หลงเชื่อพันราย
เชิดเงิน1,000ล.
‘บิ๊กเด่น’ตร.PCT
ล่า2ปีตามจับได้

รองผบ.ตร.‘บิ๊กเด่น’นำทีมตำรวจพีซีที แถลงจับกุม 2 คดีใหญ่ รวบเจ้าพ่อแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ หลอกตุ๋นเหยื่อ นับพันรายมูลค่าความเสียหายกว่าพันล้านบาท ตั้งแต่ปี 62 ลวงให้มาลุงทุนออนไลน์ จัดแพ็กเกจล่อ เริ่มตั้งแต่ 5 หมื่นไปจนถึงกว่า 5 ล้านบาท อ้างจะจ่ายเงินปันผลให้ทุก 40 วัน ต่อมาทำแพ็กเกจ ‘เหรียญดิจิทัล’ เอาเงินปันผลร้อยละ 20 ต่อเดือนมาล่ออีก แต่มีเงื่อนไขต้องเปิดเป๋าตังค์อิเล็กทรอนิกส์ รวบตัวได้หน้าห้างดังย่านเมืองนนทบุรี รับสารภาพ อีกคดีรวบ 2 หนุ่ม ตุ๋นลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่น อ้างเป็นตัวแทนจากบริษัทใหญ่ชื่อดัง มูลค่าความเสียหาย 10 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ในฐานะผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือพีซีที พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น.หน. ตำรวจพีซีที ชุดที่ 4 แถลงผลการจับกุม นายกวินกรณ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี เจ้าของแชร์ลูกโซ่ออนไลน์ MBC Club ที่มีผู้เสียหายรายหลาย เข้าแจ้งความก่อนหน้านี้ มีมูลค่าความเสียหายประมาณหนึ่งพันล้านบาท

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า เป็นไปตามนโยบายของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้จับกุมการกระทำความผิดด้วยการใช้อินเตอร์เน็ต การลงทุนออนไลน์ โดยคดีนี้เมื่อประมาณปี 2562 ได้มีกลุ่มบุคคลนำโดย นายกวินกรณ์ ร่วมกันเปิดแผนการลงทุนชื่อ MBC Club มีแพ็กเกจการลงทุนต่างๆ มากมาย เช่น Member ทุนเริ่มต้น 50,758 บาท, Silver ทุนเริ่มต้น 253,750 บาท, Titanium ทุนเริ่มต้น 507,500 บาท, Gold ทุนเริ่มต้น 2,537,500 บาท และ Platinum ทุนเริ่มต้น 5,075,000 บาท โดยทุกแพ็กเกจทางคลับ จะเพิ่มเงินลงทุนให้เฉลี่ยร้อยละ 10-30 แล้วแต่ประเภทแผนการลงทุน ส่วนเงินปันผลจะตอบแทนทุก 40 วัน เฉลี่ยเป็นกำไรถึงกว่าร้อยละ 30 ต่อประเภทการลงทุน

พฤติการณ์นายกวินกรณ์ จะแอบอ้างกับ ผู้เสียหายว่านำเงินดังกล่าวไปลงทุนในต่างประเทศ มีเงินปันผลคิดเป็นกำไรเฉลี่ยร้อยละ 40 ต่อเดือน ต่อมาช่วงปลายปี 2562 ยังได้ออกแพ็กเกจการลงทุนแบบใหม่ชื่อ Save Coin SME โดยทำเหรียญดิจิทัลชื่อ CMBC Coin ในราคา 14.80 ต่อ 1 เหรียญ ผู้ลงทุนจะได้ปันผลร้อยละ 20 ต่อเดือน ซึ่งผู้เสียหายต้องเปิดกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ชื่อ CMBC Wallet และนำไปขายในกระดานสนทนาชื่อ FFF Exchange รวมถึงนำไปชำระค่าน้ำค่าไฟผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อ P berm pay อีกด้วย

นอกจากนั้น ยังมีเทคนิคการโกงด้วยการ กระตุ้นให้ผู้เสียหายรีบเร่งลงทุนต่างๆ เช่น หากลงทุนครบ จำนวน 40 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2562 จะได้รับรถยนต์เก๋งหรู ยี่ห้อ ปอร์เช่ 718 บ็อคชเตอร์ จำนวน 1 คัน ซึ่งต่อมาเงินที่ลงทุนไปแล้วทั้งหมดไม่สามารถเบิกถอนกลับมาได้ รวมถึงเงินดิจิทัลก็นำไปชำระค่าสาธารณูปโภคไม่ได้ตามที่กล่าวอ้าง และผู้ต้องหาได้หลบหนีไป การหลอกลวงดังกล่าวเป็นเหตุให้มีผู้เสียหายจำนวนมาก โดยได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายกวินกรณ์

ต่อตำรวจพีซีที ชุด4 ได้สืบสวนจนจับ นายกวินกรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตราด ลงวันที่ 25 ธ.ค.2563 ในความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงประชาชน” และศาลอาญามีนบุรี ลงวันที่ 1 พ.ย.2564 ฐานฉ้อโกง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายแก่ประชาชน โดยจับกุมตัวได้ที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้าห้างสรรพสินค้าย่านงามวงศ์วาน-แคราย ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี และนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ไปดำเนินคดีแล้ว

ด้านพล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า นาย กวินกรณ์รับสารภาพว่าได้กระทำความผิดกับผู้เสียหายอีกหลายราย เบื้องต้นคาดว่ามีผู้เสียหายกว่า 1,000 ราย คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบอีกว่า นาย กวินกรณ์ เคยร่วมกันกับพวกกระทำความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ โดยเปิดบริษัทชื่อ พีบี. สมาร์ทฟาร์เมอร์ ซึ่งอ้างว่านำเทคโนโลยีการ เกษตรมาผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก มาเพื่อใช้ในเชิงพาณิชย์อีกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป

จากนั้น เป็นการแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาขบวนการหลอกลงทุนในแพลตฟอร์มคำสั่งซื้อ KING POWER (THAILAND) สร้างความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์, พล.ต.ท.ปรีชา, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.สตม. พร้อมตำรวจพีซีที ชุดที่ 1

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า มีกลุ่มคนร้ายได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนหาค่าคอมมิสชั่นผ่านแอพพลิเคชั่น “ไทยเดลี่” เป็นโฆษณาเชิญชวนเมื่อสนใจกดเข้าไปดูจะส่งลิงก์ให้เข้าไปที่กลุ่มไลน์ โอเพ่น แช็ต โดยคนร้ายได้ใช้ชื่อบัญชีแสดงคนเป็นบุคคลมีชื่อเสียง อ้างเป็นตัวแทนฝ่ายบริการจาก KING POWER (THAILAND) ชักชวนให้ลงทุนสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนผ่านแอพฯออนไลน์ ซึ่งบริษัทการันตีผลตอบแทนกำไรจากกองทุน 20-30% ของการลงทุนทุกครั้ง โดยใช้เงินลงทุนต่ำและได้รับผลกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจพีซีที ได้สืบสวนจนขออนุมัติหมายจับและจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายรัฐวิทย์ และนายพงศ์ระวี (สงวนนามสกุล) ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายแก่ประชาชน” และอยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 20 ราย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยทั่วประเทศระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5 กลุ่ม ในห้วงวันที่ 11-20 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นการหลอกลวงออนไลน์ทางด้านการเงิน 227 คดี ผู้ต้องหา 198 คน การหลอกลวงจำหน่ายสินค้าออนไลน์และสินค้าผิดกฎหมาย 418 คดี ผู้ต้องหา 444 คน การเผยแพร่ข่าวปลอมและคดีความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 500 คดี ผู้ต้องหา 446 คน การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรีทางอินเตอร์เน็ต และการค้ามนุษย์ 94 คดี ผู้ต้องหา 79 คน การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติและอื่นๆ 1,400 คดี ผู้ต้องหา 1,464 คน จับกุมได้ รวมทั้งสิ้น 2,631 ราย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน