ป้าโร่ขอโทษ-อ้างชั่ววูบ
ตบนร.ไม่เคารพธงชาติ
ม็อบเสื้อเหลืองมาอีก
จ่อจับอีกชุดใหญ่ 16 แกนนำ ‘มายด์-ไผ่ดาวดิน’ ชุมนุมหน้าสถานทูต โดนคดีกันระนาวทั้งคนอ่านแถลงการณ์ คนนำปราศรัย ขณะที่ ‘เพนกวิน’ แถลงสำนึกผิดละเมิดอำนาจศาล ปฏิญาณจะไม่กระทำอีก ศาลตักเตือน จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ส่วนป้าตบนักเรียนไม่ยืนเคารพธงชาติที่อยุธยา โผล่มอบตัวตร. ขอโทษผู้เสียหาย อ้างอารมณ์ชั่ววูบ นักเรียนนักศึกษาจี้หยุดรุนแรงผู้เห็นต่าง นั่งชู 3 นิ้วร้องเพลงชาติ ส่วนม็อบเสื้อเหลืองแสดงพลังอีกที่วงเวียนใหญ่
ไต่สวน‘เพนกวิน’ละเมิดศาล
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. ที่ศาลอาญา ศาลไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล ตามที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ แกนนำนักศึกษา ละเมิดอำนาจศาล จากกรณีเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2563 ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก ผู้ต้องหาคดีปราศรัยปลุกปั่นยุยงฯ มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา ได้เกิดการรวมตัวของบุคคลผู้สนับสนุนบริเวณหน้ามุขบันไดทางขึ้นศาลอาญา
โดยระหว่างนั้นนายพริษฐ์ตะโกนเสียงดัง และใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณา เพื่อชักชวนให้บุคคลอื่นๆ เดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล รวมทั้งการถ่ายทอดสดภาพ และเสียงเหตุการณ์การชุมนุมในบริเวณศาล ผ่านสื่อโซเชี่ยลมีเดียและสื่อต่างๆ การกระทำของนายพริษฐ์ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดศาลอาญา ถือว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล
เจ้าตัวสำนึกผิด-ศาลตักเตือน
ศาลเบิกตัวนายพริษฐ์จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยขณะถูกควบคุมตัวอยู่ภายในรถของกรมราชทัณฑ์ นายพริษฐ์ชู 3 นิ้ว ผ่านกระจกรถ พร้อมทั้งยังเบิกตัวนายอานนท์ ในฐานะทนายความนายพริษฐ์มาศาลด้วย ในการไต่สวน ศาลสอบถาม และนายพริษฐ์ยอมรับว่าได้พูดถ้อยคำตามที่ปรากฏในคำร้องและหลักฐานจริง แต่ไม่ทันคิดไตร่ตรอง มิได้มีเจตนาขัดขวางหรือก้าวล่วงการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล จึงขอโอกาสศาลเพื่อบรรเทาผลร้ายจากการกระทำดังกล่าว โดยจะแถลงขอโทษแสดงความรู้สึกเสียใจ ต่อการกระทำดังกล่าว
จากนั้นผู้กล่าวหาแถลงว่าหากผู้ถูกกล่าวหาสำนึกผิดแล้ว จึงไม่ติดใจดำเนินคดีนี้ ขอให้ผู้ถูกกล่าวหาอย่ากระทำในลักษณะดังกล่าวอีก และขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณา ก่อนที่ศาลจะพิเคราะห์แล้ว จึงเห็นควรว่ากล่าวตักเตือนนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา และให้กล่าวคำปฏิญาณต่อศาล ว่าจะไม่กระทำการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้อีกแล้วให้ปล่อยตัวผู้ถูกกล่าวหาไปในคดีนี้ และจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
‘ตัน-สุรนาถ’วืดประกันตัวอีก
ขณะเดียวกัน นางน้ำทิพย์ แป้นประเสริฐ มารดานายสุรนาถ หรือตัน แป้นประเสริฐ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับสิทธิเด็กและเยาวชน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 จากเหตุการณ์ขบวนเสด็จฯ ผ่านพื้นที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอปล่อยตัวชั่วคราวนายสุรนาถเป็นครั้งที่ 3 ศาลพิจารณาแล้วยกคำร้อง โดยเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง อีกทั้งความผิดตามข้อกล่าวหามีอัตราโทษสูง มีเหตุอันสมควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่นอีก
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีนายสุรนาถถูกควบคุมตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปยังเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งเป็นเรือนจำสำหรับนักโทษมหันตโทษ โดยไม่แจ้งให้ครอบครัวทราบ ว่านำเรื่องแจ้งต่อศาล ซึ่งศาลรับเรื่อง และจะนำไปตรวจสอบให้
จี้สอบเหตุทำร้ายนศ.รามฯ
ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง หัวหมาก กรุงเทพฯ นายนันทพงศ์ ปานมาศ และนายก ฤษณะ ไก่แก้ว ผู้ประสานงานกลุ่มเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นำนักศึกษาทั้งศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่า เข้ายื่นหนังสือถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อทวงถามความคืบหน้าและการดําเนินการของมหาวิทยาลัย กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อเหลืองทำร้ายนักเรียนนักศึกษาและประชาชน ขณะชุมนุมภายในมหาวิทยาลัยเมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา และมีบุคลากรบางคนของมหาวิทยาลัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายด้วย จึงขอให้ไล่ออก
รศ.อดุลย์ ตะพัง รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ม.รามคำแถง กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว อยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 7 วัน แต่ตามหลังจากนี้จะเร่งเยียวยาคนเจ็บ ส่วนจะมีบุคลากรของมหาวิทยาลัยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ต้องสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัยต่อไป
จ่อจับ 16 แกนนำหน้าสถานทูต
ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่าตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐาน ทั้งเอกสาร วิดีโอ และภาพถ่ายเหตุการณ์การชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยคาดว่ามีแกนนำผู้ชุมนุม 16 คน อาจถูกดำเนินคดี โดยแยกเป็นกลุ่มดังนี้ คือกลุ่มยื่นเอกสารต่อนายจอร์จ ชมิดท์ เอกอัครราชทูตเยอรมันประจำประเทศไทย ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นายวรินทร์ แพททริค แมคเบลน และ น.ส. ภัศราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล กลุ่มถัดมาคือคนอ่านแถลงการณ์ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาเยอรมัน กลุ่มนี้มีทั้งหมด 12 คน ส่วนกลุ่มสุดท้ายคือผู้ปราศรัย โดยเบื้องต้นมี 2 คนคือ น.ส.ภัศราวลี และนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่
สำหรับข้อหานั้น พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา ว่า พนักงานสอบสวนเตรียมดำเนินคดีกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าสถานทูตเยอรมัน โดยใช้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ และความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ให้ร้าย หรือประทุษร้าย
ป้าขอโทษ-ตบนร.ไม่เคารพธงชาติ
ส่วนกรณีผู้หญิงทำร้ายเด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.3 ที่สถานีรถไฟ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากไม่พอใจนักเรียนหญิงไม่ยืนเคารพธงชาติ ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ต.ค. น.ส.ปู อายุ 45 ปี เข้าพบ พ.ต.อ.ประเวศ ศรีนาค ผกก.สภ.พระนครศรีอยุธยา โดย น.ส.ปูกล่าวว่า เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เมื่อเห็นเด็กนักเรียนไม่ยืนเคารพธงชาติ จึงเข้าไปสอบถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า ทำไมไม่เคารพธงชาติ นักเรียนย้อนกลับว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล ทำให้โมโหเกิดอารมณ์ชั่ววูบเข้าไปทำร้ายร่างกายเด็ก ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เห็นใครไม่ยืนเคารพธงชาติ จะเข้าไปถามทุกครั้ง หลังจากนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว หากเห็นใครไม่ยืนเคารพธงชาติอีก จะไม่ ทำแล้ว
จากนั้น น.ส.ปูยกมือไหว้ขอโทษพ่อและลุงของเด็กนักเรียนผู้เสียหาย ขอให้อภัยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเสียใจกับเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะลุงเด็กนักเรียนกล่าวว่า หลานสาวเป็นประจำเดือน มีใบรับรองแพทย์ยืนยัน ไม่ใช่ไม่ยืนเคารพธงชาติอย่างที่ถูกกล่าวหา ตนเองและพ่อเด็กพร้อมให้อภัย ส่วนเรื่องคดีความปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย และขอให้ทุกคนมีสติในการใช้ชีวิต หากเห็นใครไม่ยืนเคารพธงชาติ เขาอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายผู้อื่น
ม็อบน.ร.นั่งชู 3 นิ้วจี้หยุดรุนแรง
ต่อมาที่สถานีรถไฟอยุธยา นักเรียนนักศึกษาและประชาชนกว่า 200 คน ชุมนุมปราศรัยไม่ใช้ความรุนแรงกับบุคคลที่คิดต่างด้วยความรุนแรง การขู่อาฆาต จากกรณีผู้หญิงทำร้ายนักเรียนไม่ยืนเคารพธงชาติ และเมื่อถึงเวลา 18.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมนั่งชู 3 นิ้วร้องเพลงชาติ เรียกร้องหยุดการใช้ความรุนแรงกับผู้เห็นต่าง
นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎรอยุธยา กล่าวว่าการใช้ความรุนแรงกับบุคคลที่มีความคิดเห็นต่างไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทยไม่ว่าเป็นใครก็ตาม หรือจะเห็นต่างจากฝ่ายไหน บรรทัดฐานที่สร้างความเกลียดชัง กระทำความรุนแรงกับผู้เห็นต่าง ต้องไม่เกิดขึ้นในสังคมประชาธิปไตย จึงต้องมาแสดงจุดยืนต่อต้านความรุนแรง เคารพในสิทธิเสรีภาพของคนไทยทุกคน
‘เหลือง’ยังฮือชุมนุมหลายจว.
วันเดียวกัน ที่หน้าที่ว่าการอำเภอคลองท่อม จ.กระบี่ นายไมตรี บุญยัง ประธานชมรมคนรักในหลวง จ.กระบี่ พร้อมด้วย ผู้นำชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนกว่า 3,000 คน สวมใส่เสื้อเหลืองเดินรณรงค์ปกป้องสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไปตามถนนย่านการค้า อ.คลองท่อม เพื่อแสดงความจงรักภักดี
ส่วนที่ จ.กาฬสินธุ์ นายบุญชอบ ลีลานุช ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.นามน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชน 500 คน รวมตัวกันที่หน้าที่ว่าการอำเภอนามน สวมเสื้อสีเหลืองแสดงพลังปกป้องสถาบัน ร่วมกันกล่าวคำปฏิญาณ ร้องเพลงชาติไทย และเพลงสรรเสริญพระบารมี
ขณะที่ จ.ราชบุรี กลุ่มประชาชนกว่า 500 คน รวมตัวกันที่ลานพระราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมใจใส่เสื้อเหลือง ถือพระบรมฉายาลักษณ์ ธงชาติไทย ร่วมกันแสดงพลังปกป้องสถาบัน กล่าวถวายคำสัตย์ปฏิญาณ และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ผุดแสดงพลังที่วงเวียนใหญ่
เวลา 17.00 น. ที่วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ กลุ่มผู้ชุมนุมปกป้องสถาบัน นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี ใส่เสื้อเหลืองรวมตัวกันแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ผู้ชุมนุมจำนวนมากโบกธงชาติไทย ธงตราสัญลักษณ์ ก่อนร่วมกันร้องเพลงชาติในเวลา 18.00 น. และสลายการชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการชุมนุมเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมร้องเพลงชาติ มีชายสวมเสื้อเหลืองชื่อนายสุพจน์ สวมใส่เสื้อเหลือง และเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งเมื่อครั้งการชุมนุมปกป้องสถาบันที่หน้าศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ปรากฏตัวอยู่ในที่ชุมนุม ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมบางคนจำหน้าได้ จึงตะโกนด่าทอโห่ร้องขับไล่ เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาระงับเหตุการณ์ แล้วนำชายดังกล่าวออกจากพื้นที่ชุมนุมแล้วแยกชายคนนั้นกล่าวออกไป