“ผมไม่ทิ้งคุณ พวกคุณจะทิ้งผมก็ตามใจ”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปรยกับพรรคร่วมรัฐบาล ระหว่างการประชุมครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ท่ามกลางกระแสกดดันให้นายกฯลาออก ยุบสภา ไปสู่การเคลื่อนไหวจี้พรรคร่วมรัฐบาลให้ถอนตัว

การกล่าวเช่นนั้น นายกฯต้องการส่งสัญญาณอะไรไปถึงพรรคร่วมรัฐบาล

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ
อดีตอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์

คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะน้อยใจและอาจคิดว่า ตัวเองไปไม่ไหวแล้วก็ได้ คงเป็นการตัดพ้อ ขณะเดียวกันก็สะท้อนว่าลึกๆ อาจรู้ว่าไปไม่รอด จึงขอความเห็นใจจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ต้องมองลึกไปกว่านั้นว่าทำไม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงพูด หากคิดว่าตัวเองมีอำนาจบารมีจริงๆ จะไม่หลุดถ้อยคำแบบนี้ออกมา แสดงว่าหวั่นไหวสถานภาพตัวเอง

นักการเมืองและพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งต้องพึ่งการเลือกตั้งก็ต้องรักษาตัวเอง ต้องมองว่าหากยังอยู่แล้วจะรอดหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไปไม่รอด ศึกใหญ่ครั้งนี้กลายเป็นโควิด-19 ซึ่งทำให้คนตายจริงๆ ขณะที่คนจำนวนหนึ่งอาจจะตายทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่

นักการเมืองส่วนใหญ่คงฉีดวัคซีนแล้ว และอาจไม่ใช่วัคซีนที่คนทั่วไปฉีดก็ได้ แต่ก็มีสิทธิตายทั้งเป็นเช่นกัน คือ ตายทางการเมือง เหมือน พล.อ.สุจินดา คราประยูร อดีตนายกฯ เมื่อปีพ.ศ. 2535 ที่เดินผิดคราวนั้น คนที่ถูกอบรมสั่งสอนมาเป็นทหารบางทีก็ยากจะเข้าใจการเมือง ยากจะเข้าใจความเปลี่ยนแปลงทางสังคม

ยกเว้นจะมีสติปัญญาพิเศษ คนที่ฉลาดแบบ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หรือจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ยังแย่เลย ต้องฉลาดแบบ พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา ที่เมื่อเสียชีวิตไปแล้วก็ยังเป็นอมตะ

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยจะอยู่ร่วมรัฐบาลต่อ หรือถอนตัว อะไรก็เป็นไปได้สำหรับพรรคการเมือง เราเคยเห็นมาแล้วในประวัติศาสตร์ เขาต้องการอยู่รอด คำว่าเซอร์ไวเวอร์คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เข้าใจ เวลาคนพูดต้องมองไปถึงเบื้องหลังคำพูด ของเขา

แม้พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่ถอนตัวตอนนี้ รัฐบาลก็อยู่แบบซังกะตาย เพียงแค่อยู่ๆ ไป และคงคิดว่าจะหาทางออกเช่นไรให้ตัวเอง บางทีรัฐบาลอาจต้องการสิ่งอัศจรรย์ มองหาปาฏิหาริย์ แต่คิดว่าคงไม่มีแล้วเพราะโรคระบาดร้ายแรงมาก และใครที่กำลังซุ่มรอจังหวะอยู่รักษาตัวให้ดี ประมาณ 2-3 ปี ให้โรคระบาดดีขึ้นอาจมีโอกาส

ซึ่งหมายถึงทั้งนักการเมืองและประชาชนทั่วไป นักการเมืองเราก็เห็นเช่นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ซุ่มรอจังหวะจะกลับไทย หรือคนแบบ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล แม้ไม่ต้องการซุ่มรอ แต่ก็จำเป็นต้องซุ่มรอ เนื่องจาก ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง รวมถึงเยาวชนคนหนุ่มสาวที่โดนคดีก็มีมหาศาล ก็ซุ่มรอดูอยู่เช่นกัน

จากกระแสกดดันที่รุมเร้ารอบด้าน ทั้งม็อบ ทั้งเสียงก่นด่าจากประชาชน การคอลเอาต์ของคนดัง คิดว่ารัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้อีกไม่นาน ผมไม่กล้าฟันธงแต่คิดว่าน่าจะอยู่ไม่รอด พล.อ.ประยุทธ์เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ประเมินอะไรผิดหมด หากฟังเสียงท้วงติงแต่แรก ไม่รวบอำนาจอยู่คนเดียว อาจกลายเป็นฮีโร่ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่

ถ้าผมเป็นที่ปรึกษาพล.อ.ประยุทธ์ จะแนะนำให้ยุบสภา จัดเลือกตั้งให้สะอาดบริสุทธิ์ โยน ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ทิ้งไป แล้วพูดคำว่า “ผมพอแล้ว”

วีระศักดิ์ เครือเทพ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ

ที่นายกฯ เปรยใน ครม.เช่นนั้นอาจมาจากภาวะเครียดจากสิ่งที่เกิดตรงหน้า เช่น โควิด-19 ที่ยังจัดการไม่สำเร็จ มีคนตายรายวัน สถิติผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คงมองว่าตัวเองทำงานหนัก แต่ทำไมยังบ่น ยังต่อว่า และเข้าใจว่าเสียงบ่นและต่อว่าอาจมาจากคนในพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

เมื่อเจอศึกทุกด้านเข้ามาลักษณะนี้ก็คงเกิดอาการน้อยใจ และลึกๆ เลยกลัวคนจะไม่รัก กลัวจะล้มเหลว จึงพูดทำนองตัดพ้อว่าคุณจะไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมลุยของผมเองก็ได้ ผมถอดรหัสว่านายกฯ น่าจะน้อยใจ และอาจส่งสัญญาณในทางอ้อมว่าถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่พร้อมที่จะอยู่และสนับสนุนก็พร้อมจะสับสวิตช์ สลับขั้วได้ทันที

จึงตีความได้สองอย่าง คือ น้อยใจ กับปรามพรรคร่วมว่าอย่าอะไรมากนักเพราะพร้อมจะสลับขั้วทันทีเพื่อให้รัฐบาลอยู่ต่อ และเป็นจิตวิทยาคือทั้งตัดพ้อและปรามไปในตัว

ส่วนที่มองว่านายกฯ กล้าพูดเพราะมั่นใจประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ไม่ถอนตัวนั้น ส่วนตัวคิดว่านายกฯ เองก็ไม่มั่นใจ เพราะตอนนี้พรรคภูมิใจไทยคงชั่งน้ำหนัก คิดและคำนวณอยู่เยอะเหมือนกันว่าจะอยู่หรือไปดี

ถ้าภาษาการเมืองก็มองว่าการอยู่ต่อจะได้อะไรจากงบประมาณและโครงการต่างๆ ในทางกลับกันถ้าอยู่แล้ว จะเสียอะไร และในแง่เครดิตด้านสาธารณสุขของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและสาธารณสุข ติดลบไปเยอะ ดังนั้น ภูมิใจไทยจะเป็นตัวแปรสำคัญว่าถ้าถอนตัวจะทำให้รัฐบาล เสียรังวัดไปได้เยอะ

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์รอบนี้ แทบจะเป็นตัวแปรที่ไม่ค่อยมีความหมายเท่าไร น้ำหนักและบทบาทไม่เยอะอยู่แล้ว และนายกฯ ประยุทธ์คงไม่ได้ใช้คำพูดนี้มาเป็นตัวปรามพรรคนี้ เพราะมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็คงเกาะพรรคพลังประชารัฐไปจนครบสมัย

แต่พรรคภูมิใจไทยพร้อมจะชิ่งได้ตลอด และถ้าดูประวัติศาสตร์ในอดีตนายเนวิน ชิดชอบ ก็เคยเป็นอย่างนั้น คือพร้อมสละเรือได้ถ้าคำนวณดูแล้วว่าไม่คุ้ม จะขาดทุนทางการเมืองก็อาจถอนตัว เดาว่าเผลอๆ ถอนตัวตอนนี้ยังได้ใจชาวบ้านกลุ่มต่อต้านเยอะ ถ้าเขายังมองถึงการเลือกตั้งต่อไป

หากนายกฯ จะใช้เครื่องมือตรงนี้เป็นตัวปราม ก็คงได้กับพรรคภูมิใจไทย เพราะพรรคประชาธิปัตย์เขาปรามอยู่แล้ว ไม่ห่วง

สถานการณ์ขณะนี้เป็นไปได้ที่ภูมิใจไทยจะถอนตัวก่อนครบวาระ สมมติทุกอย่างเป็นไปตามแผนควบคุมโควิด วัคซีนเข้ามากลางปี กว่าจะคลี่คลายคงปลายปีนี้ เลือกตั้งปี 2566 เหลือเวลาฟื้นเศรษฐกิจอย่างเก่ง 3-4 เดือน ถ้าอยู่อีก 1 ปี หรือปีครึ่ง แล้วแต้มต่อยังไม่ดี พรรคภูมิใจไทยคงกำลังคิดอยู่

ถ้าดีขึ้นและทุกอย่างจบกลางปี 2565 มีเวลา 6-7 เดือนสร้างคะแนนนิยม อย่างนี้มั่นใจว่าภูมิใจไทยยังจะอยู่กับรัฐบาล แต่ถ้าดูแล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้นหรือเหลือเวลาฟื้นฟูน้อย อาจยอมสละตัวเองออกมาก่อน

พรรคภูมิใจไทยอาจตัดสินใจประมาณต.ค.นี้ ว่าจะอยู่หรือจะแยก เพราะเป็นช่วงไทม์ไลน์สำคัญที่จะบอกว่าวัคซีนล็อตใหญ่จะมาตามแผนช่วงไตรมาส 4 หรือไม่ ถ้าไม่มา โอกาสที่จะฟื้นตัวกลางปี 2565 ก็ริบหรี่ ก็เป็นไปได้ที่ภูมิใจไทยอาจ ถอนตัว

ส่วนการขับไล่รัฐบาล น้ำหนักเสียงขับไล่ยังดังไม่พอที่จะล้มรัฐบาลใน 3-4 เดือนนี้ แม้จะมีคนตายเยอะขึ้นทุกวัน ขณะที่รัฐบาลพร้อมโยนแพะให้คนนั้นคนนี้ เวลานี้โทษเรื่องโควิดว่าเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ พยายามออกมาแก้ข่าวว่าได้ทำแล้วเรื่องวัคซีนแต่ของยังไม่มาเอง

ส่วนหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลทู่ซี้อยู่ได้คือไม่มีม็อบใหญ่ ที่จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลตบะแตก ม็อบวันนี้เกิดได้ช่วงสั้นๆ เพราะสถานการณ์ทำได้แค่นี้ รัฐบาลก็อาศัยกฎหมายไล่บี้ฝ่ายตรงข้าม

ดาราและคนดังที่ออกมาคอลเอาต์ก็ทำได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เพราะดาราฝ่ายฮาร์ดคอร์จะเอาเวลามาทะเลาะได้ทุกวันมีแค่ไม่กี่คน ประกอบกับรัฐบาลตั้งหลักได้ ส่งสัญญาณแล้วว่าให้ถอย อย่าไปเล่นกันคนกลุ่มนี้

ในขณะที่ผู้ประกอบการและนายทุนเป็นกลุ่มที่เสียงดังพอ เห็นจากการเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูง 40 บริษัท แสดงว่ารัฐบาลกังวลกับกลุ่มทุนเป็นหลัก ไม่ได้กังวลกับชาวบ้าน ข้อสรุปที่ออกมาเรารู้กันอยู่แล้ว และยังเป็นการเช็กเสียงว่าแรงหนุนจากฝ่ายกลุ่มทุนยังมีอยู่ หรือเปล่า ถ้าเรียกประชุมแล้วมาร่วมแสดงว่ายังไว้ใจและฟังกันอยู่

หากรัฐบาลจะอยู่คงไม่มีแรงอะไรต้านเขาได้ ยกเว้นกลุ่มทุนจะทนไม่ไหว ออกมาคอลเอาต์จะดังกว่ากลุ่มดารา คนดังทั้งหลาย แต่คงเป็นไปได้น้อยหรือไม่ได้เลย

สุขุม นวลสกุล
อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง

นายกฯพูดเช่นนั้น เป็นการท้าทายว่า ถึงคุณทิ้งผม แต่ผมก็ยังอยู่ได้ พร้อมมีนัยยะในคำพูดว่านายกฯ เองก็ยังไม่ยอมปล่อยวางจากตำแหน่ง อีกทั้งถ้าใครทิ้งผมพวกคุณก็ต้องหาวิถีทางอื่น และผมจะไม่ง้อพวกคุณด้วย ดังนั้นแล้วทั้งพรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์จึงยังยืนยันว่ายังอยู่ เชื่อว่าไม่ไปไหนแน่เพราะทั้ง 2 พรรคยังอยากเป็นรัฐบาล

หรือถ้ารัฐบาลถูกทิ้งจริงๆ ก็ต้องยอมรับแล้วก็หาทางใหม่ แต่เชื่อได้ว่าไม่มีทางถูกทิ้ง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เปิดทางให้เขาอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีทางที่พรรคอื่นจะมาเป็นรัฐบาลได้

ต้องไม่ลืมว่าการเลือกผู้แทนของไทยทุกวันนี้ไม่ได้เลือกเฉพาะที่เป็นนักวางโครงการ แต่เลือกเพราะเป็น เจ้าที่ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในพื้นที่ อุปการะอุปถัมภ์คนไว้เยอะ สังคมเรายังเป็นสังคมต้องพึ่งพากัน เห็นได้จากการเลือกตั้งซ่อมในหลายๆ พื้นที่ ที่พรรครัฐบาลก็ชนะเลือกตั้งได้

แม้วันนี้ทั้งสองพรรคยังไม่ถอนตัว ระหว่างนี้รัฐบาลอยู่อย่างกระเสือกกระสน แต่คนที่ออกมาขับไล่อยู่นอกสภาตอนนี้ก็มีปัญหาอุปสรรค รัฐบาลถึงจะไล่อย่างไรก็จะยังอยู่แบบนี้ ถึงไปแล้วก็ยังจะกลับมาได้

เพราะทุกอย่างมันเอื้อเขาหมด ทั้งการเขียนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และการใช้อำนาจของกลุ่มข้าราชการเก่าของเหล่ากองทัพ

ทุกวันนี้นโยบายประชานิยมทั้งนั้นที่ออกไป วันนี้หลายคนที่ไม่เคยสัมผัสเงินจากประชานิยมก็ได้แล้ว ล่าสุด กลุ่มนักศึกษาก็กำลังจะดีใจได้ลดค่าเทอม ซึ่งการทำแบบนี้ถือเป็นการเพิ่มคะแนนความนิยมของเขาได้

ส่วนที่มีกระแสกดดันเพิ่มขึ้นจากประชาชน และเหล่าคนดังออกมาคอลเอาต์นั้น เข้าใจว่าอาจมีน้ำหนักบ้างแต่ไม่มาก เพราะยังมีกลุ่มประจบประแจงที่มีส่วนช่วยให้บางเรื่องที่คนดังออกมาพูดแล้วไม่ค่อยมีน้ำหนัก แล้วสุดท้ายก็ไม่ถึงขั้นทำให้รัฐบาลล้มได้

คนทั้งบ้านทั้งเมืองออกมาโห่ไล่พร้อมกันก็ยังไม่สามารถทำอันตรายอะไรกับรัฐบาลได้ ก็แค่จะมีผลให้มีคนเกลียดหรือไม่พอใจรัฐบาลเพิ่มมากขึ้นเท่านั่นเอง สุดท้ายรัฐบาลก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะเข้าใจว่าเมื่อมีคนชังก็ยังมีคนรัก

ท้ายที่สุดแล้ว 2 พรรคไม่ไปไหนแน่ เพราะด้วยการเขียนกฎหมายล้อมรอบการล้มของรัฐบาล อีกด้วยสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเองไม่สามารถทำอะไรให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้มากเท่าเมื่อครั้งในอดีต แต่ก็มียอมรับว่าด้วยสถานการณ์เช่นนี้รัฐบาลอยู่ได้แต่อยู่แบบกระเสือกกระสน

สถานการณ์ไม่ได้ทำให้รัฐบาลล้ม หรือถึงขั้นยุบสภาได้ เพราะแม้ที่สุดแล้วมีการยุบสภาจริงๆรัฐบาลชุดที่อยู่นี้ก็ยังได้เปรียบอยู่ดี

ในส่วนของภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์คงไม่ต้องถึงกับถอนตัว แต่ต้องรู้ว่าอยู่ไปก็ไม่เติบโตเท่านั้นเอง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน