แม่ชาวอ่างทองร้องขอความเป็นธรรมให้ลูกชาย วัย 10 ขวบ นักเรียนชั้นป.5 ถูกครูประจำชั้นเข้าใจผิดว่าทำการบ้านส่งไม่ครบใช้ไม้ตีมือจนบวม หมอเอกซเรย์แล้วยังไม่ชัดรอดูอาการอีก 5 วัน อาจหนักถึงกระดูกหัก หลังเกิดเหตุบุกร้องผอ.โรงเรียน ครูก็มาขอโทษคิดว่าจบแล้ว ทั้งที่ไม่ได้เรียกร้องค่าเสียหาย แต่กลับไปสั่งเพื่อนร่วมชั้น บูลลี่ลูกอีก เลยจี้ให้ออกมารับผิดชอบก่อน จะลุยเอาผิดตามกฎหมาย
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นางโซเฟีย ตะโนรี อายุ 40 ปี ชาว ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ ด.ช.เอ (นามสมมติ) อายุ 10 ขวบ ลูกชาย หลังถูกครูประจำชั้น ป.5 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในเขต อ.เมืองอ่างทอง ทำโทษลูกชายที่ทำการบ้านส่งไม่ครบด้วยการใช้ไม้ตีมืออย่างรุนแรงเกิดอาการบวมช้ำอักเสบ จนต้องพาไปรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์เอกซเรย์พบมีรอยผิดปกติบริเวณกระดูกนิ้วมือต้องรอผลอีก 5 วัน จึงจะตรวจซ้ำ หากพบหินปูนเกาะแสดงว่ามีกระดูกหัก เบื้องต้นลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วที่ สภ.เมืองอ่างทอง
นางโซเฟียเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ลูกชายถูกครูประจำชั้นทำโทษจากการที่ครูอ้างว่าเด็กส่งการบ้านไม่ครบ โดยใช้ไม้ตีบริเวณมือทั้ง 2 ข้าง จำนวน 3 ครั้ง หลังจากถูกครูตีพบว่าเป็นการเข้าใจผิด เนื่องจากเด็กสับสนคิดว่าเป็นหนังสือการบ้านอีกเล่มหนึ่งจึงแจ้งให้คุณครูทราบ แต่ได้รับ คำตอบจากครูว่า สมน้ำหน้า ลูกชายรู้สึกเจ็บที่มือ จนช่วงพักกลางวันไม่สามารถตักข้าวกินเองได้ มีอาการปวดจนมือสั่นอยู่ตลอดเวลา พอเลิกเรียนตนและสามีจึงพาลูกไปพบแพทย์ ซึ่งในตอนนั้นมือเด็กบวมแดงและอักเสบ ผลเอกซเรย์พบมีจุดดำบริเวณกระดูก เบื้องต้นแพทย์เข้าเฝือกไว้รอดูอาการอีก 5 วัน จึงจะเอกซเรย์ซ้ำ หากบริเวณจุดดำมีรอยของคราบหินปูนเกาะ แสดงว่ากระดูกหัก
เหตุการครั้งนี้ครอบครัวรู้สึกว่าคุณครูทำเกินกว่าเหตุ ไม่ใช่การลงโทษ แต่เป็นการทำร้ายร่างกาย หลังจากเกิดเหตุได้มีผู้ปกครองของเพื่อนร่วมห้องต่างเข้ามาสอบถามถึงอาการของลูก และมีเด็กนักเรียนอีกหลายคนถูกคุณครูลงโทษแบบนี้ มีผู้ปกครองอีกหลายท่านที่ไม่พอใจ และคิดว่าทำรุนแรงเกินไป การลงโทษด้วยการตีสามารถทำได้ แต่อยากให้มีความสมเหตุสมผลมากกว่านี้ และไม่ควรรุนแรงขนาดนี้ ในตอนแรกครูประจำชั้นได้โทร.ติดต่อมา แต่ตนเองและครอบครัวยังทำใจไม่ได้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้รับสาย
หลังเกิดเหตุพาลูกชายไปเข้าพบผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อชี้แจงรายละเอียดที่เกิดขึ้น ผู้อำนวยการโรงเรียนหลังทราบเรื่องพาคุณครูประจำชั้นคู่กรณี เข้าพบผู้ปกครองที่บ้านในวันรุ่งขึ้น พร้อมกล่าวคำขอโทษ โดยมีการพูดถึงค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา แต่ทางตนเองและครอบครัวปฏิเสธ เพราะทางครอบครัวไม่ได้ต้องการเงินทอง แต่อยากให้ครูแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ลูกที่ยังคงต้องเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ต่อไป ไม่อยากให้มีปัญหากระทบถึงลูก จึงยอมรับคำขอโทษเพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหา
“แต่เรื่องกลับไม่จบมีเด็กนักเรียนที่เป็นเพื่อนกับลูก แจ้งว่าคุณครูคู่กรณีสั่งเด็กๆ ในห้อง ถ้าใครมาถามให้บอกว่าคุณครูไม่ได้เป็นคนทำ และลูกของฉันไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ใบรับรองแพทย์ก็ไม่มี และในตอนนี้มีเพื่อนร่วมห้องบางคน แสดงอาการบูลลี่ลูกฉัน ไม่คุยด้วย ใช้คำพูดเหมือนลูกตนเองเป็นเด็กโกหก ในตอนนี้รู้สึกสงสารลูกมาก อยากให้คุณครูคู่กรณีออกมาแสดงความรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป โดยออกมาแสดงความรับผิดชอบให้ทุกคนและสังคมรับรู้ ว่าคนที่กระทำผิดไม่ใช่ลูกตนเอง ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ทางโรงเรียนและครูที่ก่อเหตุคงไม่มาขอโทษตนและครอบครัวถึงที่บ้าน หากครูไม่แสดงความรับผิดชอบ ฉันและครอบครัวจะเดินหน้านำหลักฐานทั้งหมดที่มีอยู่ เพื่อดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับคุณครูผู้ก่อเหตุต่อไป” นางโซเฟียกล่าว
