อพยพกลางดึก
สุราษฎร์เรือล่ม
อุตุเตือน8จว.ใต้

อุตุฯภาคใต้เตือนซ้ำ 8 จังหวัด ฝั่งอ่าวไทย ตั้งแต่ 24-26 พ.ย. ชุมพรถึงนราธิวาส ฝนหนัก ระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันจากความกดอากาศสูง อากาศหนาวเย็นปกคลุม ระทึก เรือประมงอวนเล็กถูกคลื่นซัดจมทั้งลำ กลางทะเลท่าชนะ สุราษฎร์ธานี ชาวประมงช่วย 2 ลูกเรือไว้ได้ทัน สงขลาเร่งพร่องน้ำ ตั้งเครื่องสูบ ระบายท่วมขัง ชาวแก่งกระจาน เพชรบุรี อ่วมซ้ำ ขนของหนีน้ำท่วมกันโกลาหลกลางดึก น้ำป่าทะลักบ้านสูงกว่า 1.5 เมตร ซัดรถเก๋งลอยหน้าที่ว่าการอำเภอ ช่วยคนขับออกมาได้ทัน ส่วนสามร้อยยอด ประจวบคีรีขันธ์ หลังฝนกระหน่ำข้ามคืน นาล่มหลายร้อยไร่ น้ำท่วมบ้าน เดือดร้อนกว่าพันครัวเรือน

เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา ประกาศเตือนภัยคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทยและมีฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ช่วงวันที่ 24-26 พ.ย. จากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงปกคลุมบริเวณประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนหนักมากบางแห่ง โดยบริเวณที่มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ส่วนบริเวณที่มีฝนตกหนัก ได้แก่ จ.ชุมพร

ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ทั้ง 8 จังหวัด ตั้งแต่จ.ชุมพร ถึงนราธิวาส ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง

ขณะที่คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลมีคลื่นสูง 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

ด้านนายเชาวลิตร นิฒรรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดสงขลา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในจังหวัดยังปกติ คลองสายหลักทุกสายรองรับน้ำได้อีกมาก โดยเฉพาะคลอง ร 1 ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำอู่ตะเภาที่ช่วยระบายน้ำเมืองหาดใหญ่ยังรองรับน้ำได้อีกมาก ที่มีน้ำท่วมในบางพื้นที่บ้างจากน้ำระบายไม่ทัน

นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบจ.สงขลา กล่าวว่า อบจ.ได้ดำเนินการป้องและแก้ปัญหากันน้ำท่วม โดยขุดลอกคลองสายหลักและสายรองเพื่อให้ระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้เร็ว และได้ติดตั้งเครื่องสูบ 8 เครื่องในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก และประสานกับ ปภ.ในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มด้วย

ส่วนคลองภูมินารถดำริ ซึ่งอยู่ระหว่างการขยายคลอง โดยสำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 11 สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีความคืบหน้าไปแล้วร้อยละ 91.5 คาดว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าการดำเนินงานจะยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ช่วยระบายน้ำได้ ได้ประมาณ 1,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที ซึ่งจะลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาน้ำท่วมในตัวเมืองหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียงได้อย่างดี ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำในคลองยังอยู่ในระดับปลอดภัย

ด้านจ.พัทลุง ฝนที่ตกลงมาต่อเนื่องหลายวัน ส่งผลให้มวลน้ำจากอุทยานแห่งชาติเขาปู่ เขาย่า อ.ศรีบรรพต ที่ไหลหลากลงมายังฝายท่าแนะในพื้นที่ ต.เขาย่า ปริมาณน้ำในฝายที่รองรับความจุของน้ำ 9 แสนลบ.ม. ต้องเร่งพร่องน้ำออก เพื่อรองรับมวลน้ำฝนที่กำลังตกหนักลงมาเพิ่ม จนทำให้น้ำที่พร่องลงมาจากฝายท่าแนะ ได้ไหลหลากเอ่อล้นคันคลองเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มด้านล่าง ในเขตเทศบาลตำบลบ้านสวน ท้องที่ หมู่ 1 ต.มะกอกเหนือ อ.ควนขนุน กว่า 10 หลังคาเรือน โดยมวลน้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางฝนที่ตกลงมา

ขณะที่ทางนายสมเกียรติ ทองพันธุ์ นายกเทศบาลตำบลบ้านสวน ได้ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ได้รับผล กระทบ พร้อมหากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องอพยพชาวบ้านในจุดดังกล่าวทางเทศบาลได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วเช่นกัน

ที่จ.สุราษฎร์ธานี นายวิโรจน์ เดชเกลี้ยง นายอำเภอท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับรายงานเกิดเหตุเรือประมงขนาดเล็ก ประสบเหตุล่มทั้งลำ มีลูกเรืออยู่ภายในเรือ 2 คน ที่บริเวณคลองปากน้ำท่ากระจาย หมู่ 4 ต.ท่าชนะ จึงพร้อมด้วยตำรวจ สภ.ท่าชนะ ปภ. กู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาท่าชนะ และ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่าชนะ รุดไปตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือ เบื้องต้นชาวประมงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุได้นำเรือเข้าไปช่วยเหลือนำลูกเรือ ออกมาได้ด้วยความปลอดภัย คือนายเรืองชัย พรหมมงคล อายุ 33 ปี ชาวต.พุมเรือง อ.ไชยา และนาย สุธรรม สีนาถ อายุ 29 ชาวต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ขึ้นบนฝั่งที่ท่าเรือปากน้ำท่ากระจาย และนำส่งร.พ.ท่าชนะ

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เรือประมงเล็กลำดังกล่าว ได้ออกวางอวนปูตั้งแต่เวลา 03.00 น. วันเดียวกัน ก่อนถูกคลื่นทะเลพัดแรง ทำให้เรือเอียงล่ม จมลงอย่างรวดเร็ว

ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังเกิดฝนตกหนักตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ประกอบกับก่อนหน้านี้มีฝนตกต่อเนื่องมาหลายวัน ส่งผลให้อ.สามร้อยยอด ได้รับความเดือดร้อน น้ำฝนผสมน้ำป่าหลากท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรเสียหายแล้วกว่า 200 ไร่ ทั้งนาข้าว สวนขนุนและมะม่วง นากุ้งจมกว่า 100 บ่อ ส่วนพื้นที่ปศุสัตว์ของชาวบ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำ บางจุดท่วมสูงมากกว่า 60 ซ.ม. ส่วนถนนถูกน้ำท่วมสูง 10-30 ซ.ม. โดยที่หมู่ 5 บ้านห้วยขมิ้น ต.ไร่เก่า ชาวบ้านต้องขนของขึ้นที่สูงหนีน้ำกันอย่างโกลาหลตั้งแต่ช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา

นายชยพล อินทรสุภา นายอำเภอสามร้อยยอด กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอ พร้อมกำนันผู้ใหญ่บ้าน เร่งสำรวจพื้นที่ทันที โดยพบว่าส่วนใหญ่ในพื้นที่ 4 ตำบล ต.ไร่เก่า ต.ไร่ใหม่ ต.ศาลาลัย และต.ศิลาลอย ประมาณ 15 หมู่บ้านถูกน้ำท่วม ประชาชนเดือดร้อนกว่า 1,000 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรทั้ง นาข้าว นากุ้ง สวนมะพร้าวน้ำหอม สวนปาล์ม ถูกน้ำท่วมอีกหลายร้อยไร่ รวมไปถึงพื้นที่ปศุสัตว์ของชาวบ้านด้วย โดยความช่วยเหลือเบื้องต้น จะนำถุงยังชีพไปช่วยในการดำรงชีพของประชาชนที่บ้านถูกน้ำท่วมขังก่อน โดยยังต้องเฝ้าระวังต่อเนื่องไปอีก เนื่องจากฝนยังไม่หมด และมีรายงานว่า มวลน้ำก้อนใหญ่ที่กำลังไหลลงมาจากพื้นที่สูง ซึ่งคาดว่าในช่วงบ่ายถึงเย็นวันเดียวกันจะลงมาสมทบน้ำที่ท่วมบ้านอีก ทางอำเภอจึงเตรียมเปิดทางน้ำให้ไหลผ่านลงทุ่งสามร้อยยอดได้เร็วขึ้น เพื่อลดผลกระทบกับประชาชน และทางอำเภอเองได้รายงานสถานการณ์เบื้องต้นไปยังจังหวัดแล้ว โดยจะเร่งทำหนังสืออย่างเป็นทางการส่งให้จังหวัดประกาศเป็นภัยพิบัติ เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป

ส่วนที่จ.เพชรบุรี ตั้งแต่กลางดึกคืนที่ผ่านมา มีน้ำป่าไหลบ่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ หมู่ 5 ต.วังจันทร์ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายจุด โดยกระแสน้ำไหลเชี่ยวและรุนแรงมาก ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่และทรัพย์สิน ได้รับความเสียหาย บางจุดระดับน้ำสูงกว่า 1.5 เมตร ผู้สูงอายุและเด็กเล็กไม่สามารถออกจากบ้านได้ เบื้องต้นทหารจากหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 13 นำโดย พ.อ. นพดล ระวีวรรณ ผบ.นพค.13 ได้จัดกำลังพลนำอุปกรณ์ส่องสว่าง เสื้อชูชีพ และเรือท้องแบน เข้าช่วยเหลือ เคลื่อนย้ายประชาชน ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรถเก๋งถูกกระแสน้ำป่าพัดตกถนนขณะกำลังขับฝ่ากระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว บริเวณถนนเส้นหน้าที่ว่าการอำเภอแก่งกระจาน ซึ่งพลเมืองดีที่พบเห็นเหตุการณ์ ได้ให้การช่วยเหลือผู้ขับออกมาได้อย่างปลอดภัย และกระแสน้ำป่าได้พัดเสาไฟฟ้าส่องสว่างริมถนนหักโค่นอีกหลายจุด ทำให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าต้องตัดไฟ และเร่งซ่อมแซมโดยด่วน ภายหลังสถานการณ์น้ำเริ่มลดลงจนเข้าสู่สภาวะปกติ โดยมวลน้ำดังกล่าวจะไหลเข้าสู่เขื่อนเพชรต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน