‘ดอน’ควบรองฯ ‘นฤมล’ก็ตามโผ พปชร.แห้วหมด ทั้งมท.-พลังงาน ฝ่ายค้านรุมจวก ‘บิ๊กแดง’เติมไฟ

โปรดเกล้าฯ ครม.ใหม่ 7 คน 8 ตำแหน่ง ‘ดอน’นั่งรองนายกฯ อีกเก้าอี้ ‘สุพัฒนพงษ์’ รอง นายกฯ ควบรมว.พลังงาน ‘ปรีดี’ ขุนคลัง ‘อนุชา’ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ‘สุชาติ’ รมว.แรงงาน ‘นฤมล’ รมช.แรงงานสมใจ ‘เอนก’ รมว.การอุดมศึกษาฯ ‘บิ๊กตู่’ สั่งประชุมนัดแรกพฤหัสฯ 13 ส.ค. ‘ธนกร วังบุญคงชนะ-อนุชา บูรพชัยศรี’ ชิงดำโฆษกรัฐบาล ‘วิษณุ’ แจง 2 ทางเลือกแก้รธน. รายมาตราหรือทั้งฉบับพร้อมตั้งส.ส.ร. ยอมรับรัฐบาลมีธงอยู่แล้ว เพื่อไทยเตือนวาทกรรมโรคชังชาติ ‘บิ๊กแดง’ ราดน้ำมันเข้ากองไฟ ก้าวไกลเปิดเอกสารซื้ออาวุธ เย้ยรักชาติสไตล์ผบ.ทบ.

โปรดเกล้าฯครม.ประยุทธ์ 2/2

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตาม ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิ.ย.2562 แล้ว และ แต่งตั้งรัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศลงวันที่ 10 ก.ค.2562 นั้น

บัดนี้ นายกฯ ได้กราบบังคมทูลว่า ได้มีรัฐมนตรีลาออกบางตำแหน่ง สมควรแต่งตั้งรัฐมนตรีแทนตำแหน่งที่ว่างและเพิ่มเติมบางตำแหน่ง เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังนี้

นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกตำแหน่งหนึ่ง นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน นายอนุชา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายปรีดี ดาวฉาย เป็นรมว.คลัง นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ เป็นรมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น เป็น รมว.แรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นรมช.แรงงาน
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 5 ส.ค.2563 เป็นปีที่ 5 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

พปชร.ชวดมท.1-รมว.พลังงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายดอน ดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศในครม.ประยุทธ์ 2/1 และควบรองนายกรัฐมนตรีในครม. ประยุทธ์ 2/2 ส่วนอีก 6 คน เป็นรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับครม.ครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชวดตำแหน่งรมว.มหาดไทย ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะมาเป็นรมว.มหาดไทย แทนพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และยังไม่ได้เก้าอี้รมว.พลังงาน ที่พยายามผลักดันนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม มานั่งตำแหน่งนี้ตามที่ต้องการตั้งแต่ตั้งรัฐบาลครม.ประยุทธ์ 2/1 ทำให้ทั้ง 2 ตำแหน่งดังกล่าวตกเป็นโควตาของนายกฯ ที่มาจากคนนอก

‘บิ๊กตู่’สบายใจ-เผยเหตุ‘ดอน’ควบ

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า จากนี้จะมีการกำหนดเวลาเข้าเฝ้าฯ สบายใจแล้วกัน จะได้ทำงานกันได้ ผู้สื่อข่าวถามว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยทั้งหมดและไม่เกิดปัญหาอะไรใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็เรียบร้อย จะเกิดปัญหาอะไร จะเกิดตรงไหน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงสาเหตุการแต่งตั้งนายดอน เป็นรองนายกรัฐมนตรีอีกตำแหน่งว่า ไม่ทราบ อยากให้ถามนายกฯ แต่ถ้าให้เดา ที่ผ่านมานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เดินทางไปทำหน้าที่ในนามนายกฯ เมื่อเป็นเช่นนี้นายดอนคงทำหน้าที่ดังกล่าวแทน ซึ่งภารกิจที่นายกฯต้องเดินทางไปในต่างประเทศมีมาก หากนายกฯไม่ไป จะมอบหมายรัฐมนตรีไม่ได้ ขณะที่รมว.ต่างประเทศต้องไปประชุมในระดับรัฐมนตรีอยู่แล้ว เมื่อแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีจะสามารถประชุมแทนนายกฯได้ด้วย

3 รมต.พลังประชารัฐพร้อมลุยงาน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ว่า ตนจะขอปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยจะน้อมนำแนวทางพระราชดำริมาปรับใช้ในการปฏิบัติงานต่อไป
ด้านนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน กล่าวว่า ยังไม่ขอพูดอะไรในตอนนี้ ขอให้ผ่านขั้นตอนการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อน จากนั้นจะพูดในนโยบายที่ตั้งใจจะทำงานในส่วนของกระทรวงแรงงานที่จะได้รับมอบหมาย พร้อมขอโทษสื่อมวลชนที่ไม่ได้รับสายโทรศัพท์ในช่วงที่ผ่านมา
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ขอพูดอะไร คงเตรียมความพร้อม เพื่อรอการประสานงานจากผู้เกี่ยวข้องถึงรายละเอียดการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการต่อไปก่อน
ทั้ง 3 รัฐมนตรีสังกัดพรรคพลังประชารัฐ

ถกนัดแรก 13 ส.ค.-ชงตั้งโฆษกรัฐ

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า หลังจากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งครม.ชุดใหม่แล้ว ได้แจ้งผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่เตรียมพร้อมถ่ายรูปครม.เต็มคณะ ที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 13 ส.ค. ก่อนเข้าร่วมการประชุม ครม.นัดแรก ของรัฐบาลบิ๊กตู่ 2/2 ที่ห้องประชุมชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ซึ่งกำหนดการประชุม ครม.นี้เลื่อนจากเดิมที่จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 ส.ค.
ในการประชุมครม.ครั้งนี้ คาดว่าจะมีการเสนอขอความเห็นชอบแต่งตั้งโฆษกประจำสำนักนายกฯคนใหม่ แทนนางนฤมล ซึ่งขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์กำลังพิจารณาหาบุคคลที่เหมาะสม นอกจากนายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยังมีข่าวการทาบทาม นายอนุชา บูรพชัยศรี เลขา นุการรมว.ศึกษาธิการ และอดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ด้วย

นายกฯวอนทุกฝ่ายพลิกฟื้นประเทศ

เวลา 10.00 น.ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “พลิกฟื้นประเทศไทย:ก้าวต่อไปอย่างมั่นคง” ว่า วันนี้มีหลายอย่างที่ต้องพลิกฟื้นประเทศ ที่สำคัญคือพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศ จำเป็นต้องดูแลให้เกิดความต่อเนื่อง เพราะเป็นปัญหาระยะยาวที่เราร่วมกันเผชิญหน้ามาตลอด หลายรัฐบาล หลายสิบปี ที่ยังมีความเหลื่อมล้ำในเรื่องอาชีพและรายได้
ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2557 จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยปรับตัว ดีขึ้นตามลำดับ อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2557 อยู่ที่ร้อยละ 1.0 เพราะมีปัญหา ขัดแย้ง ความไม่มีเสถียรภาพ แต่ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นร้อยละ 3.1 และร้อยละ 3.4 ในปี 2558 และ 2559 จากนั้นเติบโตต่อเนื่อง จนถึงปี 2563 ประเทศไทยเผชิญปัญหาสำคัญ ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจในประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือการแพร่ระบาดของโควิด-19

ห่วงเศรษฐกิจซึมยาว 1-3 ปี

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจอยู่ในช่วงถดถอยทั้งโลก ประเทศ ไทยที่ว่าแย่ แต่ยังมีหลายประเทศที่แย่มากกว่า ดังนั้น ขออย่าท้อแท้ เราต้องทำให้ดีและฟันฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ ทุกคนต้องอดทน คาดว่าจากปีนี้จนถึงปีหน้าและปีต่อไปอีก 2-3 ปี กว่าจะทุกอย่างจะกลับมาฟื้นฟูเข้มแข็งได้ จึงต้องหาวิธีแก้ไขปัญหา ซึ่งความร่วมมือและความเข้าใจเป็นสิ่งสำคัญ ประเทศจะต้องมีเสถียรภาพ อย่าให้มีความวุ่นวาย ไม่เช่นนั้นนักธุรกิจและ นักลงทุนจะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะมาลงทุน ไม่เกิดความเชื่อมั่น ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกัน
สิ่งที่ตนรับฟังมา เด็กหลายคนมีปัญหา เพราะเด็กของเรามักถูกสอนแต่ในตำราและหลักสูตร ทำให้เด็กไทยคิดได้ช้ากว่าประเทศอื่น คนไทยไม่ใช่ไม่เก่ง เราจึงต้องหาโอกาสว่าทำอย่างไรให้เขาได้แสดงออกที่เป็นประโยชน์ ทำอย่างไรจะดึงศักยภาพเหล่านี้ออกมาให้ได้
ในการเปิดโลกทัศน์ให้กับเด็ก จะต้องหาเวลาให้เขาได้ออกมาพูดคุยพบปะหารือ ถกแถลงแสดงความคิดเห็นกันบ้าง เด็กก็จะมีความรักในแผ่นดินและพื้นที่ของเขาได้รู้ถึงความยากลำบากของประเทศไทย วันนี้ย้ำว่าประชาธิปไตยต้องฟังทั้งเสียงส่วนใหญ่และเสียงส่วนน้อยก็ต้องแก้ปัญหา ถ้ารวมกันทั้งหมดก็ไปไม่ได้ทุกเรื่อง

ขู่มัวตีกันจะเหมือนปี’57

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ตนพบทูตทุกประเทศต่างบอกว่าประเทศไทยน่าอยู่ อากาศดี อาหารอร่อย ธรรมชาติสวยงาม ระบบการแพทย์ดี เขาอยากมาเกษียณอายุที่ไทย อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ไทย แต่คนไทยหลายคนกลับไม่อยากอยู่ ตนก็ไม่เข้าใจ วันนี้อาจพูดเยอะ อะไรก้าวล่วง ต้องขอโทษ ไม่ได้มีเจตนา แต่ต้องช่วยกันคิดว่าประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อยู่ตรงไหน กฎหมายอยู่ตรงไหน รวมทั้งฝ่ายตุลาการนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารซึ่ง 3 อํานาจก้าวล่วงกันไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงเงินกู้ 4 แสนล้านบาทจะออกมาใช้ได้เมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ออกและอนุมัติไปแล้ว วันนี้รอบ 2 กำลังจะออกมา อย่างตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจกำลังจะดีขึ้น ดังนั้น ในประเทศต้องสงบและมีเสถียรภาพ จะได้ค้าขายกันได้ แต่ถ้าวุ่นวายกันหมด ค้าขายไม่ได้ จะกลับไปสู่เหตุการณ์เมื่อปี 2557

‘วิษณุ’แจง 2 ทางเลือกแก้รธน.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 เห็นชอบให้แก้มาตรา 256 ว่า ในส่วนนี้ต้องทำประชามติ ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท เกือบเท่ากับงบที่ใช้เลือกตั้งทั่วไป เมื่อสื่อถาม ตนก็ตอบ ไม่ได้บ่น หรือบอกว่าเสียดาย ไม่ได้พูดอย่างนั้น
การแก้รัฐธรรมนูญ แก้ได้ 2 อย่างคือ 1.แก้เป็นรายมาตราหรือรายเรื่อง ที่ไม่เกี่ยวกับหมวด 1 หมวด 2 และหมวด 15 และเรื่องแก้ไขคุณสมบัติและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระที่กระจายอยู่หลายหมวด หากจะแก้บทเฉพาะกาล ไม่ให้ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯ จะเป็นการแก้เป็นเรื่องๆ รวมถึงการแก้ไขวิธีการเลือกตั้ง เช่น ใช้บัตรเลือกตั้ง 1 ใบหรือ 2 ใบ ซึ่งกระบวนการแก้ไขจะเดินตามมาตรา 256 คือนำเข้ารัฐสภา ผ่านวาระ 1-3 หากมี ผู้สงสัยก็ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ให้ดำเนินการเสร็จภายใน 1 เดือน ถ้าไม่สงสัยก็ไม่ต้องส่ง โดยนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้ได้ทันที
2.ถ้ามีการแก้หมวด 1 หรือหมวด 2 หรือหมวด 15 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการแก้เกี่ยวกับคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามและอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระ ซึ่งกระจายอยู่หลายหมวด ต้องนำเข้ารัฐสภาผ่านวาระ 1-3 จากนั้นทำประชามติ และการลงประชามติ ยุ่งยากเพราะมีล็อกเอาไว้ว่า ต้องทำตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงลงประชามติ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีกฎหมายนี้ ต้องใช้เวลาออกกฎหมาย เมื่อทำประชามติเสร็จ หากสงสัยก็ต้องถามศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่สงสัยก็ไม่ต้องส่ง จากนั้นจึงนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป

ถ้ารื้อทั้งฉบับ-ตั้งส.ส.ร.อีกยาว

นายวิษณุกล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 256 หรือการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) คือการแก้หมวด 15 ซึ่งเป็นการแก้แบบประเภทที่ 2 ที่ต้องลงประชามติ คิดว่าหากจะเสนอแก้ไข คงไม่ทันสมัยประชุมสภานี้ เพราะยังมีเรื่องการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 และการทำร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการลงประชามติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าการใช้งบ 3,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขมาตรา 256 มาตราเดียว ถือว่าคุ้มค่าหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ถ้าคิดว่าจำเป็นจะแก้ก็ต้องคุ้ม แต่ข้อสำคัญ ถ้าสมมติว่าลงประชามติผ่านให้แก้ไขจนนำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร. รัฐธรรมนูญฉบับที่ส.ส.ร.ร่างก็ต้องนำไปลงประชามติอีกรอบ อย่างน้อยต้องลงประชามติถึง 2 ครั้ง ดังนั้น ถ้าจำเป็นจะเสียก็ต้องเสีย ไม่มีปัญหา ส่วนจะจำเป็นหรือไม่ แล้วแต่จะพูดกันในทางการเมือง
ส่วนข้อเสนอของกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นประธานนั้น นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่ได้ส่งมา รัฐบาลก็รอเพราะนายกฯ พูดกับครม.ว่า อยากให้รอ เพื่อจะได้รู้ว่าจะแก้เป็นรายมาตรา หรือแก้ไขทั้งหมด ซึ่งการแก้ไขต้องใช้เสียงของ 2 สภา ที่มีเสียง 750 คน ต้องโหวตให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 375 คน แต่ไม่สำคัญเท่ากับเสียงของส.ว. 250 คน ที่จะต้องเห็นชอบกับการแก้ไข 1 ใน 3 หรือ 84 คน

ยอมรับรัฐบาลมีธงอยู่แล้ว

นายวิษณุกล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลมีความคิดอยู่แล้วว่าจะทำอะไรในส่วนเหล่านี้ ขอให้รอฟังเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง เพราะฝ่ายค้านก็จะแก้อย่างหนึ่ง พรรคร่วมรัฐบาลแต่ละพรรคก็ไม่ได้คิดเหมือนกัน ขณะที่ส.ว.ก็คิดจะแก้เหมือนกัน แต่เมื่อเข้าไปที่รัฐสภา ต้องใช้เสียงของ 2 สภา ที่มีเสียง 750 คน ต้องโหวตให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งคือ 375 คน แต่ไม่สำคัญเท่ากับเสียงของส.ว. 250 คน ที่จะต้องเห็นชอบกับการแก้ไข 1 ใน 3 หรือ 84 คน
เมื่อไปถึงการพิจารณาวาระ 3 ก็จะไปย้อนนับเสียงส.ส. ฝ่ายค้าน ที่ต้องมีเสียงเห็นชอบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดด้วย จึงจะผ่านในวาระ 3 เข้าสู่กระบวนการต่อไป หากแก้ไขแบบที่หนึ่งก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้เลย ส่วนประเภทที่ 2 จะต้องลงประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ จึงต้องพูดตกลงทำความเข้าใจกันให้ดีก่อน เพื่อไม่ให้ไปเกิดปัญหาในสภา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกัน ซึ่งกมธ.ชุดของนายพีระพันธุ์ก็ช่วยได้เพราะมีสมาชิกจากฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องยืนตามความเห็น ของกมธ.หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่จำเป็น นายกฯ อยากทราบว่าจะแก้ประเด็นอะไรบ้าง ถ้าถามใจรัฐบาล ก็มีธงอยู่แล้วว่าอยากจะแก้อะไร ส่วนที่มีข่าวว่ารัฐบาลไม่ต้องการให้ตั้ง ส.ส.ร.นั้น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่จริง ใครพูด รัฐบาลไม่เคยพูดในสิ่งนั้น เพราะรัฐบาลบริหารงานมาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งคำว่ารัฐบาล ไม่ได้หมายถึงพล.อ.ประยุทธ์ แต่หมายรวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล

พปชร.ยันหนุนแก้ไข

ที่รัฐสภา น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าสิ่งใดที่ทำแล้วเกิดประโยชน์กับประชาชน เราพร้อมมุ่งมั่นดำเนินการ ซึ่งการแก้รัฐธรรมนูญต้องรอรายงานผลการศึกษาของกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเมื่อรายงานเข้าสู่สภาแล้ว พรรคจึงจะนำหารือว่าจะแก้รายมาตราหรือทั้งฉบับโดยให้ตั้งส.ส.ร. และจะต้องนำรายงานของกมธ.หารือกับวิปรัฐบาลด้วย เพราะการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้เวลาพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า นายกฯควรแสดงความจริงใจ และกำหนดแนวทางให้ชัดเจนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ น.ส.พัชรินทร์กล่าวว่า นายกฯระบุว่าพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกของนิติบัญญัติ แสดงให้เห็นว่ามีความจริงใจ แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ จึงต้องใช้เวลาในการพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบ
พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ.และส.ว. กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของรัฐบาลและการเมือง ส่วนที่ฝ่ายการเมืองเสนอแก้ไขไม่ให้ส.ว.มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ พล.อ.อ.มานัตกล่าวว่า ตนไม่มีหน้าที่ไปเลือกหรือกำหนดว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็น เราต้องทำตามหน้าที่

เพื่อไทยถามส.ว.มีไว้เพื่อใคร

นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรค เพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า โดยหลักแล้วส.ว.ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงส.ส. ตรวจสอบกลั่นกรองกฎหมาย เมื่อย้อนไปดู ที่มาของส.ว.ชุดปัจจุบัน 250 คน แม้จะมาจากคณะกรรมการสรรหา แต่สุดท้ายต้องผ่านมือหัวหน้าคสช. ไม่มีจุดยึดโยงกับประชาชนเลย ทั้ง 250 คนได้ลงมติโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เป็นนายกฯโดยพร้อมเพรียงกันรัฐธรรมนูญมาตรา 269(4) ยังบัญญัติให้ ส.ว.ชุดนี้ดำรงตำแหน่ง 5 ปี เท่ากับมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกฯ 2 สมัย
ขอถามส.ว.ว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้ ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ประเทศไทยมี ส.ว.แบบนี้ได้อย่างไรและเพื่อใคร ส.ว.ชุดนี้ควรสนับสนุนข้องเรียกร้องของนักศึกษา และประชาชนหรือไม่

ลุ้นชิงส.ส.ปากน้ำ 9 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งส.ส.เขต 5 สมุทรปราการ แทนตำแหน่งที่ว่าง ในวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค. เวลา 08.00-17.00 น. มีผู้สมัคร 4 คนคือ นายมานะ บุญนาค พรรคเสรีรวมไทย หมายเลข 1 นายอิศราวุธ ณ น่าน พรรคก้าวไกล หมายเลข 2 นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 3 และนาย กรุงศรีวิไล สุทินเผือก พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 4
นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การทำโพล ที่ทาง สวนดุสิตโพล ได้เผยแพร่เมื่อวันที่ 3 ส.ค. เกี่ยวกับผลสํารวจ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบ อันดับ 1 พร้อมกับมีภาพเครื่องหมายพรรคพลังประชารัฐ ปรากฏอยู่ที่มุมบนด้านขวาของภาพ ซึ่งตามกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 73 ห้ามทำโพลเพื่อชี้นำการเลือกตั้งภายใน 7 วันก่อนการลงคะแนนเสียง ถึงแม้โพลดังกล่าวจะไม่ได้เกี่ยวกับ จ.สมุทรปราการโดยตรง แต่เหมือนเป็นการชี้นำ รวมถึงการที่น.ส.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ ส.ส.กทม ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้เผยแพร่และขอบคุณ ผลโพลดังกล่าว ทางพรรคจึงได้ยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เพื่อ ขอให้ตรวจสอบว่าผิดกฎหมายและเป็นการจูงใจในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งหรือไม่
“อยากให้กกต.ใช้ดุลพินิจตัดสินปัญหาทั้งหมดก่อนการเลือกตั้งวันที่ 9 ส.ค. เพราะหากปล่อยไว้อาจจะทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมและหากมีการร้องเรียน ภายหลังการเลือกตั้งอาจจะเป็นการเสีย งบประมาณโดยใช่เหตุ” นายอำนาจกล่าว

ช่วยลำไย – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นประธานประชุมระหว่างภาครัฐและเกษตรกร เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 ส.ค

เตือน‘บิ๊กแดง’อย่าเติมเชื้อไฟ

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรค เพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ให้โอวาทในการตรวจแถวนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าถึงโรคชังชาติ เป็นโรคที่รักษาไม่หายว่า เป็นการพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ยกตนข่มท่านว่ากลุ่มตัวเองเท่านั้นที่วิเศษกว่าคนอื่น ผูกขาดความรักชาติเอาไว้แต่พวกของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง ไม่อยากให้ ผบ.ทบ.มีความคิดแตกแยก แบ่งเขาแบ่งเรา การพูดโดยไม่คิดแบบนี้อาจกลายเป็นการยั่วยุขยายความขัดแย้งในหมู่คนไทยได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศมีการชุมนุมทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย น้ำผึ้งหยดเดียวแบบนี้เคยทำให้กองทัพออกมาปราบประชาชน และเกิดความสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วในอดีต
“บิ๊กแดงต้องจัดชุดความคิดใหม่ ไม่ควรคิดว่ามีแต่กองทัพเท่านั้นที่รักชาติ อยากเตือนไปยังผู้บริหารทุกคนในกองทัพว่าอย่าเป็นเงื่อนไขในการสร้างความขัดแย้งเสียเอง ขอเตือนว่าการสร้างวาทกรรมชังชาติคือการราดน้ำมันเข้ากองไฟ ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนเลยแม้แต่น้อย ถ้าท่านทำไม่ได้ก็ควรพิจารณาตัวเองว่าวันนี้ท่านทำงานคุ้มค่ากับภาษีของประชาชนที่จ่ายให้กับท่านหรือไม่” นายการุณกล่าว

‘โรม’แฉเรื่องน่าชังในกองทัพ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมเปิดเอกสารจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกรมสรรพาวุธทหารบก ลงวันที่ 5 ส.ค.2563 โดยระบุว่าเรามาดูตัวอย่างความรักชาติในสไตล์ของ ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 5 ส.ค. วันเดียวกับที่ พล.อ.อภิรัชต์เอื้อนเอ่ยวาทกรรม โรคชังชาติรักษาไม่หายนั้น กองทัพบกโดยกรมสรรพาวุธทหารบก ได้ออกประกาศเผยแพร่แผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2563 มีรายการปืนใหญ่พร้อมอุปกรณ์ประกอบ 2 รายการ วงเงินถึง 834.4 ล้านบาท ย้อนไปเมื่อวันที่ 15 ก.ค. กรมสรรพาวุธทหารบกเพิ่งประกาศแผนจัดซื้อกระสุนปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน 2 รายการ 249.9 ล้านบาท และก่อนหน้านี้มีรายการจัดซื้อยานเกราะล้อยาง 4,515 ล้านบาท ซื้อเครื่องบินวีไอพี 1,348.5 ล้านบาทออกมาแล้ว ยังไม่นับว่ามีรายการอาวุธยิบๆ ย่อยๆหลักสิบล้านอีก
หรือนี่คือการแสดงออกถึงความรักชาติบ้านเมือง ความสำนึกบุญคุณแผ่นดินในแบบที่พล.อ.อภิรัชต์ชอบกระทำ ประชาชนไม่ได้ชังชาติ แต่มีบางคนบางกลุ่มที่ยึดกุมอำนาจอยู่ในองค์กร หน่วยงาน สถาบันต่างๆ ของชาติ แล้วประพฤติปฏิบัติตนได้น่ารังเกียจชิงชังเป็นอย่างยิ่ง แถมยังชอบผูกขาดความรักชาติ ชอบแอบอ้างว่าตัวเองคือชาติที่ประชาชนจะต้องมารัก คนพวกนี้แหละที่ทำให้ประชาชนสิ้นหวังต่อประเทศมากขึ้นทุกที
นี่เป็นแค่ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เรื่องน่าชังที่เกิดขึ้นในกองทัพยังมีอีกมาก เชิญชวนประชาชนร่วมจับตาการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์และงบต่างๆของกองทัพ เพราะเม็ดเงินทุกเม็ด คือหยาดเหงื่อ คราบน้ำตา จากภาษีประชาชน

ถอนคำสั่งปลด‘วิชัย’คดีหุ้นชิน

เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลาง สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ลดโทษนายวิชัย จึงรักเกียรติ อดีตผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร จากไล่ออก เป็นปลดออกจากราชการ จากกรณีนายวิชัย งดเว้นการคำนวณภาษีกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น (มหาชน)หรือ ชินคอร์ป 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาท ให้นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมาน เมื่อปี 2540 แต่มีคำพิพากษาแก้คำสั่งศาลปกครองกลาง ในส่วนระยะเวลาที่ให้คำสั่งเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปนับแต่วันที่มีคำสั่งคือวันที่ 12 พ.ค.2551 เป็นให้คำพิพากษาเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.2549 ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งลดโทษจากไล่ออกเป็นปลดออกจากราชการมีผลบังคับ และให้มีการคืนสิทธิประโยชน์ที่นายวิชัยพึงมีตามกฎหมายโดยเร็ว และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยควรคืนสิทธิประโยชน์ที่นายวิชัย พึงมีพึงได้ตามกฎหมายแก่นายวิชัยโดยเร็ว
เนื่องจากไม่อาจรับฟังได้ว่าพฤติการณ์ของนายวิชัย เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดและปลัดกระทรวงการคลังมีคำสั่งปลดออกจากราชการนั้น จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของ ป.ป.ช.ไม่อาจรับฟังได้

ในทำเนียบ – เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำดับเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ 4 คัน ของตำรวจสันติบาลที่จอดไว้ในทำเนียบรัฐบาล ตรวจสอบสาเหตุเกิดจากระบบไฟฟ้าขัดข้องแล้ว ชอร์ตไหม้ลุกลามไปยังคันอื่นๆ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.

ระทึกไฟไหม้จยย.ทำเนียบ4คัน

เมื่อเวลา 00.50 น. วันที่ 6 ส.ค. เกิดเหตุเพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ ที่จอดอยู่บริเวณอาคารกองรักษาการณ์ตำรวจประจำทำเนียบรัฐบาล ใกล้กับประตู 5 ฝั่งถนนราชดำเนิน โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ได้เร่งเข้าควบคุมเพลิงจนสงบ เบื้องต้นตำรวจสน.ดุสิต เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบจักรยานยนต์ถูกเพลิงไหม้เสียหาย 4 คัน ยี่ห้อฮอนด้า ซีบีอาร์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110 ทะเบียน ขนง 890 กรุงเทพฯ ยี่ห้อ คาวาซากิ สมาย ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และยี่ห้อยามาฮ่า ฟีโน่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยไม่มีผู้บาดเจ็บ
น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ผอ.สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) เปิดเผยว่า สาเหตุเกิดจากไฟฟ้าชอร์ตที่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ ของตำรวจ จากนั้นลุกลามไปอีก 3 คัน แต่เสียหายมาก 2 คัน อีก 2 คันเสียหายเล็กน้อย ทราบว่าเป็นรถของตำรวจสันติบาลประจำทำเนียบรัฐบาล และหน่วยงานได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก
ภายหลังเกิดเหตุ มีการวิจารณ์ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ประจำทำเนียบรัฐบาล ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นการมาทวงสัญญาของเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ที่ประจำการทำเนียบรัฐบาล แต่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถจักรยานยนต์ก่อนหน้านี้ แต่ไม่ใช่เจ้าของ รถจักรยานยนต์ที่ไฟไหม้ ซึ่งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในทำเนียบรัฐบาลสัญญาว่าจะทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ แต่ติดสถานการณ์โควิด-19 จึงยังไม่ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน