เคลื่อนไปสภา
ไผ่-กวิ้นย้ำ3ข้อ

สารพัดม็อบนัดชุมนุมไล่ ‘ตู่’ พ้นนายกฯ ‘ไผ่ ดาวดิน’ เปิดโปร เเกรมกิจกรรม ‘ราษฎรยืนยัน ดันเพดาน’วันที่ 24 มิ.ย. รำลึกการอภิวัฒน์สยาม จากนั้นจะเคลื่อนขบวนไปยื่นหนังสือที่รัฐสภา ย้ำจุดยืนและยืนยันหลักการข้อเรียกร้อง 3 ข้อเดิม ด้าน ‘เพนกวิน’ เรียกคนออกมาชุมนุมหากเห็นประยุทธ์อยู่ต่อไม่ทำให้ชีวิตดีขึ้น ศาลเลื่อนนัดพร้อมจัดการคดี 22 เเกนนำชุมนุมปักหมุดสนามหลวงเป็น 23 ก.ค.เหตุจำเลยติดคดีอื่น ทนายเผยยกคำร้องขอเพิกถอนประกันสมยศเเต่เพิ่มเงื่อนไขห้ามชุมนุมวุ่นวาย ขณะที่ ‘ทนายด่าง’ ชี้การชุมนุม 24 มิถุนาเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ไม่ละเมิดเงื่อนไขศาล

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน เปิดเผยถึงรูปแบบการจัดกิจกรรมชุมนุม “ราษฎรยืนยันดันเพดาน” ในวันที่ 24 มิ.ย.ว่า การจัดกิจกรรมแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา หัวข้อหลักของการจัดกิจกรรมคือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่มาจากประชาชน ซึ่งกิจกรรมจุดแรกเริ่มตั้งแต่เวลา 05.00-07.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กิจกรรมในจุดดังกล่าว จะเป็นการจุดเทียนรำลึกถึงเหตุการณ์ การปฏิวัติสยาม พ.ศ.2475 และอ่านแถลงการณ์ฉบับราษฎร รวมทั้งฉายภาพผ่านโปรเจ็กเตอร์ กิจกรรมต่อมาจะเริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. โดยกลุ่มราษฎรจะเคลื่อนตัวจากอนุสรณ์สถาน 14 ตุลาคม ไปรัฐสภา แยกเกียกกาย พร้อมแสดงสัญลักษณ์แห่หมุดคณะราษฎร เพื่อยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ต่อประเด็นรัฐธรรมนูญจากประชาชน

นายจตุภัทร์กล่าวว่า หากมีการสกัดกั้น การเคลื่อนตัวของกลุ่มจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มของตนจะปักหลักอยู่ในบริเวณดังกล่าวตามแนวทางสันติวิธี ไม่ปะทะและจะใช้วิธีส่งตัวแทนไปยื่นหนังสือที่รัฐสภา พร้อมกับตั้งเวทีขนาดเล็ก และมีแกนนำสลับกันขึ้นปราศรัย ส่วนกิจกรรมช่วงเย็นจะเริ่มตั้งแต่เวลา 17.00 น บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน ในส่วนกิจกรรม ต้องรอการยืนยันจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่จะประกาศผ่านโซเชี่ยลมีเดีย

ฟังคดี – ‘มายด์’ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล พร้อมพวกรวม 13 คน มาฟังคำสั่งคดี ที่พนักงานสอบสวนสน.ทุ่งมหาเมฆ สั่งฟ้องความผิด ม.112 และม.116 ชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนี เดือนต.ค.63 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อาคารกรุงเทพใต้) เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.

นายจตุภัทร์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมด จะทำในนามคณะราษฎร ซึ่งคาดว่าจะมีมวลชนออกมาร่วมประมาณหลักพันคน เพื่อแสดงจุดยืนและยืนยันหลักการข้อเรียกร้อง 3 ข้อเดิม ที่สำคัญคือประเด็นรัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน ส่วนตัวมองว่า ไม่เกิดความวุ่นวาย เพราะการชุมนุมทำกิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อกดดันรัฐบาล และถือเป็นการออกมาร่วมกิจกรรม หลังจากห่างหายไปนาน แม้จะมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ประชาชนก็จำเป็นต้องออกมา จึงต้องเน้นย้ำมาตรการรักษาความสะอาดและให้ระวังตัว

ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มไทยไม่ทนคณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายวีระ สมความคิด นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) นางพะเยาว์ อัคฮาด นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก นายนันทพงศ์ ปานมาศ และคณะเพื่อยื่นหนังสือชี้แจงเหตุผลการขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลาออก ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้

นายจตุพรกล่าวว่า การเคลื่อนไหววันที่ 24 มิ.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เราจะใช้ยุทธการแม่น้ำร้อยสาย แผนพิฆาตฟ้าทะลายโจร ไม่มีการขนคน แต่ประชาชนที่ไม่ทนต่อระบอบประยุทธ์ จะเดินทางมารวมตัวกัน โดยสวมหน้ากากป้องกัน พกน้ำ และแอลกอฮอล์ ป้องกันโควิด แต่ทราบว่าเจ้าหน้าที่เตรียมตู้คอนเทนเนอร์ วางลวดหนามสกัดบริเวณแยกผ่านฟ้า นางเลิ้ง ไปถึงแยกสวนมิสกวัน ดังนั้นเราจะตั้งหลักที่ผ่านฟ้า มาทางถนนราชดำเนิน และเข้าถนนนครสวรรค์ หากปิดอีกอาจปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์ พวกเราไม่ได้ขัดแย้งกัน เพราะมีเป้าหมายเดียวกัน ส่วนที่มีข่าวจะจับกุมแกนนำและตนในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ขอเตือนว่าหากฝ่ายเจ้าหน้าที่ใช้กฎหมายหรือกำลังกระทำการลุแก่อำนาจเพื่อหวังข่มขู่ประชาชน จะยิ่งทำให้คนออกมาขับไล่มากขึ้นเท่านั้น

“การใช้มาตรการต่างๆ ใช้กฎหมายมา ข่มขวัญ ไม่สามารถทำอะไรพวกผมได้ เพราะผ่านความเป็นเฉียดตายมาแล้ว ถูกดำเนินคดีโทษ สิ่งพวกนี้ไม่สามารถทำอะไร และการชุมนุมครั้งนี้ยืนยันว่าจะยึดสันติวิธี ดังนั้น เจ้าหน้าที่รัฐอย่าใช้ความรุนแรงกับประชาชน ย้ำว่าเราไม่ได้ระดมหรือขนคนมา แต่ใครที่ไม่ทนให้มารวมกันอย่างแม่น้ำร้อยสาย อย่ากลัวการข่มขู่ แต่ให้กลัวอดตาย กลัวสิ้นชาติ ลำพังพวกเราล้มรัฐบาลไม่ได้ แต่ถ้าประชาชนร่วมมือกัน ออกมามากเท่าไหร่พล.อ.ประยุทธ์จะไปเร็วเท่านั้น และที่การประกาศว่าจะอยู่ครบเทอมเป็นเพียงแท็กติกเท่านั้นเพื่อให้สั่งการข้าราชการได้ แต่กลับแสดงว่ารัฐบาลกำลังไปไม่ไหวและกำลังจะพัง ไม่มีทางจะอยู่ครบวาระ และขอเตือนว่าถ้ายังดึงดันจะจบไม่สวย ให้ดูตัวอย่างจากการรัฐประหารในอดีต เช่นจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นต้น” นายจตุพรกล่าว

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมจัดการคดีที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “เพนกวิน” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรรวม 22 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และมาตรา 116 รวมทั้งความผิดอื่นๆ กรณีชุมนุมปักหมุดที่สนามหลวงวันที่ 19-20 ก.ย.63

โดยวันนี้ จำเลยรายสำคัญทยอยเดินทางมาศาลแนวร่วมกลุ่มราษฎร รวม 22 คน อาทิ นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน, น.ส.ปนัสยา หรือ รุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ และนายอานนท์ นำภา เป็นต้น

สืบพยาน – ‘เพนกวิน’ พริษฐ์, ‘รุ้ง’ ปนัสยา, ไผ่, แอมมี่ และแกนนำราษฎร จำเลยคดี ม.112 ชุมนุมทวงคืนประชาธิปไตย ปักหมุดสนามหลวง เดินทางมาสืบพยานโจทก์ นัดแรก ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.

นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่าเป็นวันแรกของการนัดสืบพยานในคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. เดิมทีนัดสืบพยานในคดีนี้ต้องมีมา ตั้งแต่พ.ค.แล้ว แต่ต้องเลื่อนเพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับจำเลยบางคนมีอาการเจ็บป่วย ทั้งนี้การพิจารณาครั้งก่อนหน้ามีจำเลยบางคนที่ตัดสินใจถอนทนายความ ทำให้วันนี้เกิดปัญหาเล็กน้อย ที่จำเลยไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ อย่างไรก็ตาม ทนายความยืนยันว่าจำเลย ทุกคนได้รับหมายเรียกสืบพยานในวันนี้ทั้งหมด แต่จะมีบางส่วนที่ติดธุระก็จะให้ครอบครัวมาดำเนินการขอเลื่อน

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าทนายความมีความกังวลหรือไม่ว่าจะมีจำเลยบางส่วนเดินทางไปร่วมกิจกรรมในวันที่ 24 มิ.ย. นายกฤษฎางค์กล่าวว่า ไม่มีความกังวล เพราะทนายเองมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลจำเลยให้เป็นไปตาม กฎหมายรัฐธรรมนูญ การร่วมกิจกรรมชุมนุมเองก็ถือเป็นสิทธิ์ของเขาเป็นสิทธิ์รัฐธรรมนูญ ทางศาลมีการพูดคุยกับทนายตลอดเวลาที่ผ่านมา ให้เป็นไปตาม ข้อกำหนดเงื่อนไขที่ศาลได้กำหนดไว้แต่สุดท้ายนี้ศาลก็ไม่อาจล่วงเกินตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ได้

นายกฤษฎางค์ยกตัวอย่างหนึ่งในเงื่อนไข ที่ศาลกำหนดว่าไม่ให้จำเลยกระทำการใดๆ ที่เป็นอันเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาการต่อสู้ของกลุ่มแกนนำ ก็มีการยืนยันมาตลอดว่าไม่เคยกระทำการใดๆ ที่เป็นการเสื่อมเสียต่อสถาบัน อย่างไรก็ตามสำหรับวันนี้ตนเองไม่กังวลในส่วนของการพิจารณาคดี เพียงแต่กังวลเรื่องการจำกัดคนให้เฉพาะคนในครอบครัวเข้าฟังการนัดสืบพยาน ในห้องพิจารณาคดี ตนไม่รู้ว่าคำสั่ง ดังกล่าวเป็นคำสั่งของใคร เพราะการเข้าฟังการพิจารณาคดีใดๆ ต้องเป็นการพิจารณาแบบเปิด ต้องไม่จำกัดสิทธิ์ของผู้ที่จะเดินทางเข้าไปฟัง เป็นหนึ่งในสิทธิ์ของจำเลยในการต่อสู้คดี ที่จะสามารถมีประจักษ์พยานในการรู้เห็นการพิจารณาคดีได้

ด้านนายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร ในวันที่ 24 มิ.ย.ว่า การที่ประชาชนหลายกลุ่มออกมาเคลื่อนไหวเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าการคงอยู่ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไม่เป็นข้อดี ฉะนั้นแล้วถ้าพี่น้องประชาชนเล็งเห็นว่าการมีอยู่ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้นก็ขอให้ออกมาร่วมชุมนุม ส่วนในกลุ่มราษฎรยังคงยืนยันหลักการเดิม 3 ข้อเรียกร้องที่กลุ่มคณะราษฎรเคยประกาศว่าจะเป็นจุดยืน ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และองคาพยพ ลาออก 2.รัฐสภาต้องเปิดประชุมวิสามัญทันทีเพื่อรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้การเคลื่อนไหวกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ตนมองว่าไม่ละเมิดออกเงื่อนไขที่ศาลกำหนดเพราะที่ผ่านมา การขอให้ปฏิรูปสถาบัน เป็นการขอให้สถาบันพัฒนาในทางที่ดีขึ้น ไม่ได้ประสงค์ทำให้สถาบันเสื่อมเสีย ส่วนการออกมาชุมนุมก็ไม่เคยก่อความวุ่นวายใดๆ

ทนายจำเลยที่ 16 แถลงว่าจำเลยที่ 16 ป่วยเนื่องจากติดเชื้อโควิดและได้รับการรักษาแล้วแต่ยังคงต้องกักตัวและตรวจหาเชื้อไวรัสอีกซึ่งเป็นเหตุอันไม่อาจก้าวล่วงได้ทำให้ไม่สามารถมาศาลได้ในวันนี้พร้อมยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีฉบับลงวันที่วันนี้และใบสำคัญความเห็นแพทย์ จำเลยที่ 19 แถลงว่าทนายจำเลยที่ 19 ติดว่าความนัดพร้อมสอบคำให้การและตรวจหลักฐานในคดีของศาลแขวงปทุมวันซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วจึงไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ปรากฏตามคำร้องขอเลื่อนคดี ทนายจำเลยที่ 6 และที่ 18 แถลงว่าจำเลยที่ 14 มีความประสงค์ที่จะแต่งตั้งตนเป็นทนายความ แต่ยังไม่ได้ลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายความและจำเลยที่ 14 มีภาระหนี้สินที่ต้องเร่งรัดในการจัดการ จึงไม่สามารถมาศาลในวันนี้ได้จึงขอเลื่อนคดีไป ทนายจำเลยที่ 22 แถลงว่าจำเลยที่ 22 ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีของศาลแขวงปทุมวัน โดยได้กำหนดวันนัดพร้อมเพื่อสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันเดียวกันนี้ ซึ่งได้นัดไว้ก่อนแล้วจึงไม่อาจมาศาลได้ จึงขอเลื่อนไปนัดพร้อมใหม่อีกครั้งก่อนในวันที่ 23 ก.ค.

สอบโจทก์แล้วแถลงว่าไม่คัดค้านการขอเลื่อนคดีของทนายจำเลย แต่ขอให้ศาลกำชับให้จำเลยทุกคนมาศาลตามกำหนดนัดทุกนัดและแต่งทนายความมาให้ครบทุกคนโดยจะไม่ขอเลื่อนคดีอีกเพราะการเลื่อนคดีทำให้โจทก์มีความไม่สะดวกในการติดตามพยานมาเบิกความต่อศาลและถ้าหากจำเลยคนใดไม่มาศาลหรือมาศาลไม่ได้ให้ศาลพิจารณาคดีลับหลังไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ทวิ สอบทนายจำเลยที่มาศาลทั้งหมดแล้วแถลงว่าไม่ขัดข้องที่จะให้มีการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการพิจารณาคดีให้เสร็จไปโดยทนายจำเลยที่ 1 แถลงว่าจะกำชับให้จำเลยที่ยังไม่มีทนายแต่งตั้งทนายความมาให้พร้อมในวันนัดซึ่งหากทนายความที่จะแต่งตั้งใหม่ไม่ว่างหรือไม่สะดวกจะให้ผู้รับมอบฉันทะมาศาลแทนโดยจะไม่ขอเลื่อนคดีอีก

พิเคราะห์แล้วเห็นว่ามีเหตุเลื่อนคดีไปนัดพร้อมใหม่ในวันที่ 23 ก.ค.เวลา 09.00-16.30 น. กำชับให้จำเลยทุกคนแต่งตั้งทนายความมาให้พร้อมในวันนัด

นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้เนื่องจากจำเลยรวมทั้งทนายความบางคนติดคดีที่ศาลอื่น จึงมีการเลื่อนคดีนัดพร้อม ซึ่งศาลอนุญาตให้นัดพร้อมอีกครั้งในวันที่ 23 ก.ค. เวลา 09.00 น. โดยในวันดังกล่าวเป็นการนัดพร้อมเพื่อดูว่าจะมีการนัดสืบพยานอีกครั้งวันไหน และจะใช้วันนัดสืบพยานที่มีอยู่เดิมได้หรือไม่ ซึ่งในวันนี้ยังไม่ได้มีการเริ่มสืบพยาน และครั้งหน้าก็ยังคงเป็นการนัดพร้อมอยู่ จึงไม่ได้มีการสืบพยานเช่นเดียวกัน ซึ่งขั้นตอนในการพิจารณาคดีในวันนี้มีเรื่องต้องพิจารณาทั้งหมด 3 เรื่อง คือกรณีการเพิกถอนขอประกันตัว นายณัฐชนน ไพโรจน์ จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กรณีขอเพิกถอนการประกันตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และกรณีคดีหลักที่เป็นการนัดพร้อมจากการชุมนุม 19 ก.ย.2563

ทั้งนี้ กรณีการเพิกถอนขอประกันตัวนายณัฐชนน ทนายความเผยว่าหลังเจ้าหน้าที่ได้มายื่นคำร้องขอให้งดการไต่สวน เนื่องจากคดีก่อนหน้านี้ที่คดีของ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง มีมูลเหตุเดียวกัน และศาลมีคำสั่งไม่เพิกถอนการประกันตัว แต่ให้เพิ่มเงื่อนไขเข้าไป เมื่อเป็นเหตุเดียวกันเจ้าหน้าที่จึงมายื่นคำร้องว่าขอให้งดการไต่สวนและให้เพิ่มเงื่อนไข ศาลจึงไม่ได้มีการเพิกถอนการประกันตัวและมีการเพิ่มเงื่อนไขว่าห้ามเข้าร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ส่วนกรณีของนายสมยศนั้น เดิมพนักงานสอบสวนของ สน.ชนะสงคราม มายื่นคำร้องขอเพิกถอนการประกันตัวนายสมยศ โดยอ้างว่าได้กระทำผิดเงื่อนไขของศาล คือกระทำกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งทนายความได้ยื่นคำร้องคัดค้านไปหลายประเด็น และได้ไต่สวน ซึ่งศาลเห็นว่ากิจกรรมที่ทำไม่ได้มีลักษณะที่น่าจะทำให้สถาบันเสื่อมเสีย จึงไม่เพิกถอนการประกันตัว แต่ได้กำหนดเงื่อนไขเพิ่มคือห้ามชุมนุมที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน