รัฐบาลรอดหมด29คน
พท.ยัน‘วสาร’ไม่จัดฉาก
เมินร่วมกก.สมานฉันท์
ป้อมหนุน‘ตู่’อยู่ครบ4ปี

‘บิ๊กป้อม’ ยัน นายกฯ อยู่ยาวครบเทอม 4 ปี ‘บิ๊กตู่’ ย้ำเห็นด้วยแก้รธน. ไม่ขัดข้องเสนอตัดอำนาจส.ว.โหวตเลือกนายกฯ หนุนตั้งกรรมการสมานฉันท์ ‘ชวน’ โยนให้สถาบันพระปกเกล้าคิดรูปแบบ เพื่อไทยประกาศไม่ร่วมสังฆกรรม ชี้แค่เกมยื้อเวลา ยัน ‘วิสาร’ กรีดแขนกลางสภา ไม่ได้จัดฉาก อัด ‘ประยุทธ์’ หวงอำนาจ ไม่ยอม ลาออก ศาลรธน. ฟัน ‘กอล์ฟ-ธัญญ์วาริน’ จากพรรคก้าวไกล สิ้นสภาพส.ส.ปมถือหุ้นสื่อ เรียกคืนเงินเดือนรวม 2 ล้านบาท ส่วน 28 ส.ส.ฝ่ายค้าน-29 ส.ส.รัฐบาลรอด ‘ธนาธร-ปิยบุตร’ แถลงพร้อมสู้คดีอาญา คดีอนาคตใหม่กู้เงิน 191.2 ล้านบาท มติพปชร.ไม่ส่ง ผู้สมัคร อบจ.ในนามพรรค หวั่นผิดพ.ร.บ. เลือกตั้งท้องถิ่น

‘บิ๊กตู่’สบายใจแต่ไม่สบายกาย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ต.ค. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเลื่อนมาจากวันอังคารที่ 27 ต.ค. จากนั้นเวลา 12.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเนือยๆ เพียง 6 นาทีว่า “ไม่เหนื่อย ไม่เคยเหนื่อยอยู่แล้ว”

รถไฟไทย-จีน – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา)ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 28 ต.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่าสบายใจขึ้นหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำอีกครั้ง นายกฯ กล่าวว่า สบายใจ แต่ไม่สบายกายเพราะเจ็บหู

นายกฯ กล่าวว่า นักข่าวได้ดูถ่ายทอดสดการประชุมสภาหรือไม่ ถ้าดูก็อย่าถามตนมาก เพราะพูดไปหมดแล้ว ที่ผ่านมาพูดไปทุกครั้งรวมถึงในการประชุมสภาว่า ตนจำเป็นต้องนำพาประเทศต่อไปให้ผ่านพ้นวิกฤตในทุกเรื่อง โดยเฉพาะในช่วงนี้ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นครั้งนี้ คงไม่ใช่ตนและรัฐบาลฝ่ายเดียว ทุกคนต้องร่วมมือกัน หันหน้ามาเจรจาพูดคุยกันอย่างประนีประนอมและสันติวิธี จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทุกคนคือคนไทย จึงไม่เกลียดใครไม่ว่าใครจะว่าร้ายอะไร ตนก็รับฟังและอดทน เพราะเป็นนายกฯ ต้องอดทน จะโมโหมากไม่ได้และไม่โกรธง่าย พูดจาต้องไพเราะ

ไม่ขัดตัดอำนาจสว.โหวตนายกฯ

เมื่อถามถึงข้อเสนอใดบ้างจากที่ประชุมรัฐสภาที่รัฐตอบรับและจะดำเนินการเพื่อหาทางออกจากวิกฤต พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทางออกมีอยู่แล้ว ขอให้เจอทางออกที่ว่านั้น ซึ่งไม่มีปัญหาอะไรที่เราแก้ไม่ได้ ขอให้เชื่อมั่นและมั่นใจว่าเราจะต้องช่วยกันเลือกหนทางที่ดีที่สุดให้กับประเทศ ซึ่งไม่ใช่ตนคนเดียว แต่ทุกคนต้องร่วมมือกัน อย่างไรก็ตาม การประชุมทั้ง 2 วัน ต้องขอบคุณประธานรัฐสภา และสมาชิกทุกคนที่พูดจาอภิปรายโดยสงบเรียบร้อย แม้จะมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสภาไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องพิจารณาว่ามีความเหมาะสมอย่างไร ซึ่งสภาไทยไม่ควรเหมือนสภาต่างประเทศที่ทำกันในหลายอย่าง เป็นพฤติกรรมของต่างประเทศ

“เรื่องที่ผมสรุปได้จากการประชุม 2 วัน มีหลายอย่างที่ผมเห็นด้วย เรื่องที่สำคัญคือ ผมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหน้าที่ของสภา เมื่อเราเห็นชอบให้แก้ไข แต่หลายอย่างต้องผ่านหลายกระบวนการ รัฐสภาต้องทำตามรัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะยังมีผลบังคับใช้จนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญใหม่ ส่วนที่จะให้ส.ว.เลือกหรือไม่เลือกนายกฯ ก็แล้วแต่ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญตรงนี้ ถ้าจะไม่ให้เลือกผมก็ได้ ผมไม่ขัดข้อง ก็เป็นเรื่องการหารือในรัฐสภา” นายกฯ กล่าว

หนุนตั้งกก.หาทางออกวิกฤต

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเห็นด้วยในการเสนอตั้งคณะกรรมการ เพื่อศึกษาหาทางออกตามแนวทางที่เสนอในรัฐสภา ซึ่งเรื่องนี้ได้หารือในที่ประชุมครม.แล้ว โดยสภาจะเป็น ผู้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นมาจากหลายฝ่าย ทั้งในส่วนรัฐสภา ส.ส. ส.ว. กลุ่มต่างๆ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงกลุ่ม ผู้ชุมนุม ขอให้หารือกันโดยสงบ และหาข้อเท็จจริงออกมาให้ได้ โดยดูทั้งบริบทของการเมืองไทยที่ประกอบด้วยหลายฝ่าย ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าคณะกรรมการชุดนี้จะถูกครอบงำนั้น ตนมองว่าพูดเช่นนี้ไม่ได้ ต้องให้เกียรติสภาเพราะเป็นความเห็นของสภาและส.ส.เสนอขึ้นมา รวมถึงส.ว. ต่างคนต่างเคารพกัน ถ้าตั้งธงกันไว้แบบนี้ก็ไม่ชอบและไม่เชื่อใจกันหมด ดังนั้น ต้องเชื่อใจกัน ถ้าไม่เชื่อใจกันเลยก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ระบุนายกฯ จะอยู่ครบวาระ 4 ปี แสดงว่าไม่รับข้อเสนอของผู้ชุมนุมใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ทำไมผมต้องตอบอันนี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมเข้ามาด้วยอะไรก็ว่ากันไป จะออกด้วยอะไรก็ว่ากันมา เพราะไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานต่อไปในอนาคต เพราะรัฐบาลไม่ได้หยุดแค่รัฐบาลผม กระบวนการเลือกตั้งกระบวนการรัฐธรรมนูญต่างๆ มีอยู่แล้ว”

ป้อมยัน‘ตู่’อยู่ครบวาระ 4 ปี

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมครม. ถึงภาพรวมการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่ออภิปรายทั่วไปตามมาตรา 165 โดยไม่ลงมติว่า มีการเสนอให้ตั้งคณะกรรมการ ซึ่งจะนำไปคุยในที่ประชุมครม. วันนี้ เมื่อถามว่าคาดหวังหรือไม่ว่าผู้ชุมนุมจะเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย พลอ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่ทราบ แล้วแต่เขา

เมื่อถามว่าจะมีทางออกอย่างไรหากผู้ชุมนุมไม่มาร่วม พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็คิดเอา ว่าทางออกอยู่ตรงไหน ผมคิดไม่ออก ถ้าเขาไม่ร่วม ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่าเราจะทำให้ดีที่สุดเพื่อให้เกิดความปรองดอง”

ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯ ได้ปรึกษาเรื่องการไม่ลาออกก่อนหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ตอบ เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะทำภารกิจต่อจนครบวาระใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เมื่อคืนนายกฯ ตอบไปแล้ว และจะสู้จนกว่าทำไม่ได้ ส่วนภารกิจที่ยังทำไม่จบนั้น เยอะแยะไปหมด เพราะส.ส.เลือกเข้ามา ต้องทำหน้าที่ 4 ปี ต่อข้อถามว่ามีวาระ 4 ปีจะต้องทำให้ครบใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เป็นความคิดของนายกฯ ต้องไปถามดู

‘บิ๊กตู่’เตือนอย่าตกม้าตายเอง

รายงานข่าวแจ้งว่า ในที่ประชุมครม. บรรยากาศเป็นไปด้วยดี โดยพล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น บางช่วงได้พูดคุยกับครม.อย่างอารมณ์ดี โดยนายกฯ เชิญชวนครม.มาร่วมลอยกระทงพร้อมกล่าวหยอกเย้าว่า “มาลอยกระทง ลอยทุกข์ลอยโศก อย่าไปสาปแช่งใคร เดี๋ยวจะเข้าตัว ส่วนใครจะมาชุมนุมก็ชุมนุมไป แต่อย่าทำอะไรให้ผิดกฎหมาย”

รายงานข่าวแจ้งว่า นอกจากนั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ แจ้งถึงการเลือกตั้งอบจ. และขอให้ระวังเรื่องการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.หรือข้าราชการจะไปถ่ายรูปหรือหาเสียงได้หรือไม่นั้น ขอให้รอประกาศจากกกต.ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้สุ่มเสี่ยงถูกร้องเรียนได้ ทั้งนี้ นายกฯ ยังกำชับเรื่องการแสดงออกว่า ขอให้ระวังอย่าไปเป็นแถวหน้า จนตกม้าตายเอง ทั้งเรื่องการชุมนุมต่างๆ และในการเลือกตั้งท้องถิ่น

พปชร.ขอฝ่ายค้านร่วมวงเจรจา

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และรองหัวหน้า พปชร. ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า ผู้แทนทุกคนอยากทำเพื่อประเทศ ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล แต่อาจมองคนละมุม ถ้าปรับให้มีมองมุมเดียวกันได้จะทำให้ประเทศเจริญ ทุกอย่างจะสงบสุข

เมื่อถามว่าฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการชุดนี้เป็นการยื้อเวลา นายสุชาติกล่าวว่า อย่าคิดเดาโจทย์เดาคำตอบกันเอง ต้องยึดหลักตรรกะความเป็นจริง ต้องดูที่ความตั้งใจมากกว่า ซึ่งนายกฯ พูดตลอดว่าตั้งใจ เมื่อถามว่าการเปิดโต๊ะเจรจาจะได้ข้อยุติหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า ทุกประเทศทั่วโลกที่มีความขัดแย้งกันก็ต้องเปิดโต๊ะเจรจา ทุกอย่างต้องบริสุทธิ์ใจในการเจรจา

ชี้ปฏิรูปสถาบัน-แค่คิดก็ผิดแล้ว

เมื่อถามว่าคาดหวังว่าผู้ชุมนุมจะเข้าร่วมกับคณะกรรมการชุดนี้หรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เราอย่าปิดกั้นโอกาส หากเราเป็นผู้ชุมนุม ต้องมองว่าถ้าเป็นเวทีที่มีโอกาสเจรจา ก็ถ่ายทอดสดว่ามีความจริงใจเจรจากันหรือไม่ ถ้าทุกคนพูดด้วยตรรกะความเป็นจริง ประเทศจะเดินหน้าไปได้ ส่วนข้อเสนอปฏิรูปสถาบันจะนำมาไว้ในวงเจรจาหรือไม่นั้น นายสุชาติกล่าวว่า เรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญเราคุยได้หมด เรื่องไหนที่ผิดรัฐธรรมนูญมันคุยไม่ได้ ทุกคนต้องรักษากฎหมาย เรื่องการปฏิรูปสถาบันแค่คิดก็ไม่ถูกต้องแล้ว ไม่มีสิทธิ์ที่จะคิด เป็นเรื่องสุดโต่ง ตนเชื่อว่าคนไทยด้วยกันพูดคุยกันได้ เมื่อก่อนรุนแรงกว่านี้ยังไปกันได้

เมื่อถามว่าสบายใจหรือไม่ที่นายกฯ ประกาศจะไม่ลาออก นายสุชาติกล่าวว่า ภารกิจประเทศมากมายหลายเรื่อง นายกฯ พูดแล้วว่าหากออกไป สิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะไปต่ออย่างไร ถือเป็นดุลพินิจของนายกฯ

อู๊ดด้าหวังนศ.ร่วมเป็นกรรมการ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณ วิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ว่า ยังไม่ทราบว่าจะใช้ชื่ออะไร แต่ได้เสนอไปว่าคณะกรรรมการ 7 ฝ่ายจะมากหรือน้อยกว่านั้นก็ได้ ซึ่งถือเป็นคณะกรรมการที่ได้รับฉันทานุมัติจากที่ประชุมรัฐสภา 2 วันที่ผ่านมาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ และคิดว่าประธานรัฐสภาจะมอบให้คณะที่ปรึกษาหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปทำต้นเรื่อง เชื่อว่าจะใช้เวลาดำเนินการไม่นาน เมื่อถามว่าหากนักศึกษาไม่เข้าร่วมจะทำอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่อยากตีตนไปก่อน อยากให้มองในด้านบวกว่าทุกคนจะให้ความร่วมมือ

เมื่อถามว่าที่ประชุมครม.พูดถึงการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นาย จุรินทร์กล่าวว่า ครม.ไม่มีการพูดเรื่องนี้โดยตรง เพียงแต่พล.อ.ประยุทธ์ขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันอภิปรายในช่วง 2 วันที่ผ่านมา และหาก ตั้งคณะกรรมการขึ้นก็หยิบยกเรื่องการทำประชามติไปหารือได้ อะไรที่เห็นพ้องก็นำไปดำเนินการ แต่อะไรที่ยังเห็นต่างก็คุยกันต่อไปบนพื้นฐานความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง

โยนสถาบันพระปกเกล้าคิดรูปแบบ

ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวกรณีที่ประชุมร่วมรัฐสภาเห็นตรงกันให้สภาเป็นเจ้าภาพตั้งคณะทำงานศึกษาสร้างความปรองดอง หาทางออกร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า วันนี้ได้ประสานไปยังเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าแล้ว เพราะเป็นหน่วยงานที่มีผู้ทรงคุณวุฒิและมีหลักสูตรเรื่องนี้ เพื่อให้ศึกษารูปแบบหาทางออกร่วมกัน และออกแบบโครงสร้างของคณะทำงานควรเป็นอย่างไร เนื่องจากข้อเสนอจากรัฐสภายังไม่ชัดเจนว่าต้องการรูปแบบใด ดังนั้น ต้องหาว่าจุดประสงค์การตั้งคณะทำงานคืออะไร สามารถทำได้และมีผลมากน้อยเพียงใด ประกอบด้วยใครบ้าง จะเชิญตัวแทนผู้ร่วมชุมนุมเข้าร่วมด้วยหรือไม่ จึงจำเป็นต้องให้สถาบันพระปกเกล้าช่วยคิด

ปชป.แนะ‘บิ๊กตู่’เปิดใจกว้าง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธานส.ส.ปชป. กล่าวถึงการประชุมสมัยวิสามัญ 2 วันที่ผ่านมาว่า มีข้อเสนอแนะที่หลากหลายเพื่อหาทางออกให้บ้านเมือง นายกฯ ควรเปิดใจกว้างพิจารณาข้อเสนอต่างๆ ด้วยใจเป็นธรรม ยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ข้อเสนอใดที่นำไปปฏิบัติอย่างจริงจังและรวดเร็วได้ควรเร่งทำเพื่อให้เกิดผลอย่างแท้จริง และอาจช่วยคลี่คลายสถานการณ์ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้

พท.ลั่นไม่ร่วมกก.สมานฉันท์

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการ พท. กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ ตามที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอว่า พท.ไม่เข้าร่วม เรามองว่าไม่จำเป็น เป็นการซื้อเวลา ขณะนี้เหลือแค่การตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่จะเป็นทางออกให้กับประเทศ ยืนยันว่าสิ่งที่ต้องดำเนินการทันที คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกเพราะเป็นต้นตอของปัญหาทั้งมวล ตราบใดที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ลาออก ปัญหาต่างๆ จะไม่ได้รับการแก้ไข การชุมนุมก็ยังคงอยู่ 2.ปล่อยผู้ชุมนุมที่ถูกคุมขังโดยไม่มีเงื่อนไข

นายประเสริฐกล่าวต่อว่า 3.พรรคเห็นว่าการแก้ปัญหาให้พ้นจากวิกฤต ทุกฝ่ายต้องแสดงความจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จโดยเร็ว คือแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามญัตติที่เสนอไว้โดยไม่ต้องทำประชามติ ได้แก่ การยกเลิกอำนาจวุฒิสภาเลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 การยกเลิกอำนาจของวุฒิสภา ตามมาตรา 270 เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ และมาตรา 271 ยกเลิกมาตรา 279 ที่ทำให้ประกาศคำสั่งและการกระทำของ คสช.อยู่เหนือกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะเรื่องสิทธิเสรีภาพ และการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส่วนการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเพื่อร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ดำเนินการไปพร้อมกันได้และต้องกำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน

เหน็บ‘บิ๊กตู่’เห็นแก่ตัว

นายประเสริฐกล่าวว่า ส่วนที่พล.อ. ประยุทธ์ ระบุว่าไม่ลาออก เพราะไม่อยากตัดช่องน้อยแต่พอตัว เป็นการหวงอำนาจอย่างยิ่ง เห็นแก่ตัวมากกว่าเห็นแก่ประเทศชาติ ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่สนใจแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อถามว่าพรรคจะมีมาตรการกดดันให้นายกฯ ลาออกหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เป็นสิทธิของท่าน แต่การบริหารราชการแผ่นดินมีปัญหา ขั้นตอนต่อไป คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล

ยัน‘วิสาร’ไม่ได้จัดฉาก

นายประเสริฐกล่าวถึงนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย ใช้มีดกรีดแขนกลางสภาเมื่อวันที่ 27 ต.ค. เพื่อประท้วงเรียกร้องให้ นายกฯตระหนักถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมว่า พรรคได้สอบถามถึงเหตุผล แล้ว และเห็นว่านายวิสาร มีความจริงใจ มีอุดมการณ์แรงกล้า พยายามจะแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงความรู้สึกที่ไม่อยากให้ใครต้องสูญเสียอีก และขอให้เสียเลือดเป็นคนสุดท้าย เพราะเกรงว่าหากเหตุการณ์บานปลาย จนถึงขั้นสลายการชุมนุมและรุนแรงกว่านั้น จะนำไปสู่การสูญเสียเลือดเนื้อของคนไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบมาก่อนว่านายวิสารจะทำเช่นนี้ และเห็นว่าไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบ เพราะเกิดจากความเครียดเรื่องการชุมนุม อยากให้บ้านเมืองสงบและไม่ได้ทำให้ใครเสียหาย ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ รวมทั้งหัวหน้าพรรคด้วย

ส่วนที่นายกฯ ระบุกลางสภาว่าการกระทำของนายวิสารเหมือนเตรียมการไว้ก่อน เพื่อนำไปสู่เวทีโลกนั้น นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่จริง เป็นความเข้าใจผิดของนายกฯ ส่วนตัวยังเชื่อว่านายวิสาร ไม่ได้ต้องการสื่อสารถึงใครแต่ต้องการสื่อสารโดยตรงถึงนายกฯมากกว่า

วิปวุฒิรอ 3 ฝ่ายเคาะวันลงมติ

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว. ในฐานะโฆษกกมธ.วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงผลการประชุมวิปวุฒิสภาว่า ที่ประชุมมีมติส่งผู้แทน 6 คนเข้าร่วมประชุมกับประธานรัฐสภา ผู้แทนวิปรัฐบาล และผู้แทนวิปฝ่ายค้าน เพื่อกำหนดแนวทางบรรจุระเบียบวาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้เพิ่มเติม 6 ฉบับ และร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ประชาชนเข้าชื่อกันเสนอโดยการจัดการของกลุ่มไอลอว์ ส่วนจะเป็นวันใดนั้น ขณะนี้รอประธานรัฐสภานัดวัน

นายคำนูณกล่าวต่อว่า ประธานวุฒิย้ำว่าวุฒิสภาพร้อมให้ความร่วมมือเต็มที่ จึงพร้อมยกวันประชุมวุฒิสภาตามปกติวันที่ 3 พ.ย.นี้ให้ในกรณีที่ประชุม 3 ฝ่ายและประธานรัฐสภาเห็นควรให้พิจารณาลงมติ 6 ร่างที่อภิปรายจบไปแล้วก่อน แต่หากผลการหารือออกมาว่าจะรอร่างไอลอว์ ก็ให้ประธานรัฐสภากำหนดวันพิจารณา น่าจะเป็นช่วงครึ่งหลังของเดือนพ.ย. และอาจต้องเริ่มต้นพิจารณาหลักการของร่างไอลอว์ก่อน เพราะยังไม่ได้อภิปราย จากนั้นค่อยกำหนดวันลงมติพร้อมกันทั้ง 7 ร่างต่อไป

‘ธนาธร-ปิยบุตร’พร้อมสู้คดีอาญา

พร้อมสู้ – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล และน.ส.พรรณิการ์วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า แถลงพร้อมสู้คดีที่กกต.มีมติดำเนินคดีอาญา กรณีให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท ที่อาคารไทยซัมมิท ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ กทม. เมื่อวันที่ 28 ต.ค.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่อาคารไทยซัมมิท นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ วานิช ร่วมแถลงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ (กก.บห.) ทั้ง 16 คน จากการกู้เงิน 191.2 ล้านบาท

นายปิยบุตรกล่าวว่า แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร แต่ผูกพันเฉพาะผลคำวินิจฉัยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องผูกพันศาลอื่นด้วย โดยเฉพาะในกรณีนี้เป็นการดำเนินคดีอาญา จึงไม่ผูกพันศาลอาญา เพราะหากตีความว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญผูกพันศาลอาญา จะเกิดผลประหลาดทันที ศาลรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นศาลอาญาโดยปริยาย เพียงแต่ไม่ได้พิพากษาจำคุก ทั้งนี้ เราพร้อมสู้คดีอย่างเต็มที่ และเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย ภาพยนตร์ยุบพรรครอบนี้จะไม่จบแบบเดิม หากผู้กำกับภาพยนตร์ยุบพรรคจะเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ถือว่าคิดผิด เพราะจะเป็นไฟลามทุ่ง ซึ่ง 8 เดือนที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าไฟลามทุ่งจริงๆ

นายปิยบุตรกล่าวว่า ถ้าเราต้องการให้กระบวนการนิติสงครามหยุด ก็ต้องสู้ ซึ่งคดีอาญาต้องใช้เวลา ไม่สามารถรวบรัดตัดความได้ทันที กระบวนการเริ่มต้นที่ตำรวจ อัยการและไปศาลตามระบบปกติ ถ้าว่ากันตามข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรต้องกังวล แต่กังวลเรื่องกระบวนการนิติสงครามมากกว่า ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ นอกจากนี้ กระบวนการทำงานของกกต.มีความผิดปกติ ไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แม้ฝ่ายตนเป็นผู้ถูกดำเนินคดี ก็ยังไม่ได้ทราบถึงการดำเนินการของกกต.อย่างเป็นทางการ แต่กลับพบมติกกต.จากข่าวที่ปรากฏตามสื่อมวลชน

ฉะใช้กลไกสภาเพื่อถ่วงเวลา

นายปิยบุตรกล่าวถึงภาพรวมของการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญตลอด 2 วันที่ผ่านมาว่า ส.ว.และส.ส.รัฐบาลและรัฐมนตรี อภิปรายพยายามเชื่อมโยงทำให้การชุมนุมของเยาวชนถูกด้อยค่า และข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมทำไม่ได้ หรือบางข้อต้องใช้เวลา แต่ตนเห็นว่าการจะแก้ปัญหาทางการเมือง หากมีเจตจำนงจริงๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็ทำได้ เช่น การแก้รัฐธรรมนูญแบบ 3 วาระรวดเพื่อเอาส.ว.ออกไปก็ทำได้ หรือหากนายกฯ จะลาออกก็ทำได้ เพราะแคนดิเดตนายกฯ มีอยู่ แล้วเต็มสภา การที่นายกฯ บอกว่าไม่ได้รัฐธรรมนูญแต่คนอื่นร่างมา พูดแบบนี้คิดว่าประชาชนคนไทยกินแกลบหรืออย่างไร ดังนั้น การอภิปรายทั้ง 2 วันที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้แก้ปัญหา โดยเฉพาะการอภิปรายตอนท้ายของพล.อ.ประยุทธ์

นายปิยบุตรกล่าวว่า การจะตั้งคณะกรรมการ หากไม่เอาข้อเสนอของผู้ชุมนุมทั้ง 3 ข้อเข้าไปด้วย ก็ไม่เกิดประโยชน์ แบบนี้ประชาชนอาจสิ้นหวังกระบวนการทางสภา และทำให้ลงถนนอีกครั้ง ที่ผ่านมาใช้กลไกต่างๆ เพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น เพราะหากเรื่องใดอยากทำจริงๆ ก็ทำได้ทันที

ธนาธรลั่นคดีความหยุดเราไม่ได้

ด้านนายธนาธรกล่าวว่า พวกเราตั้งพรรคอนาคตใหม่ เพื่อทำพรรคแบบใหม่ที่มีคุณภาพ เพื่อดึงศรัทธาของประชาชนให้กลับมายังระบอบรัฐสภาอีกครั้ง และต้องการทำให้พรรคการเมืองโปร่งใส เราไม่ได้ขอนายทุนคนไหน จึงต้องกู้ เราพยายามทำเพื่อให้ทุกคนเห็นถึงความตั้งใจ เรายืนยันเจตนาที่ดี สร้างพรรคที่โปร่งใส ตรวจสอบได้และสมาชิกพรรคมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของ ขอบคุณประชาชนที่ยังคอยให้กำลังใจเราให้เดินหน้าและสู้ต่อไป

“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงเศษหินในรองเท้าของพวกเราเท่านั้น สิ่งนี้หยุดเราไม่ได้ เราจะเดินหน้าต่อ แม้เราจะมีอิสรภาพข้างนอกที่จำกัด แต่ยังมีคนกล้าหาญกว่าเราอีกมาก เช่น นายอานนท์ นำภา หรือ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ถ้าเรายอมแพ้แล้วจะมองหน้าคนเหล่านี้ได้อย่างไร คดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา จะหยุดเราไม่ได้ และจะไม่เป็นเงื่อนไขเจรจาเพื่อลดทอนข้อเรียกร้องของเรา เพราะเราต้องการสร้างประชาธิปไตยที่เท่าเทียมกันตามแนวทางของพรรคอนาคตใหม่และคณะก้าวหน้า” นายธนาธรกล่าว

เตือนรบ.อย่าปลุกความเกลียดชัง

นายธนาธรกล่าวถึงกรณีมีข้อกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการชุมนุมว่า การแสดงออกของเยาวชน เป็นการใช้สิทธิพลเมืองที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีข้อเสนอใดพูดถึงการล้มล้างสถาบัน แต่ปฏิรูปให้เหมาะกับยุคสมัยและสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย เราไม่เห็นการยอมรับปัญหาเหล่านี้ในสภา ถ้าไม่ยอมรับปัญหา มันจะแก้ไขได้อย่างไร ตนกังวลว่าแทนที่จะยอมรับแล้วหาทางออก ด้วยการพูดคุยอย่างสันติ แต่วิธีที่รัฐบาลเลือกคือการโหมกระพือความเกลียดชัง ใช้ข้ออ้างให้ผู้ชุมนุมกลายเป็นฝ่ายล้มล้างสถาบัน บังคับให้ประชาชนเลือกข้างซึ่งอันตรายมาก

“การชุมนุมที่ผ่านมา เส้นแบ่งของการเลือกข้างมันเบลอ แต่ครั้งนี้มีเส้นแบ่งชัดเจน ซึ่งอันตรายและไม่สมควรทำ เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่ถูกรัฐบาลหว่านไว้ กำลังเติบโตอย่างน่ากลัว เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่อยุธยาและมหาวิทยาลัยรามคำแหงหรือไม่ และ 2 วันในสภาโดยเฉพาะส.ว.อภิปรายด้วยความเกลียดชัง ผมคิดว่าเราควรสร้างสังคมแห่งความเข้าใจกัน แต่กลับไม่มีการฟังเสียงของอีกฝ่ายด้วยความห่วงใยหรือฟังอย่างมีวุฒิภาวะ หากไม่หยุดความเกลียดชังนี้ จะทำให้ความรุนแรงต่อผู้มีความเห็นต่างมีความชอบธรรม บ้านเมืองเรายังพอมีทางออก อย่าปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังให้กับคน รุ่นต่อไป” นายธนาธรกล่าว

29 ส.ส.รัฐบาลรอดคดีถือหุ้นสื่อ

เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.จำนวน 32 คนของฝ่ายรัฐบาล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อหรือไม่

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า สมาชิกภาพส.ส.ของผู้ถูกร้องทั้ง 29 คน ไม่สิ้นสุดลงตามมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากไม่ได้ถือหุ้นหรือประกอบกิจการ ในธุรกิจสื่อ ส่วน 3 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เนื่องจากต้อง คำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาให้จำคุก ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และนายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ศาลจึงจำหน่ายคำร้อง

ฟัน‘ธัญญ์วาริน’พ้นสภาพ

ต่อมาเวลา 16.00 น. องค์คณะตุลาการฯ นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในส่วนของ 32 ส.ส.ฝ่ายค้าน ในจำนวนนี้ ศาลชี้ว่า นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ หรือ ลูกกอล์ฟ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถือหุ้นในบริษัทประกอบกิจการสื่อได้แก่ บริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น บริษัท เฮดอัพ โปรดักชั่น ซึ่งเป็นธุรกิจโฆษณา ผลิตภาพยนตร์ โทรทัศน์ ซึ่งขัดรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งสังกัดพรรคอนาคตใหม่ แม้โอนหุ้นแล้ว ยังพบข้อพิรุธข้อสงสัย ไม่ได้มีการโอนหุ้นก่อนวันรับสมัครเลือกตั้ง อีกทั้งผู้ถูกกล่าวว่ายังไม่ได้เข้ามาแก้ข้อกล่าวหาต่อศาล จึงเชื่อได้ว่ามีการถือครองหุ้นสื่อก่อนวันรับสมัครเลือกตั้งจริง จึงให้พ้นสภาพส.ส.

ขณะที่ศาลสั่งจำหน่ายคดี 3 รายคือ พล.ท.พงศกร รอดชมภู นายสุรชัย ศรีสารคาม และ นายชำนาญ จันทร์เรือง เนื่องจากพ้นสมาชิกภาพส.ส.ไปแล้ว ส่วนอีก 28 ส.ส.ฝ่ายค้านศาลยกคำร้องเนื่องจากไม่ได้ประกอบกิจการธุรกิจสื่อมวลชน และหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด

เรียกเงินเดือนคืน 2 ล้าน

ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุด้วยว่า สมาชิกภาพส.ส.ของนายธัญญ์วาริน สิ้นสุดลง ทำให้ส.ส.บัญชีรายชื่อว่างลง ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 76 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้มีผลในวันที่อ่านคือวันที่ 28 ต.ค. และศาลโดยเสียงข้างมากเห็นว่ามีคำวินิจฉัยที่ 5 เมื่อวันที่ 21 ก.พ.63 ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ จึงไม่มีรายชื่อสมาชิกในลำดับถัดไป เป็นกรณีมีเหตุให้ส.ส.บัญชีรายชื่อว่างลง

มีรายงานว่า กรณีตัดสิทธิ์ นายธัญญ์วาริน ไม่มีการเลื่อนลำดับถัดไป เหตุพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบทำให้พรรคก้าวไกล เหลือส.ส.เท่าที่มีอยู่ในสภา นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ ยังเรียกคืนเงินเดือนส.ส.จากนายธัญญ์วาริน รวมประมาณ 2 ล้านบาท

ก้าวไกลแถลงผิดหวังคำตัดสิน

เมื่อเวลา 20.00 น. ที่พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยส.ส.พรรค แถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนายธัญญ์วารินพ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ปมถือหุ้นสื่อ โดยนายพิธากล่าวว่า ถึงแม้พวกเราจะผิดหวังกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่เกินความคาดหมาย เพราะที่ผ่านมากรณีปมหุ้นสื่อ เคยมีกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โดนตัดสิทธิกรณีหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย ล่าสุดคือนายธัญญ์วาริน อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคก้าวไกล รวมทั้งตนในหัวหน้าพรรค จะนำอุดมการณ์ของนายธัญญ์วารินทร์ ที่สร้างขึ้นมาเดินหน้าต่อไป

นายชัยธวัชกล่าวว่า การที่กฎหมายระบุลักษณะต้องห้ามเรื่องถือหุ้นสื่อ เพื่อไม่ให้ใช้สื่อเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง แต่กรณีนายธัญญ์วาริน เป็นการรับจ้างผลิต ประสานงาน ผลิตภาพยนตร์ ซึ่งไม่มีผลใช้ในเชิงแทรกแซงหรือมีผลทางการเมือง ด้วยเหตุนี้อยากชวนทั้งสังคมตั้งคำถามถึงความบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญ และองคาพยพแบบที่เป็นอยู่

ด้านนายธัญญ์วารินกล่าวว่า แม้จะไม่ได้เป็นส.ส.แล้ว แต่จะทำเหมือนเดิมในสิ่งที่คิดและสิ่งที่เชื่อเพื่อต่อสู้ในประเด็นเพื่อสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ เพราะนั่นคือการทำในสิ่งที่ถูกต้องและตนไม่ได้ยึดติดตำแหน่ง ฝากถึงทุกคนที่เชื่อในอุดมการณ์เดียวกันว่าไม่ได้ไปไหนและจะขอเป็นผู้แทนประชาชนตลอดชีวิต

ฝ่ายค้านยันไม่กระทบงานสภา

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า คำวินิจฉัยที่ทำให้ ส.ส.พรรคฝ่ายค้านหายไป 1 เสียงคงไม่ส่งผลต่อการทำงานในสภา เพราะตอนนี้พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลคะแนนเสียงค่อนข้างห่างกัน ฉะนั้นจะมากขึ้นอีกคนหรือน้อยลงอีกคน ก็ไม่มีความหมาย

พปชร.ไม่ส่งผู้สมัครสนามอบจ.

เมื่อเวลา 19.00 น. น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. และโฆษก พปชร. เปิดเผยหลังการประชุมกก.บห. ที่มีพล.อ.ประวิตร เป็นประธาน พิจารณาเรื่องการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และนายก อบจ. ว่า พรรคมีมติไม่ส่งผู้สมัคร นายกอบจ. และสมาชิก อบจ.ในนามของพรรค เว้นแต่มีเหตุจำเป็น จึงจะนำมาพิจารณาในแต่ละจังหวัดอีกครั้ง เนื่องจากตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิก ท้องถิ่น มาตรา 34 อาจทำให้มีข้อจำกัดในการส่งผู้สมัครท้องถิ่นในนามพรรคได้ และอาจถูกร้องเรียนได้ เพราะห้ามข้าราชการการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ ยุ่งเกี่ยวกับสนามท้องถิ่น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน