พ่อค้าขายเนื้อ
แม่ค้าลอตเตอรี่
เสี่ยงลุกลามอีก

กทม.วุ่นอีก พบตลาดสดย่านสะพานสูงติดเชื้อโควิด 2 ราย พ่อค้าเนื้อวัย 39 ปี เผยมีประวัติไปรับเนื้อในปทุมธานีมาขาย อีกรายแม่ค้าขายลอตเตอรี่วัย 57 ปี สอบสวนโรคพบคนในบ้าน ติดเชื้อ 4 คน มีทั้งลูก พี่สาว แม่ และเหลน 4 ขวบเรียนชั้นอนุบาล ส่วนที่กาฬสินธุ์ไข่แตก สาวห้างติดเชื้อ เผยเดินทางมากรุงเทพฯ เยี่ยมเพื่อนเป็นแม่ค้าย่านตลาดบางแค หลังกลับกาฬสินธุ์ 2 วันตรวจพบเชื้อ ศบค.เผยไทย ติดเชื้อลดลง ล่าสุดแค่ 39 กทม.เยอะสุด 15 ขณะที่ผู้ว่าฯมหาชัยอาการดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ‘บิ๊กตู่’สั่งเร่งฉีดวัคซีนให้น.ศ.ที่จะเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศ

ไทยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 39 ราย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า สถานการณ์ทั่วโลกติดเชื้อ 127.7 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.85 แสนราย เสียชีวิต 2.79 ล้านราย เพิ่มขึ้น 6,789 ราย ส่วนประเทศเพื่อนบ้านต้องติดตาม กัมพูชามีติดเชื้อ 86 ราย และ มีรายงานเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์อังกฤษ และมีรายงานเสียชีวิต 2 ราย

สำหรับประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 28 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ไม่มีเสียชีวิต รักษาหายเพิ่ม 74 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 28,773 ราย รักษาหายแล้ว 27,313 ราย เหลือรักษาอยู่ 1,366 ราย เสียชีวิตสะสม 94 ราย ส่วนการระบาดระลอกใหม่ติดเชื้อสะสม 24,536 ราย หายป่วย 23,136 ราย และเสียชีวิต สะสม 34 ราย

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็น 1.ระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 16 ราย ได้แก่ กทม. 9 ราย, สมุทรสาคร 5 ราย, กาฬสินธุ์ 1 ราย ซึ่งไม่เคยติดเชื้อมาตลอด โดยเชื่อมโยงมาจากคลัสเตอร์บางแค และมหาสารคาม 1 ราย 2.ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 12 ราย ได้แก่ กทม. 6 ราย, สมุทรสาคร 5 ราย และราชบุรี 1 ราย และ 3.มาจากต่างประเทศ 11 ราย ได้แก่ อินเดีย 3 ราย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย, เยอรมนี, รัสเซีย, ยูเครน, กานา, ไอวอรีโคสต์ และอียิปต์ ประเทศละ 1 ราย

ภาพรวมวันนี้ติดเชื้อภายในประเทศ 5 จังหวัด ได้แก่ กทม. 15 ราย, สมุทรสาคร 10 ราย, ราชบุรี 1 ราย, มหาสารคาม 1 ราย และกาฬสินธุ์ 1 ราย ไข่แตกเป็นครั้งแรก แผนที่ประเทศไทยทำให้สัปดาห์นี้ 2 วันมีการติดเชื้อ 8 จังหวัด โดยจังหวัดที่ไม่เคยพบผู้ติดเชื้อเหลือ 10 จังหวัด ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กนำเคสกาฬสินธุ์มาหารือ เราเห็นปรากฏการณ์สะเก็ดไฟ การติดเชื้อกลุ่มก้อนพื้นที่หนึ่ง และเดินทางข้ามพื้นที่ ทำให้เกิดการติดเชื้อ ในพื้นที่ไม่มีติดเชื้อมาก่อน

กาฬสินธุ์ไข่แตก-สาวห้างติดโควิด

“อย่างกาฬสินธุ์รายแรกคือหญิงไทย อายุ 35 ปี อาชีพพนักงานขายในห้างสรรพสินค้า มีประวัติวันที่ 22 มี.ค. เดินทางมากทม.เพื่อเยี่ยมเพื่อน ซึ่งเพื่อนมีประวัติค้าขายในตลาดย่านบางแค วันที่ 24 มี.ค. กลับบ้านกาฬสินธุ์ โดยสารสายการบิน Thai Viet Jet ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จากนั้นต่อรถตู้จากขอนแก่นลงกาฬสินธุ์ มีการขับรถส่วนตัว ไปตลาด วันที่ 25 มี.ค. เริ่มมีไข้ ไอน้ำมูก ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย วันที่ 26 มี.ค. ได้รับรายงานว่าเพื่อนที่ไปพบที่กทม.ผลโควิดเป็นบวก เกิดการตื่นตัวว่ามีประวัติไปพื้นที่เสี่ยงใน 14 วัน สัมผัสผู้ป่วยยืนยันจึงรีบไปตรวจโรงพยาบาล วันที่ 27 มี.ค. ยืนยันผลเป็นบวก” พญ.อภิสมัยกล่าว

พญ.อภิสมัยกล่าวอีกว่า อย่างเคสเสียชีวิตก่อนหน้านี้ 27 มี.ค. เสียชีวิตมาจากกทม. หญิง 75 ปี ไม่มีประวัติเดินทาง เป็นผู้ป่วยติดเตียง มีแผลกดทับระดับ 4 แต่คนในบ้านสบายดี เดินทางไปมา ทำมาหากินปกติ สมาชิกในครอบครัวท่านนี้เป็นผู้ป่วยยืนยัน 4 ราย มีการสัมผัสทำให้ผู้สูงอายุในบ้านติดเชื้อและเกิดการรุนแรงเสียชีวิต วันที่ 27 มี.ค. ศบค.ชุดเล็ก จึงคุยกันเป็นห่วงสงกรานต์ที่จะมีการเดินทางข้ามพื้นที่ จึงหยิบสถานการณ์เหล่านี้มาเรียนรู้

บางแคติดโควิดแล้ว 318

พญ.อภิสมัยกล่าวด้วยว่า กทม.นำเสนอข้อมูลในการประชุมศบค.ชุดเล็ก พบว่า ลักษณะ การติดเชื้อสูงสุด คือกลุ่มของสถานกักตัวของสตม. คลัสเตอร์ตลาดย่านบางแค ส่วนที่น่ากังวลคือกลุ่มสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยทำงานกลับบ้านไปติดผู้สูงอายุ เด็กเล็กในบ้าน

ทั้งนี้ กทม.มีการคัดกรองเชิงรุก 106,741 ราย พบติดเชื้อ 597 ราย อัตราติดเชื้อ 0.95% มีเสียชีวิต 8 ราย กำลังรักษา 422 ราย หายป่วย 1,703 ราย การติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่โซนตะวันตก เป็นหลัก โดยเขตบางแคสูงสุด 318 ราย หนองแขม 63 ราย ภาษีเจริญ 54 ราย ตลิ่งชัน 14 ทวีวัฒนา บางบอน เขตละ 7 ราย บางขุนเทียน 4 ราย ธนบุรี 3 ราย ที่เหลือเป็นเขตอื่นๆ เขตละ 1 ราย

พบตลาดสดสะพานสูงติดเชื้อ

พญ.อภิสมัยกล่าวว่า บทเรียนตลาดและชุมชนที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้ แม้จะมีการเรียนรู้ แต่ก็ยังพบการติดเชื้อแบบเดิม อย่างคลัสเตอร์ตลาดบางแค พบติดเชื้อในตลาด ชุมชน รอบข้าง ยังกระจายไปถึง 11 จังหวัด ขณะนี้มีรายงานติดเชื้อที่ตลาดสดอีกแห่งย่านสะพานสูง โดยผู้ติดเชื้อรายงานรายแรก เป็นพ่อค้าเนื้ออายุ 39 ปี บ้านอยู่คลองสามวา มีประวัติรับเนื้อจากปทุมธานี มาขายตลาดเขตสะพานสูง วันที่ 11 มี.ค. เริ่มมีอาการ วันที่ 18 มี.ค. ตรวจพบเชื้อ โดยพบนำไปติดภรรยาที่บ้านอายุ 37 ปี เป็นแม่ค้าขายเนื้อในเขตสะพานสูง ภรรยาไม่มีอาการ มีผลยืนยันติดเชื้อไปแล้ว วันที่ 27 มี.ค. กทม.ลงพื้นที่มีผู้สัมผัสเสี่ยงในบ้านร่วมกัน 7 ราย แต่ตรวจไม่พบเชื้อ รอผลสอบสวนโรคนำมารายงานต่อไป

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวต่อว่า อีกรายติดเชื้อ ในตลาดสะพานสูง เป็นหญิงอายุ 57 ปี ค้าขายลอตเตอรี่อยู่ใกล้เคียงตลาดที่พบผู้ป่วยรายแรก วันที่ 17 มี.ค. มีอาการ วันที่ 22 มี.ค. ตรวจพบเชื้อ พฤติกรรมใกล้เคียงกันกับรายแรก คือไปค้าขายปกติ ไม่พบมีอาการ ทำให้ติดคนที่บ้าน 4 ราย ได้แก่ ลูกอายุ 35 ปี ขายลอตเตอรี่ พี่สาวอายุ 72 ปี ขายลอตเตอรี่ตลาดร่มเกล้า แม่อายุ 89 ปี ติดเชื้อยืนยันวันที่ 23 มี.ค. และเหลนอายุ 4 ขวบ เรียนอนุบาล ยืนยันเป็น ผู้ป่วยติดเชื้อวันที่ 23 มี.ค.

“อยากให้เห็นว่าเรามีรายงานคลัสเตอร์ตลาดสรุปเป็นมาตรการเรียนรู้ตลอด แต่ยังเห็น ลักษณะพฤติกรรมใกล้เคียงกัน หลายครั้งชุมชนดูข่าวไม่ได้ตื่นตัวดูพื้นที่ท่านเอง คนในตลาดติดเชื้อ นำกลับไปที่บ้านสัมผัสสูงอายุ อาจมีโรคประจำตัว เด็กเล็กทำให้ติดเชื้อและกลายเป็นความเสี่ยง บางรายถึงขั้นเสียชีวิต เทศบาลต้องเป็นหูเป็นตา ปรากฏการณ์สะเก็ดไฟ จากการติดเชื้อพื้นที่หนึ่งไปพื้นที่อื่น มุกดาหาร ยโสธร หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ เป็นการข้ามพื้นที่ติดแพร่เชื้อกระจายครอบครัวผู้ใกล้ชิด ขอความร่วมมือไปตลาดใช้ชีวิตในตลาดได้ แต่ต้องเว้นระยะห่าง สวมแมสก์ ล้างมือ ยังการ์ดตกไม่ได้” พญ.อภิสมัยกล่าว

เร่งหารือรับมือเปิดประเทศ

“ทางศบค. ชุดเล็กหารือกันในวันนี้ร่วมกับสภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรม ได้นำเรื่องการกระจายวัคซีนในภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรมนำเสนอศบค.ชุดเล็กในวันเดียวกันนี้ด้วย ตลอดสัปดาห์นี้จะมีการหารือทั้งกับสภาหอการค้าไทยและสภาอุตสาหกรรม ด้วยว่าในกรณีของประชาชนผู้เสี่ยงสัมผัสและอยู่ในภาคเอกชน หรือภาคธุรกิจ หรือผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางเข้าออกต่างประเทศ จะต้องมีการกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงอย่างไร รวมกับในส่วนที่ศบค.หารือในสัปดาห์นี้ ซึ่งเราคงต้องติดตามกันรวมถึงมาตรการการผ่อนคลายที่ในสัปดาห์นี้จะหารือกับทุกภาคส่วน ทุกกระทรวง เช่นกระทรวงศึกษาธิการที่จะต้องมีมาตรการควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 ที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษาทั้งภาครัฐและ ภาคเอกชน, กระทรวงคมนาคมที่จะต้องนำมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ไปหารือกับทางสถานีขนส่ง ระบบตรวจส่งสาธารณะ และท่าอากาศยาน, กระทรวงแรงงานที่จะต้องมีมาตรการดูแลแรงงานต่างด้าว แรงงานตามฤดูกาล, กระทรวงพาณิชย์ ที่จะต้องดูแลเรื่องการค้าแนวชายแดน, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, กระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา ซึ่งจะหารือ ศบค. ชุดเล็กในสัปดาห์นี้ เพื่อหามาตรการการจัดกิจกรรมทางศาสนา การเดินทางข้ามอีกที การสนับสนุนกิจกรรมการท่องเที่ยว การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมต่างๆ จะมีมาตรการออกมารองรับอย่างไรเพื่อให้เราสามารถเตรียมเปิดประเทศได้อย่างเต็ม รูปแบบตามที่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำไว้ว่า ทุกกระทรวง ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนจะต้องนำเสนอมาตรการที่เป็นไปตามการผ่อนคลาย 3 เฟส ที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงอยากให้ติดตามกันภายในสัปดาห์นี้”

เปิดไทม์ไลน์สาวกาฬสินธุ์

วันเดียวกัน ที่ศูนย์อำนวยการต้านโรค ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ ชั้น 2 นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ นพ.ประมวล ไทยงามศิลป์ ผอ.ร.พ.กาฬสินธุ์ นพ.พรพัฒน์ ภูนากลม รองนายแพทย์สาธารณสุขจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยคณะกรรมการโรคติดต่อจ.กาฬสินธุ์ ร่วมกันแถลงข่าวพบ ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด 1 ราย เป็นหญิงอายุ 35 ปี และรักษาตัวที่ร.พ.กาฬสินธุ์

นายทรงพลกล่าวว่า ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 1 ราย เป็นหญิงอายุ 35 ปี เป็นพนักงานขาย ทำงานในเคาน์เตอร์โบรกเกอร์ประกันภัย ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งสาขากาฬสินธุ์ มีภูมิลำเนาอยู่ในอ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ก่อนหน้านี้เป็นผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค เนื่องจากมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 จากพื้นที่ตลาดบางแค กรุงเทพฯ และล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ผลการตรวจยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เป็นการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ในรอบเกือบ 1 ปี หลังจากพบผู้ติดเชื้อในการระบาดรอบแรกรายล่าสุดเมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2563

จากการสอบสวนโรคของเจ้าหน้าที่และตรวจสอบไทม์ไลน์ พบว่า เมื่อวันที่ 22-23 มี.ค. เดินทางไปหาเพื่อนที่ประกอบอาชีพค้าขายในตลาดย่านบางแค กรุงเทพฯ และพักอาศัยที่ห้องพักร่วมกับเพื่อน จากนั้นช่วงเวลา 11.00-13.00 น.วันที่ 24 มี.ค. เดินทางกลับมายัง จ.กาฬสินธุ์ โดยเครื่องบิน ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิมาถึงลงสนามบินขอนแก่น ก่อนเดินทางรถตู้โดยสารจากบขส.ขอนแก่น มายังถึงบขส.กาฬสินธุ์ และเดินทางต่อไปยังบ้านพักในต.นาเชือก อ.ยางตลาด โดยรถยนต์ส่วนตัวและเป็นคนขับเอง ต่อมาช่วงเวลา 10.00-19.00 น. วันที่ 25-26 มี.ค. เดินทางไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งทำงานที่เคาน์เตอร์ ประกันภัยตามปกติ โดยวัดไข้ก่อนทำงานไม่มีไข้ ขณะทำงานสวมหน้ากากตลอดเวลา กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 26 มี.ค. เพื่อนซึ่งทำงานที่ตลาดบางแค ซึ่งไม่มีอาการป่วย เข้าคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่ร.พ.ผู้สูงอายุบางขุนเทียน ผลการตรวจพบเชื้อโควิด-19 จึงโทร.มาแจ้ง และผู้ป่วยเริ่มป่วยมีอาการปวดเมื่อยตัว ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก

เมื่อวันที่ 27 มี.ค.เข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์-ธนบุรี แจ้งประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับเพื่อนตรวจพบโควิด และเดินทางกลับจากกรุงเทพฯในช่วง 14 วันป่วย แพทย์จึงส่งต่อมารับการตรวจเชื้อที่ร.พ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 และ เข้ารักษาในแผนกห้องแยกโรคความดันลบ ร.พ.กาฬสินธุ์ มีอาการปวดเมื่อยตัว ปวดศีรษะ ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก

นายทรงพลกล่าวอีกว่า สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับหญิงวัย 35 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมี 6 ราย เป็นน้องสาวและหลาน 2 ราย ปู่และย่า 2 ราย เพื่อนร่วมงาน 2 ราย เจ้าหน้าที่ตรวจหาเชื้อทั้งหมดแล้ว ผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งได้รับการกักตัวที่บ้าน 14 วัน ทั้งนี้เพื่อความมั่นใจ เจ้าหน้าที่จะตรวจซ้ำรอบที่ 2 ในวันที่ 31 มี.ค. อีกรอบ ส่วนกลุ่มผู้เสี่ยงต่ำที่โดยสารในเครื่องบิน คนขับรถแท็กซี่ และเพื่อนบ้านใกล้เคียงนั้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังป้องกันแล้ว

‘ตู่’สั่งฉีดวัคซีนนศ.ไปเรียนตปท.

วันเดียวกัน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จัทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ แต่ยังไม่สามารถกลับไปเรียนต่อได้ เช่น นักศึกษาไทยในประเทศจีน ที่คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 คน จึงสั่งการ ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงสาธารณสุขทำงานร่วมกันเพื่อดูแลในเรื่องการจัดการฉีดวัคซีนแก่นักศึกษาทุกคน

“ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่าได้จัดเตรียมวัคซีนและสถานที่ที่สถาบันบำราศนราดูร เพื่อดำเนินการฉีดวัคซีนไว้แล้ว เหลือเพียงการรวบรวมและจัดระบบข้อมูล และกระบวนการอำนวยความสะดวกแก่นักศึกษา ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่ ขอให้นักศึกษาสบายใจ และรัฐบาลจะแจ้งให้ทราบถึงวันที่ให้เริ่มไปรับการฉีดวัคซีน ที่จะมีให้เร็วๆ นี้”

‘อนุทิน’เข้มโควิดพม่าหนีเข้าไทย

วันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมรับมือ โรคโควิด-19 จากการที่ชาวพม่าอพยพเข้ามาในประเทศไทย จากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศพม่า นั้นว่า จากการหารือกับแม่ทัพภาคที่ 3 ท่านให้ข้อมูลว่าพยายามตรึงพื้นที่ชายแดนอย่างเต็มที่ โดยทำตามหลักมนุษยธรรม ให้ที่พักพิงตามแนวชายแดน แต่ไม่ได้ให้เข้ามาในประเทศ ส่วน สธ.ก็แจ้งว่า ถ้าต้องการรับการสนับสนุน การตรวจการดูแลตามหลักมนุษยธรรมเราก็มีความพร้อม โดยเรามีรถตรวจเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ถ้าจำเป็นก็จะเคลื่อนย้ายอุปกรณ์เหล่านี้ไป เท่าที่ทราบคือฝ่ายความมั่นคงคงไม่ให้มีการเข้าประเทศง่ายๆ ถามว่าลักลอบเข้าได้ไหม แม่ทัพภาคที่ 3 ก็บอกว่ายาก เพราะทางฝ่ายความมั่นคงก็เฝ้าระวังแนวชายแดนอย่างเต็มที่

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องวัคซีน โควิดมีการจัดเพิ่มแน่นอนสำหรับบุคลากร เนื่องจากเราต้องให้ความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่ ทำงาน วัคซีนเรายังพอหมุนได้ ซึ่งสัปดาห์นี้วัคซีนซิโนแวค 8 แสนโดส ก็จะกระจายได้ และเม.ย. จะมีอีก 1 ล้านโดส เราบริหารจัดการโดยคิดถึงความปลอดภัยและมาตรฐาน เพื่อรอวัคซีนของแอสตราเซเนกา ซึ่งจะเริ่มกระจายได้คงเป็นช่วงต้นมิ.ย.

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการประชุม ศบค.สธ. โดยมีนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. เป็นประธานที่ประชุม ได้สั่งการให้โรงพยาบาลตามแนวชายแดน 10 จังหวัดเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์การอพยพของคนพม่า เข้ามายังประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์การเมืองภายในประเทศพม่า ขณะนี้ร.พ.ในสังกัด สธ.เตรียมความพร้อมแล้ว และมีการปรับแผนการกระจายวัคซีน โดยจะจัดส่งวัคซีน ลงไปเพื่อฉีดให้กับผู้ปฏิบัติงานด่านหน้าตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในส่วนของทหาร ตำรวจ เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่อยู่ใกล้ชิด กับประชากรพม่ามากที่สุด โดยประสานไปยัง ฝ่ายทหารให้แจ้งจำนวนผู้ปฏิบัติงานมา สธ. เพื่อจัดส่งวัคซีนลงไปฉีดในภาวะเร่งด่วนอย่างพอเพียง โดยมีร.พ.ทหารเป็นผู้ดำเนินการฉีดให้

“ทั้งนี้ วันที่ 30 มี.ค. สธ.จะมีรับมอบวัคซีน ซิโนแวค 8 แสนโดสจากองค์การเภสัชกรรม และจะเร่งกระจายไปตามพื้นที่เป้าหมาย ที่กำหนดรวมถึงพื้นที่ชายแดน ไม่ต้องกังวลว่าวัคซีนจะไม่เพียงพอ เนื่องจากวัคซีนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ สธ.ได้กันส่วนหนึ่งเอาไว้ใช้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ขอประชาชนอย่ากังวล ประชากรพม่าที่เข้ามาเราให้การดูแลตามหลักมนุษยธรรม โดยให้อยู่ตามบริเวณจังหวัดชายแดนเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เข้ามาพื้นที่อื่นของประเทศ”

ผู้ว่าฯมหาชัยฟื้นตัวก้าวกระโดด

รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหัวหน้าแพทย์ ผู้ทำการรักษา นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯสมุทรสาคร เปิดเผยอาการล่าสุดหลังจาก แพทย์อนุญาตให้ผู้ว่าฯกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ผู้ว่าฯ ฟื้นตัวดีแบบก้าวกระโดด เมื่อวานยังส่งมา บอกว่าได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ท้องถิ่นที่จังหวัดสมุทรสาครด้วย

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวผู้ว่าฯ สามารถเดินขึ้น ลงบันไดได้โดยไม่ต้องมีใครพยุง สิ่งที่ต้องระวัง คือไม่ให้กระบวนการฟื้นฟูถูกรบกวนจากการทำงานหรือบุคคลที่จะมาเข้าเยี่ยม ซึ่งหลังสงกรานต์ คาดว่าผู้ว่าฯอาจจะกลับไปทำงานได้เต็มที่แล้ว ที่จ.สมุทรสาคร เพื่อลดการเดินทาง แต่การลงพื้นที่อาจจะยังไม่ได้เต็มที่มากนัก เช่น เดินตรวจงานหลายๆ ชั่วโมง แต่สามารถใช้สมองขั้นสูงเชิงบริหารในการทำงานได้ตาม ปกติ

“การฟื้นตัวเมื่อเทียบกับสภาพโรคขณะที่ป่วยถือว่ามีการฟื้นฟูร่างกายอย่างก้าวกระโดด เกินกว่าที่เราคาด ปัจจัยสำคัญของการฟื้นตัวมาจากความมุ่งมั่นของท่านผู้ว่าฯ กำลังหนุนจากครอบครัว คนรอบข้าง และปัจจัยที่ทำให้ผ่าน วิกฤตมาได้ เพราะต้นทุนสุขภาพเดิมของท่าน และการรักษาที่ทันท่วงที” รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน