสอบเหตุ ซึ่งพวกตนและผู้ตายได้ช่วยกันนำตัวผู้ก่อเหตุและแฟนสาว ออกมาจากตัวรถ โดยยังพูดคุยกันดีๆ ไม่น่าจะมีอะไร ตนจึงขอตัวเดินเข้าไปในร้าน ขณะนั้นแฟนสาวของผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ตามเพื่อนเพื่อมารับกลับบ้าน โดยมีเจ้าของร้าน และผู้ตายช่วยกันพาตัวผู้ก่อเหตุไปขึ้นรถเก๋ง เพียงเสี้ยววินาที ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น

หลายนัด จึงรีบวิ่งออกไปดูก็พบว่าทั้งสองคนถูกจ่าเอกจิรัฎฐ์ใช้อาวุธปืนยิงจนล้มลงไปนอนได้รับบาดเจ็บ

ด้านน.ส.สุทินา แฟนสาวผู้ก่อเหตุให้การว่า ตนและแฟนหนุ่มได้ไปนั่งดื่มสุรากันที่บ้านพ่อของตน ใน

ตัวอำเภอสัตหีบ ระหว่างเดินทางกลับบ้านพัก รถเกิดเสียหลักพลิกคว่ำ ก่อนมีพลเมืองดีช่วยเหลือออกมาจากรถ ตนจึงได้โทรศัพท์หาเพื่อนมารับเพื่อจะกลับบ้านพัก โดยมีพี่เจ้าของร้านและพี่อาสาสมัครตำรวจบ้านช่วยกันพาขึ้นรถ ก่อนที่ตนได้ยินเสียงปืน จึงหันไปดู แต่ไม่เห็นจังหวะที่ยิงกัน
ที่สภ.พลูตาหลวง นายวัฒนา ยะสะวุฒิ อายุ 39 ปี พี่ชายนายฤทธิรงค์ เผยว่า พอไปถึงที่เกิดเหตุน้อง

ชายน่าจะเสียชีวิตแล้ว ช่วงเวลาตี 1 แม่ได้โทรศัพท์ตาม เพราะทุกคืนน้องชายจะเข้าบ้านช่วงประมาณ 5 ทุ่ม จนถึงตี 2 ได้โทรศัพท์หาอีกครั้ง มีคนอื่นรับสาย บอกว่าน้องชายโดนยิงหน้าร้านลาบ ซึ่งเรื่องคดีขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย น้องชาย ตนก็มาช่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ เป็นคนดี เมื่อก่อนก็เป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ ชอบออกช่วยเหลือคนเจ็บตามท้องถนน เป็นประจำ ไม่น่าเชื่อว่าจะมาถูกยิงเพราะไปช่วยเหลือคน

ด้านนายอดุลย์ เจ้าของร้านหนองคาย ลาบก้อย ที่ถูกยิงเข้าที่แขนขวากระสุนฝังใน แพทย์ผ่าตัดช่วยเหลือพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่อยู่ในพักฟื้นรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนจ่าเอกจิรัฎฐ์ เบื้องต้นได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ตรวจสอบแล้วมีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย สาเหตุของการยิงมาจากการเมาสุราจนขาดสติ โดยจาก การเป่าวัดแอลกอฮอล์ในร่างกาย มีปริมาณ

62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
ด้านศพนายฤทธิรงค์ เจ้าหน้าที่ได้นำส่งชันสูตรพลิกศพ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ กทม. เพื่อเก็บหลักฐานก่อนจะมอบศพให้ญาติดำเนินพิธีทางศาสนาต่อไป
พ.ต.อ.วุฒิพงษ์กล่าวว่า ผู้ตายเป็นอาสาสมัคร ตำรวจบ้านที่มาช่วยงาน ธุรการ ขับรถสายตรวจ รถ

พนักงานสอบสวน ที่สภ.เป็นประจำ เวลามีอุบัติเหตุหรือได้ยินวิทยุก็จะออก มาช่วยงานอย่างสม่ำเสมอ เบื้องต้น ทางสภ. พลูตาหลวง จะดูแลค่าทำศพ และสิทธิที่ต้องได้รับทุกอย่างส่วน ส่วนจ่าเอกจิรัฎฐ์ รับสารภาพ ว่าเมาก่อนลงมือก่อเหตุ โดยเบื้องต้นได้ตั้งข้อหา ฆ่าผู้อื่น โดยเจตนา ซึ่งจะได้สอบสวนพยานและผู้ก่อเหตุ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พ.ต.อ.วุฒิพงษ์กล่าวต่อว่า จากการ

สอบสวน นายอดุลย์ ผู้บาดเจ็บให้การว่า ช่วงเกิดเหตุ ได้เข้าไปช่วยก่อนถูกผู้ก่อเหตุชกต่อย คิดว่าพูดคุยเข้าใจกันแล้วขอโทษกันจบไป แต่ขณะเดินไปส่งขึ้นรถ ผู้ก่อเหตุได้ชักอาวุธปืนออกมา จากกระเป๋า ก่อนยิงใส่นายฤทธิรงค์ จนล้มลง ตนจึงเข้าไปกดตัวคนร้ายไว้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเดินทางมาถึง
ต่อมาเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.เมฒาวิศ ประดิษฐ์ผล รอง.ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และพ.ต.อ.วุฒิพงษ์ ได้นำตัว

จ่าเอกจิรัฎฐ์ ไปทำแผน ประกอบคำรับสารภาพ ท่ามกลางญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บ รวมถึงประชาชนที่มารอดู เหตุการณ์จำนวนมาก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 นาย คุ้มกันโดยรอบ โดยไม่มีเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

ด้านจ่าเอกจิรัฎฐ์ ได้กล่าวรับสารภาพผิดและขอโทษในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด “ผมเมา แต่ยังมีสติ

รู้ตัวทั้งหมด สาเหตุที่ผมยิง เพราะกลัวพี่ๆเข้ามากันเยอะ ระแวงไปเอง ผมจึงหยิบปืนออกมา พอเขาเห็นปืน พวกพี่เขา ได้วิ่งเข้ามาชาร์จผม ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกัน ตอนนั้นผมกลัวมากซึ่งมารู้ทีหลังว่าพวกพี่เขากำลังจะเข้ามาช่วยเหลือผม หลังจากผมเห็นพี่เขาล้มลงผมก็ทิ้งปืน แล้วนอนลงตรงนั้นเลย ผมขอแสดงความรับผิดชอบรับโทษทุกอย่างที่เกิดขึ้น”

พ.ต.อ.เมฒาวิศกล่าวว่า เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหา ฆ่าคนตายโดยเจตนา, พยายามฆ่า, พกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ และเมาแล้วขับ ส่งตัวไปยังศาลทหารจังหวัดชลบุรี เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน