วิษณุชี้คลิป‘แม้ว’ไม่ผิด
เผย‘ตู่’เซ็ตทีมพีอาร์ใหม่
ป้อมเย้ยม็อบต้าน 10คน
โต้ให้นฤมลคุมโซนกทม.

เพื่อไทยปัดดัน คุณหญิงอ้อ-‘บิ๊ก อ๊อบ’ เพรียวพันธ์ ขึ้นแท่นหัวหน้าพรรค ชิงเก้าอี้นายกฯ ‘วิษณุ’ ฟันธง คลิป ‘ทักษิณ’ วิดีโอคอลคุยส.ส. เพื่อไทย ไม่เข้าข่ายครอบงำ ใช้เป็นหลักฐานยื่นยุบพรรคไม่ได้ ‘บิ๊กป้อม’ โต้แก้ท่วมล้มเหลว เมินม็อบต้านระหว่างลงพื้นที่ เย้ยจัดตั้งมาแค่ 10 กว่าคน กลัวอะไร ปัดกาวใจเชื่อมสัมพันธ์ ‘ประยุทธ์-ธรรมนัส’ ‘บิ๊กตู่’ จ้างเอกชนประชาสัมพันธ์ผลงาน สร้างภาพลักษณ์ กกต.สรุปยอดผู้สมัคร อบต. 1.3 แสนราย ปชป.ยื่นแก้กฎหมายท้องถิ่น ให้ส.ส.-ส.ว.-ข้าราชการการเมืองช่วยหาเสียงได้

‘ป้อม’โต้แก้น้ำล้มเหลว

วันที่ 18 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีเสียงวิจารณ์การทำงานของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) ที่ผ่านมาค่อนข้างล้มเหลว ว่า “โอ้ย ที่ผ่านมาเขาพัฒนาไปเยอะแล้ว งานวิจัยก็ทำ เรื่องน้ำท่วมขึ้นอยู่กับฝนที่ตกตลอด แต่ที่เก็บน้ำไม่เพียงพอ อย่ามาบอกว่าล้มเหลว ยืนยันว่าที่ผ่านมาทำงานไปเยอะ เยอะมาก ทำทั้งประเทศ”

เมินม็อบต้าน

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำ 20 ต.ค.นี้ จ.กาญจนบุรี พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปดูแลว่าจะทำอย่างไรในพื้นที่แหล่งน้ำตะวันตก จะเอาน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์มาผันใช้ได้อย่างไร และได้ดำเนินการคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว และขณะนี้เขื่อนในพื้นที่สามารถรองรับน้ำได้

เมื่อถามว่าการลงพื้นที่แต่ละครั้งมีประชาชนออกมาชุมนุมต่อต้านจะทำให้เสียโอกาสในการลงพื้นที่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็ 10 กว่าคน ไม่เยอะ ไม่ใช่เป็นหมื่นเป็นแสน กับคน 10 กว่าคนจะไปเอาอะไร เขาไปจัดตั้งมาจะไปเกรงกลัวอะไร ทำงานได้อยู่แล้ว”

พล.อ.ประวิตรในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่ทั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และของตัวเอง ในช่วงที่ผ่านมาพบว่าคะแนนเสียงดีขึ้นหรือไม่ ว่า “ผมจะได้รู้ได้อย่างไร เรื่องคะแนนเสียงต้องไปถามประชาชน ซึ่งประชาชนก็ตอบรับอย่างดีกับทุกพรรคการเมือง”

ปัดกาวใจตู่-ธรรมนัสหวนคืนดี

เมื่อถามถึงการที่พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แข่งกันเองเพื่อปักธงในพื้นที่ภาคอีสาน จะส่งผลดีต่อพปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร สื่อช่วยตอบหน่อย ตนตอบไม่ได้ เมื่อถามถึง กระแสข่าวพท. เตรียมสนับสนุนคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้มีโอกาสได้พูดคุยบ้างหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวเสียงดัง ว่า “ไม่เคยคุยเลย”

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพล.อ.ประวิตรเป็นคนกลางทำให้นายกฯ และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการ พปชร. กลับมาคุยกันอีกครั้ง พล.อ.ประวิตรย้อนว่า “ที่ไหน ใครบอก ข่าวก็คือข่าว ไม่รู้ ไม่รู้ ผมไม่รู้ เป็นเรื่องของนายกฯ และร.อ.ธรรมนัส ผมไม่ได้เป็นคนกลาง เขาไม่ได้มีอะไรกันก็คุยกันได้อยู่แล้ว ผมต้องเป็นคนกลางอะไร ถามให้มีเรื่องอยู่เรื่อย รักกันอยู่แล้วไม่มีอะไรพรรคพปชร. ไม่มีอะไร รักกันดีอยู่แล้ว”

เมื่อถามถึงข่าวพปชร.มอบหมายให้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค มาดูแลส.ส.กทม. ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ในพรรคได้พูดคุยกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ยังไม่มีการพูดกัน ตนดูเอง ดูทุกภาค ดูแลเองและตัดสินใจเองว่าใครเป็นอย่างไร

วิษณุชี้คลิปแม้วร้องยุบพท.ไม่ได้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีการเตรียมยื่น กกต.ให้พิจารณายุบพรรค พท. สืบเนื่องจากกรณีปรากฏคลิปงานเลี้ยง ส.ส. ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ วิดีโอคอลมาพูดคุยเรื่องหัวหน้าพรรคคนใหม่ ว่า ไม่รู้ ตนยังไม่ทราบเรื่อง เมื่อถามถึงนิยามคำว่าครอบงำพรรค นายวิษณุกล่าวว่า เคยมีการวินิจฉัยไว้แล้วว่าการครอบงำคือการใช้อิทธิพลโดยที่ตัวเองไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ได้เป็นสมาชิก และไม่ได้เป็นกก.บห.พรรค แล้วไปชี้นำให้ผู้อื่นปฏิบัติตาม ส่วนเรื่องนี้จะเข้าข่ายครอบงำหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ

เมื่อถามว่ากรณีพูดคุยผ่านระบบออนไลน์เช่นนี้ ไม่เข้าข่ายครอบงำใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใช่ นี่เป็นการพูดคุยธรรมดา โยนหินถามทาง หยั่งเสียง โดยนายวิษณุย้อนถามกลับว่า คำว่าครอบงำหมายถึงใคร เมื่อสื่อระบุว่า เขาจะร้องว่านายทักษิณ ครอบงำพท. นายวิษณุกล่าวว่า “คุณทักษิณเขาปฏิเสธมาแล้วไม่ใช่หรือว่าคุณหญิงพูดไม่เป็น หาเสียงไม่เก่ง แล้วครอบอะไร ไม่ครอบ”

เมื่อถามว่าหากใช้คลิปดังกล่าวเป็นหลักฐานร้องยุบพรรคได้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าเป็นการสนทนา ปราศรัย พูดจากันธรรมดา ในที่สาธารณะใครๆ ก็ทำได้ ไม่น่าจะถึงขั้นนำมาเป็นหลักฐานในการจะยุบพรรค ไม่เช่นนั้นจะพูดอะไรกันก็ไม่ได้ บางอย่างเป็นการออกความเห็น ถามมาตอบไป แต่ถ้าเมื่อไรไปเริ่มดำเนินการกันในพรรคจึงจะเข้าข่าย แต่ที่เขาคุยกันอยู่นั้นไม่ใช่พรรค เป็นที่สาธารณะ

กกต.อึกอัก-กมธ.จ้องสอบ

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่า เรื่องดังกล่าวต้องดูข้อเท็จจริง แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นข้อเท็จจริง มีแต่เพียงภาพข่าวเท่านั้น หากยังไม่รู้ข้อเท็จจริงก็ยังวินิจฉัยข้อกฎหมายไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งทางสำนักงานกกต.คงจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในเรื่องดังกล่าวอยู่

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระดับสูงในสำนักงานกกต. เผยว่า กรณีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เตรียมยื่นกกต. ขอให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทยนั้น กรณีดังกล่าวต้องดูในข้อเท็จจริงมากกว่าที่ปรากฏในข่าว ทั้งนี้ หากมีการนำกรณีดังกล่าวร้องต่อกกต. ก็จะมีกระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมายปกติ เหมือนกับทุกคำร้อง ส่วนจะตรวจสอบได้อะไรบ้าง ก็ต้องดูข้อเท็จจริงที่เขาร้อง ข้อเท็จจริงที่สอบได้ ตรวจสอบแล้วเข้าตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งในการตรวจสอบข้อเท็จจริงชั้นต้นนายทะเบียนพรรคการเมืองจะเป็นผู้ตรวจสอบ

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.พปชร. ในประธาน กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิ มนุษยชน เผยว่า มีประชาชนมายื่นเรื่องร้องเรียนกับกมธ. จากกรณีคลิปนายทักษิณ วิดีโอคอลพูดคุยถึงการส่งแคนดิเดตนายกฯ ของพท. กมธ.จะบรรจุเรื่องนี้เข้าสู่ระเบียบวาระ เพื่อ ขอมติจากกมธ. ในการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กกต. และบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิปมาชี้แจง โดยทาง กกต.ต้องตอบว่านี่คือการครอบงำพรรค การเมืองจากบุคคลภายนอกหรือไม่

พท.ปัดชู‘เพรียวพันธ์’ชิงนายก

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. กล่าวถึงกระแสข่าวรายชื่อแคน ดิเดตนายกฯ ของพท. ว่า ขณะนี้ยังไม่มีรายชื่อที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ แท้จริงของพรรค รายชื่อที่ออกมาเป็นการคาดเดาเท่านั้น และเป็นคนเก่าๆ หน้าเดิมๆ ยืนยันว่าขณะนี้ พท.มีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอยากรอเปิดเผยรายชื่อช่วงใกล้วันเลือกตั้งทีเดียว รองรับว่าเป็นคนหน้าใหม่ ถูกใจทั้งคนในพรรคและถูกใจประชาชนแน่นอน

เมื่อถามว่าเป็น พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ หรืออ๊อบ อดีตผบ.ตร. พี่ชายของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ หรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ตนมองว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ไม่ยุ่งกับการเมือง และคงไม่มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค

‘พจมาน’ก็ไม่รับตำแหน่ง

เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คุณหญิงพจมานจะมาเป็นหัวหน้าพรรค ตามที่แกนนำภาคอีสานของพรรคเรียกร้อง นายประเสริฐกล่าวว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นความคิดของนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรค ที่เสนอขึ้นมาเท่านั้น ไม่ใช่ความเห็นของ กก.บห.พรรค ทั้งหมด และไม่ใช่ความเห็นของพรรค เรื่องดังกล่าวคงเป็นไปได้ยาก เพราะคุณหญิงพจมานไม่มีตำแหน่งภายในพรรค และ ไม่ประสงค์ที่จะรับตำแหน่งใดๆ ด้วย

เมื่อถามถึงกรณีมีคนเตรียมยื่นร้องเอาผิดปมครอบงำพรรคที่สืบเนื่องจากคลิปงานเลี้ยง ส.ส.อีสาน นายประเสริฐกล่าวว่า ความจริงแล้วคลิปที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการครอบงำพรรค และนายทักษิณก็ไม่ได้กล่าวอะไรที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการครอบงำพรรค เหมือนเป็นการพูดแซวเล่นกันเท่านั้น

ยอดสมัครอบต. 1.3 แสนราย

สำนักงาน กกต.เผยแพร่เอกสารข่าวระบุ จากการประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วันที่ 28 พ.ย. และเปิดรับสมัคร 76 จังหวัด ระหว่าง 11-15 ต.ค. ผลการรับสมัครมีจำนวนรวม 136,250 คน แบ่งออกเป็น ผู้สมัครนายกอบต. 12,309 คน และผู้สมัครสมาชิกสภาอบต. 123,941 คน

จังหวัดที่มีผู้สมัครสูงสุด ได้แก่ 1.นคร ราชสีมา 7,333 คน สมัครนายกอบต. 554 คน สมาชิกสภาอบต. 6,779 คน 2.ศรีสะเกษ 5,621 คน สมัครนายกอบต. 479 คน สมาชิกสภา อบต. 5,142 คน 3.สุรินทร์ 5,062 คน สมัครนายกอบต. 371 คน สมาชิกสภาอบต. 9,691 คน 4.อุบลราชธานี 4,823 คน สมัครนายกอบต. 415 คน สมาชิกสภาอบต. 4,408 คน 5.บุรีรัมย์ 4,445 คน สมัครนายกอบต. 349 คน สภาอบต. 4,096 คน ส่วนจังหวัดที่มี ผู้สมัครสมาชิกสภาอบต. และนายกอบต.น้อยที่สุดคือ ภูเก็ต 121 คน แบ่งเป็น สมัครนายกอบต. 17 คน และผู้สมัครสมาชิกสภาอบต. 104 คน

ตามมาตรา 52 วรรคสาม วรรคสี่ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือ ผู้บริหารท้องถิ่น 2562 ให้ ผอ.การเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบความถูกต้องการสมัครของผู้สมัคร และตรวจสอบว่าผู้นั้นมีสิทธิสมัครหรือไม่ เมื่อเห็นว่าถูกต้องและมีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งให้ประกาศรายชื่อผู้สมัครภายใน 7 วันนับแต่วันปิดรับสมัคร

ปชป.ยื่นแก้กม.เลือกตั้งท้องถิ่น

ที่รัฐสภา นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นตัวแทนพรรคเข้ายื่นหนังสือ เสนอร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ… ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภา

นายองอาจกล่าวว่า เราขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 34 เพื่อให้ส.ส. ส.ว. และข้าราชการการเมืองไปช่วยหาเสียงได้ กรณีส่งผู้สมัครในนามพรรคการเมือง เพราะมาตรา 34 บัญญัติไว้ว่า กรณีปรากฏข้อเท็จจริงข้าราชการการเมือง ส.ส. และส.ว. กระทำใดๆ โดยมิชอบในทางหน้าที่ กลั่นแกล้ง ผู้สมัครหรือดำเนินการใดๆ เป็นโทษแก่ ผู้สมัคร โดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม ให้กกต. หรือกรรมการการเลือกตั้ง หรือผอ.กต.จว. หรือกกต.ประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่กกต.มอบหมาย มีอำนาจสั่งให้ยุติหรือระงับการกระทำนั้นได้

เปิดช่องส.ส.-ส.ว.ช่วยหาเสียง

แต่เดิมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่นจะไม่บัญญัติคำว่า “หรือดำเนินการใดๆ ที่เป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัคร” แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการแก้ไข ทำให้ส.ส. ส.ว.และข้าราชการทางการเมืองไม่สามารถไปช่วยรณรงค์หาเสียงได้ เป็นปัญหาและอุปสรรคในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ปิดกั้นการมีส่วนร่วมของประชาชน เชื่อว่าพรรคต่างๆ น่าจะเห็นด้วยกับการแก้ไขนี้ เพื่อให้ ส.ส. ส.ว. ข้าราชการการเมืองช่วยหาเสียงตามครรลองปกติของการหาเสียงเลือกตั้งได้ เพราะเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ และผิดปกติของพรรคการเมืองอย่างมากที่ ส.ส. และข้าราชการการเมืองของพรรคไปช่วยหาเสียงให้คนที่ลงสมัครท้องถิ่นในนามพรรคไม่ได้

เมื่อถามต่อว่าการเสนอแก้กฎหมายครั้งนี้เพื่อเตรียมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใช่หรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า เราเสนอเพื่อรองรับการเลือกตั้งท้องถิ่นทุกระดับ เพื่ออนาคตภายหน้า ที่ผ่านมาเราก็ผ่านการเลือกตั้งท้องถิ่นมาครึ่งทางแล้วและเห็นอุปสรรคที่เกิดขึ้น จึงเห็นว่าควรดำเนินการแก้ไข ในอนาคตหากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นใดจะได้ไม่ย้อนแย้งต่อความเป็นจริง

มั่นใจใต้ปักธงเกือบทุกเขต

นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าปชป. เผยถึงกระแสพรรคที่ขณะนี้มีผู้เสนอตัวเป็น ผู้สมัคร ส.ส.จำนวนมากว่า จากจุดยืนและอุดมการณ์ที่พรรคยึดมั่น ประกอบกับการทุ่มเทของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอง นายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่ทุ่มเททำงานเพื่อแก้ไขปัญหา สร้างความหวัง สร้างโอกาส ให้แก่ประเทศชาติและประชาชน ตลอดระยะเวลาสองปีกว่าที่ผ่านมา จึงได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน สะท้อนผ่านตัวแทนของพรรคจากพื้นที่ต่างๆ

“ขณะนี้เรามีผู้เสนอตัวที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพรรคในพื้นที่ภาคใต้เต็มเกือบทุกจังหวัด มีทั้ง อดีต ส.ส อดีตผู้สมัคร และคนรุ่นใหม่ๆ ที่มาร่วมสานต่ออุดมการณ์พรรค ทำให้ผมมั่นใจว่าเราจะกลับมาในเกือบทุกพื้นที่ในภาคใต้ ส่วนพื้นที่ภาคอื่นๆ ทั้งกทม. ภาคกลาง เหนือและอีสาน ก็มีสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมของพรรคจำนวนมากขึ้น” นายนิพนธ์กล่าว

ไพบูลย์ระทึกสิ้นสภาพส.ส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 ต.ค. เวลา 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง กรณีประธานสภาส่งคำร้องของ ส.ส. 60 คนขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(10) ประกอบมาตรา 90 และ 91 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ จากกรณี นายไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป สมัครเป็นสมาชิก พปชร. หลังจากที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพ ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทั้งที่ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคอยู่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ และมิได้มีชื่อในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ของพปชร. ที่ยื่นต่อ กกต.ก่อนปิดการรับสมัครเลือกตั้ง เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงหรือไม่

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวว่า แนวทางคำตัดสินมี 2 แนวทางคือ สิ้น กับไม่สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ถ้าวินิจฉัยว่าผิดและให้สิ้นสมาชิกสภาพ จะสิ้นสุดสภาพเมื่อไรนั้นเป็นเรื่องของศาลจะวินิจฉัย หากศาลตัดสินให้สิ้นสภาพตั้งแต่วันที่ศาลตัดสินก็จะไม่มีผลอะไรมาก เท่ากับวันที่ได้กระทำความผิดคือวันที่สมัครเข้าพปชร. ถ้าเช่นนั้นนายไพบูลย์ ต้องคืนสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากทางราชการ แต่เรื่องนี้จะไม่มีผลเรื่องการลงมติต่างๆ ในการทำหน้าที่ ส.ส. และกมธ. และในส่วนของคดีอาญาจะเป็นอำนาจของ กกต.ที่จะดำเนินการ หรือถ้าวินิจฉัยไม่มีความผิด ไม่สิ้นสภาพ ก็ปฏิบัติหน้าที่ต่อ

‘ดอน’แจงอาเซียนไม่เชิญเมียนมา

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีสมาชิกอาเซียนเห็นพ้องในการประชุมฉุกเฉินว่า อาเซียนจะไม่เชิญฝ่ายการเมืองของเมียนมา เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนวันที่ 26-28 ต.ค.นี้ จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ว่า ไม่มีปัญหา แต่เป็นเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อน ฉะนั้นอาเซียนต้องดูว่าสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนเมื่อเกิดขึ้นแล้วมันมีผลอย่างไร และวันนี้เขาก็ไม่ได้คิดถึงว่าเป็นปัญหาอะไรนอกจากมุมของเมียนมาเท่านั้นเอง โดยเมียนมาจะต้องเอาสิ่งนี้ไปคิดมาก่อนว่าจะทำอย่างไรให้ผู้แทนพิเศษอาเซียนเขาพิจารณาลุล่วงตามที่ได้รับมอบบริหารจัดการไว้ มีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องไปดำเนินการ ส่วนไทยแสดงท่าทีไปแล้ว และได้มีเอกสารของประเทศไทยในเรื่องนี้ออกมาแล้วเมื่อช่วงเช้า ขอให้ไปดู

เตรียมฟื้นครม.สัญจร-ลุยกระบี่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังว่างเว้นการประชุมครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือครม.สัญจร มา 1 ปี ครั้งสุดท้ายจัดขึ้นที่ จ.ภูเก็ต เมื่อ 10 พ.ย.63 เพราะเกิดสถานการณ์โควิด-19 แต่เมื่อนายกฯ ประกาศเปิดประเทศ ล่าสุด มีการเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาพื้นที่ จ.กระบี่ เป็นสถานที่จัดประชุม ครม.สัญจร ในเดือน พ.ย.เพื่อนำร่องการท่องเที่ยว ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา ทั้งนี้ จ.กระบี่ ถือเป็น 1 ใน 5 จังหวัดนำร่องเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวในเฟส 1 ประกอบด้วย เชียงใหม่ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี และกระบี่ โดยการเตรียมการประชุม ครม.สัญจรครั้งนี้ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.เพื่อพิจารณาอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ สัปดาห์นี้ มีรายงานเบื้องต้นว่า เตรียมลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี วันที่ 20 ต.ค. เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาอุทกภัย เป็นจังหวัดที่มี ส.ส.พปชร. 2 คน คือนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.เขต 1ซึ่งถือเป็นการพื้นที่อย่างต่อเนื่องของพล.อ.ประยุทธ์ โดยจ.สิงห์บุรี เป็นจังหวัดที่ 10 ซึ่งวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร มีกำหนดไป จ.กาญจนบุรี เช่นกัน

ตู่จ้างทีมพีอาร์สร้างภาพลักษณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร และแกนนำสำคัญ พปชร.ขณะนี้ ส่งผลให้หลายฝ่ายจับตาความเคลื่อนไหว นอกจากจะมีการเลือกตั้ง อบต. แล้ว อาจเตรียมปูฐานเพื่อเตรียมรับเลือกตั้งใหญ่ที่อาจมีขึ้นต้นปี 2565 นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาล ก็เร่งงานประชาสัมพันธ์เชิงรุกทุกช่องทาง ล่าสุด มีรายงานข่าวว่าได้จ้างทีมประชาสัมพันธ์เอกชนเพิ่มอีก 1 ทีม เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ ทั้งในส่วนงานราชการ และการสร้างภาพลักษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ด้วย

‘4กปปส.ระทึกคดีกบฏ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 ต.ค. ช่วงเช้า ศาลอาญา นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีกบฎ กปปส.สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557 , อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายสกลธี ภัททิยกุล, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ และ นายเสรี วงษ์มณฑา ฐานร่วมกันเป็นกบฏ, สร้างความปั่นป่วน ไม่สงบในราชอาณาจักร, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้ ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113, 116, 117, 209, 210, 215, 362, 364, 365 และขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. ความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. มาตรา 76 ,152 รวม 8 ข้อหา

คดีสำนวนแรกนี้อัยการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2557 สืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำ เพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯเมื่อ 23 พ.ย. 56– 1 พ.ค.57 มีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง ขัดขวางการเลือกตั้ง ท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังขอให้สั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 ราย ปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี และระหว่างพิจารณาคดีได้รับการปล่อยชั่วคราว

คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อ 25 ก.ค.62 ยกฟ้อง โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์-จำเลยนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่าพยานหลักฐานที่อัยการโจทก์นำสืบมารับฟังได้เพียงว่าจำเลยทั้ง 4 รายได้เข้าร่วมชุมนุม กับกปปส. แต่ไม่ได้เป็นแกนนำสั่งการ หรือขึ้นปราศรัยสั่งการให้กระทำการรุนแรง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน