ผ้าอาบน้ำฝน

อยากทราบที่มาของการถวายผ้าอาบน้ำฝนให้พระสงฆ์ช่วงเข้าพรรษา

ยายสุข

ตอบ ยายสุข

ย้อนไปสมัยพุทธกาล พบผู้ถวายผ้าอาบน้ำฝน คนแรกคือ นางวิสาขา มหาอุบาสิกา

ผ้าอาบน้ำฝน หรือ ผ้าวัสสิกสาฎก คือผ้าเปลี่ยนสำหรับสรงน้ำฝนของพระภิกษุ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากเครื่องใช้สอยตามพุทธานุญาตที่ให้มีประจำตัวเพียง อัฏฐบริขาร ได้แก่ สบง-ผ้านุ่ง, จีวร-ผ้าห่มคลุม, สังฆาฏิ-ผ้าห่มซ้อน (ผ้า 3 ผืน รวมเรียกว่า ไตรจีวร) เข็ม บาตร รัดประคด หม้อกรองน้ำ และมีดโกน

ยามจำพรรษาเป็นช่วงหน้าฝน พระภิกษุสงฆ์ที่มีเพียงสบงผืนเดียวจะอาบน้ำฝนจึงจำเป็นต้องเปลือยกาย ทำให้ดูไม่งาม และเหมือนพวกนอกศาสนา นางวิสาขามหาอุบาสิกาจึงคิดถวาย ผ้าวัสสิกสาฎก หรือผ้าอาบน้ำฝน เพื่อให้พระสงฆ์ได้ผลัดเปลี่ยนกับสบง จนเป็นประเพณีทำบุญสืบต่อมาถึงปัจจุบัน

ครั้งนั้น พระศาสดาประทับ ณ พระเชตวันมหาวิหาร นางวิสาขาได้ทูลอาราธนาพระองค์และหมู่สงฆ์ไปฉันที่บ้านในวันรุ่งขึ้น ครั้นรุ่งเช้า เกิดฝนตกใหญ่ พระศาสดาจึงรับสั่งให้ภิกษุทั้งหลายสรงสนานกายเสียก่อน ภิกษุทั้งหลายก็เปลือยร่างออกมาอาบน้ำฝน

พอดีกับนางวิสาขาสั่งให้นางทาสีไปนิมนต์ภิกษุมารับภัตตาหาร เมื่อนางทาสีไปถึงวัดเห็นกลุ่มชายเปลื้องผ้าอาบน้ำฝนอยู่ จึงกลับไปรายงานว่าในอารามมีแต่พวกชีเปลือย (อาชีวกนอกพระพุทธศาสนา) ไม่มีภิกษุ นางวิสาขาเป็นสตรีที่ฉลาดรู้แจ้งในเหตุการณ์ทั้งปวง เมื่อถวายภัตตาหารแก่พระสงฆ์มีพระศาสดาเป็นประมุขในวันนั้นแล้ว จึงทูลขอพร 8 ประการ ซึ่งพระศาสดาทรงอนุญาต

ขอถวายผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) แก่พระสงฆ์เพื่อปกปิดความเปลือยกาย, ขอถวายภัตแด่พระอาคันตุกะ เนื่องจาก พระอาคันตุกะไม่ชำนาญหนทาง, ขอถวายคมิกภัตแก่พระผู้เตรียมตัวเดินทาง เพื่อจะได้ไม่พลัดจากหมู่เกวียน, ขอถวายคิลานภัตแก่พระอาพาธ เพื่อไม่ให้อาการอาพาธกำเริบ

ขอถวายภัตแก่พระผู้พยาบาลพระอาพาธ เพื่อให้ท่านนำคิลานภัตไปถวายพระอาพาธได้ตามเวลา และพระผู้พยาบาลจะได้ไม่อดอาหาร, ขอถวายคิลานเภสัชแก่พระอาพาธ เพื่อให้อาการอาพาธทุเลาลง, ขอถวายยาคูเป็นประจำแก่สงฆ์ และขอถวายผ้าอุทกสาฎก (ผ้าอาบน้ำ) แก่ภิกษุณีสงฆ์เพื่อปกปิดความไม่งามและไม่ให้ถูกเย้ยหยัน

เพราะเห็นว่าพระสมณศากยบุตรควรจะ “เรียบร้อย” กว่านี้ นางวิสาขาจึงเป็นอุบาสิกาคนแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์

ผ้าอาบน้ำฝนถือเป็นบริขารพิเศษที่พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระสงฆ์ได้ใช้แต่ต้องทำให้ถูกต้องตามพระวินัยปิฎก มิเช่นนั้นจะต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ โดยต้องทำผ้ายาว 6 คืบพระสุคต กว้าง 2 คืบครึ่ง มาตราปัจจุบันคือ ยาว 4 ศอก 3 กระเบียด กว้าง 1 ศอก 1 คืบ 4 นิ้ว 1 กระเบียดเศษ

พระพุทธเจ้ายังได้ทรงวางกรอบเวลาในการแสวงหาผ้าอาบ น้ำฝนไว้ 3 เขตกาล คือ เขตกาลที่จะแสวงหา ช่วงปลายฤดูร้อน ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 7 ถึงวันเพ็ญเดือน 8 รวมเวลา 1 เดือน, เขตกาลที่จะทำนุ่งห่ม ช่วงกึ่งเดือนปลายฤดูร้อน ตั้งแต่ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันเพ็ญเดือน 8 รวมเวลาประมาณ 15 วัน และเขตกาลที่จะอธิษฐานใช้สอย ช่วงเข้าพรรษา ตั้งแต่แรม 1 ค่ำ เดือน 8 ถึงวันเพ็ญเดือน 12 รวมเวลา 4 เดือน

หากพระสงฆ์แสวงหาผ้าอาบน้ำฝนมาภายนอกกำหนดเวลา ดังกล่าว จะต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน