หนีคดีฆ่า3พ่อค้า
ปลอมตัวกบดาน
รีสอร์ตดังปัตตานี

ปะทะเดือดข้ามคืน จับตาย 2 ศพ กลุ่มแนวร่วมไฟใต้ หนีคดีฆ่าพ่อค้า 3 ศพ ไปสมัครเป็นคนงานก่อสร้างในรีสอร์ต ริมทะเลหาดตะโละกาโปร์ แหล่งท่องเที่ยว ชื่อดัง ปัตตานี คนร้ายไหวตัวทันขณะปิดล้อม ปะทะกันเดือดเป็นระยะนานนับ 10 ช.ม. ประสานผู้นำศาสนา-ผู้นำท้องถิ่นช่วยเจรจาหลายรอบแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายต้องบุกจู่โจมเต็มกำลังจนคนร้ายถูกวิสามัญฯ ดับทั้งคู่ พบแต่ละคนมีหมายจับติดตัวเพียบ

เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. พล.ต.คมกฤช รัตนฉายา ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้รับรายงานจาก พ.อ.ธายุทธ สวนกูล ผบ.ฉก.ทพ.42 ว่าพบกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบหลบซ่อนตัวภายในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.3 ต.ตะโละสะมิแล อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี จึงนำกำลังเข้าปิดล้อมจับกุม แต่คนร้ายที่หลบซ่อนอยู่ไหวตัวทันใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เกิดปะทะกันประมาณ 10 นาที ก่อนจะหยุดยิงทั้งสองฝ่าย

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่กระจายกำลังปิดล้อมรอบพื้นที่ โดยพล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จ.ปัตตานี พ.อ.ทวีพร คณะทอง ผบฉก.ทพ.43 นำเจ้าหน้าที่เข้าเสริมกำลัง โดยรีสอร์ตดังกล่าวตั้งอยู่ริมทะเลหาดตะโละกาโปร์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง โดยคนร้ายหลบซ่อนตัวภายในบ้านพักหลังใหญ่ ด้านทิศตะวันออก สภาพรีสอร์ตหลังปะทะพบความเสียหายจากร่องรอยกระสุนปืน แต่คนร้ายยังคงหลบอยู่ภายในบ้านพัก

ต่อมาเวลา 06.00 น. พล.ต.คมกฤชเจรจาผ่านเครื่องขยายเสียงอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญผู้นำศาสนาและผู้นำท้องถิ่นมาร่วมเจรจาเพื่อให้คนร้ายมอบตัว แต่ไม่เป็นผล คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง จนเกิดการยิงปะทะหลายครั้ง เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

พล.ต.คมกฤชเผยว่า การดำเนินการปิดล้อมครั้งนี้ สืบเนื่องจากการติดตามคนร้ายกรณีเหตุยิงแล้วเผาพ่อค้าเป็นพ่อ ลูกสาวและหลานชายเสียชีวิตรวม 3 ศพ ขณะเดินทางด้วยรถยนต์ไปขายของในพื้นที่ จ.นราธิวาส เหตุเกิดในพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ ทราบว่าหลังเกิดเหตุหลบหนีไปหลายพื้นที่ โดยมีแนวร่วมในแต่ละพื้นที่คอยให้ความช่วยเหลือ

จนกระทั่งล่าสุดหลบหนีเข้ามาพักภายใน รีสอร์ตดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ทราบข่าวจัดกำลังเข้าปิดล้อม ตั้งแต่ช่วงเช้าและคนร้ายยิงใส่ เจ้าหน้าที่ก่อนจนเกิดยิงตอบโต้กันขึ้น แต่ยังไม่ทราบความสูญเสียของฝ่ายคนร้าย เบื้องต้นเชื่อว่าหนึ่งในคนร้ายน่าจะเป็น นายอัมลัน มะหิเละ อายุ 36 ปี ผู้ต้องหา 4 หมายจับ โดยเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกรรมวิธีจากเบาไปหาหนักโดยการเจรจา ตามนโยบายแม่ทัพภาคที่ 4

เวลา 08.30 น. หลังการเจรจาล่วงเลยมาร่วมเกือบ 5 ชั่วโมง สถานการณ์ยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติ เนื่องจากคนร้ายยังคงใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่และเกิดการยิงตอบโต้ตลอดเวลา ตลอด 5 ชั่วโมง มีการยิงปะทะกันถึง 7 ครั้ง เจ้าหน้าที่ต้องยุติการเจรจาก่อน เนื่องจากเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัย ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่โดยรอบในรัศมี 1 กิโลเมตร ห้ามบุคคลอื่นเข้าใกล้เด็ดขาดเพื่อความปลอดภัย

ขณะเดียวกัน พล.ต.คมกฤช ผบ.เหตุการณ์ วางแผนในการประชิดเป้าหมาย แยกส่วนการปฏิบัติในแนวเชิงรุก ด้วยการยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปภายในบ้านพักหลายลูกหวังให้คนร้ายสำลักควันวิ่งออกมาข้างนอก ส่วนเจ้าหน้าที่รอจู่โจมจับกุมเพื่อเลี่ยงการสูญเสีย แต่คนร้ายไม่ยอมจำนนยังได้ใช้อาวุธปืนยิงสวนกลับเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงต้องหลบกระสุนพร้อมกับการตอบโต้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงมีความพยายามที่จะให้กลุ่มคนร้ายออกมามอบตัว แต่หากมีการยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่จำต้องยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น

เวลา 11.00 น. พล.ต.คมกฤชวิทยุขอกำลังเสริมและเฮลิคอปเตอร์บินตรวจทางอากาศข่มขวัญคนร้าย ส่วนภาคพื้นดินเจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมใช้โล่กำบังพยายามโอบล้อมบ้านหลัง ดังกล่าวเพื่อประชิดตัว แต่ขณะพยายามพังประตูเข้าไปคนร้ายยิงอาวุธปืนใส่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องหลบกระสุนและ มีการยิงตอบโต้กันไปมา ขณะที่เจ้าหน้าที่อีกชุดโอบล้อมด้านหลังถูกคนร้ายยิงสวนจนต้องล่าถอยออกมาเช่นกัน

เบื้องต้นพบคนร้ายใช้เบาะที่นอนหนาประมาณ 10 นิ้ว พาดกับผนังบ้านกำบังกระสุน ระหว่างการยิงปะทะนั้น อีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงใช้เครื่องขยายเสียงเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายมอบตัวและไม่อยากให้ทุกฝ่ายเกิดความสูญเสียด้วยเป็นระยะ จนต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ยิงแก๊สน้ำตาและปาระเบิดเพื่อให้เกิดเสียงดังใส่เข้าไปในบ้านพัก แต่ก็ไม่ได้ผล คนร้ายยังคงหลบอยู่ภายในบ้านพักและมีการยิงออกมาเป็นระยะ

กระทั่งเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ต้องปรับกลยุทธ์ เนื่องจากไม่มีวี่แววว่าคนร้ายจะยอมมอบตัวและเกรงชาวบ้านใกล้เคียงอาจถูกลูกหลง จึงตัดสินใจบุกจู่โจมอย่างหนักส่งผลให้เกิดการปะทะกันอย่างดุเดือดนานกว่า 15 นาที ก่อนที่เสียงปืนจากฝั่งคนร้ายจะเงียบไป เจ้าหน้าที่จึงกระชับวงล้อมเข้าประชิดบ้านพักที่คนร้ายหลบซ่อนอยู่ด้วยความระมัดระวัง เมื่อมั่นใจว่าฝั่งคนร้ายไม่โต้ตอบแล้วจึงส่งกำลังเข้าเคลียร์ในบ้านพักทันที

พบศพคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิตไป 2 ราย อยู่ภายในห้องนอนชั้น 2 ของรีสอร์ต รายแรกคือนายอัมลัน มะหิเละ อายุ 36 ปี สมาชิกปฏิบัติการกลุ่มก่อเหตุไม่สงบ มีหมายจับ 4 หมาย ประกอบด้วย 1.ยิงเจ้าหน้าที่ อส.ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 63 2.ยิง อส. อ.ยะหริ่ง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 60 3.ชิงรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ อ.เมือง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.60 และ 4.ยิง นายอภิวัชญ์ ตอบพล และนายกิตติศักดิ์ ตอบพล ในพื้นที่ ต.ลุโบะยิไร อ.มายอ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 60 ส่วนรายที่สองคือ นายอาดือเระ มันปุเตะ 32 ปี เบื้องต้นทราบว่ามีหมายจับคดีความมั่นคง 2 หมาย ในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม. 2 กระบอก กระสุนปืนจำนวนหนึ่ง และระเบิดขว้างแบบ เอ็ม 26 อีก 1 ลูก และเสื้อผ้าพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ

ด้านพล.ต.คมกฤชเปิดเผยว่า เหตุปะทะครั้งนี้ เจ้าหน้าที่มีความพยายามที่จะเจรจาเพื่อให้คนร้ายมอบตัว ใช้วิธีจากเบาไปหาหนักแล้วแต่คนร้ายไม่ยอมยิงตอบโต้ จนมีการ ยิงปะทะกันต่อเนื่องกินเวลาร่วม 10 ช.ม. เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามยุทธการ กระทั่งคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิตในที่สุด ส่วนอาวุธปืนและระเบิดที่ยึดได้นั้นนำส่งไปตรวจสอบถึงที่มาที่ไปว่าเป็นของใคร เกี่ยวข้องคดีใดบ้าง

จากการสอบสวนผู้ดูแลรีสอร์ตให้การว่า ไม่รู้จักและไม่ทราบว่าทั้งสองเป็นคนร้าย ก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วัน ทั้งสองคนมาสมัครงานเป็นคนงานก่อสร้างต่อเติมรีสอร์ต จึงให้พักอาศัยอยู่ในบ้านพักชั้นสองหลังดังกล่าว โดยชั้นล่างเป็นห้องครัว จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่เข้ามาแสดงตนปิดล้อมและได้ให้คนในบ้านเปิดไฟแล้วออกมาด้านนอก ตนและพนักงานอีก 5 คนรีบวิ่งออกมา กระทั่งมารู้ว่าทั้งสองเป็นคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ต้องการตัว

“อย่างไรก็ตาม การปิดล้อมตรวจค้นจนมาสู่การวิสามัญคนร้ายนั้น เป็นความร่วมมือจากแหล่งข่าวในพื้นที่และชุดปฏิบัติการ สืบทราบมาว่าพบคนร้ายทั้งสองคนได้แฝงตัวมาทำงานที่รีสอร์ตดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่พยายามที่จะเจรจาให้มอบตัวแต่กลับถูกยิงตอบโต้และปะทะกันขึ้นทำให้ฝ่ายคนร้ายถูกวิสามัญเสียชีวิตไปในที่สุด” พล.ต.คมกฤชกล่าวในท้ายที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน