ค้าปลีกซมพิษโควิดสูญ5แสนล้าน – สมาคมค้าปลีกไทย ชี้โควิด-19 ส่งผลให้วงการค้าปลีกไทยสูญ 5 แสนล้านบาท หรือ -12% คาดไตรมาสแรกปี 2564 ยังคงติดลบ 7-8% วอนภาครัฐอัดยาแรงอุ้มค้าปลีก พร้อมเสนอ 5 มาตรการเร่งด่วน
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลให้ดัชนีค้าปลีกสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ปี 2563 ติดลบ 12% สูญเสียเม็ดเงินมูลค่า 5 แสนล้านบาท คาดการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่จะส่งผลให้ไตรมาส 1 ของปี 2564 ดัชนีค้าปลีกยังคงติดลบราว 7-8%
ขอให้ภาครัฐวางมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและเร่งด่วน เพื่อลดอัตราการว่างงาน และเพิ่มอัตราการจ้างงานใหม่ พร้อมเสนอ 5 มาตรการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยเน้นการเกิดขึ้นได้จริงอย่างต่อเนื่องและทันที ประกอบด้วย 1.ภาครัฐทดลองเพิ่มทางเลือกสำหรับอัตราค่าจ้างแบบเป็นรายชั่วโมง เพื่อเป็นการลดอัตราการว่างงาน และเพิ่มการจ้างงานใหม่
2.ภาครัฐควรช่วยเหลือเอสเอ็มอี โดยให้มีการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำพิเศษ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องแกเอสเอ็มอี เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยกว่า 4 แสนราย
3.ภาครัฐต้องเร่งเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีนำเข้า กับสินค้าที่ซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซ อีมาร์เก็ตเพลส ที่นำเข้า จากต่างประเทศ ที่มีมูลค่าตลาดราว 3 แสนล้านบาท ถือว่าเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีมาตรการควบคุมที่ชัดเจน ทั้งเรื่องการเก็บภาษีนำเข้า และภาษีมูลค่า ขณะที่มีการขายสินค้าในราคาที่ต่ำกว่าทุน ทำให้เอสเอ็มอีไทยไม่สามารถแข่งขันได้
4.ภาครัฐต้องหามาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ มุ่งเป้ากลุ่มกำลังซื้อระดับกลางถึงสูง 8 ล้านราย ด้วยมาตรการลดภาษีนำเข้าสินค้าแฟชั่นไลฟ์สไตล์ สร้างเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อไตรมาส 5.ภาครัฐ ควรอนุญาตให้ร้านค้าปลีกสมัยใหม่และซูเปอร์มาร์เก็ต เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงสินค้าหลากหลาย และราคาต่ำ ได้มากขึ้น
จากงานวิจัยพบสินค้าที่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซื้อหาเป็นประจำส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคไม่กี่ชนิด อาทิ ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาล ซึ่งผลิตโดยผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ทำให้การกระจายรายได้ไปไม่ถึงผู้ผลิต สินค้ารายเล็กอื่นๆ เพื่อกระจายรายได้สู่ผู้ผลิตสินค้าในวงกว้างมากขึ้น ทั้งเกษตรกร ชุมชน และ เอสเอ็มอี