คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ปลุกใจเพื่ออะไร
ระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อต้นสัปดาห์ มีรองนายกรัฐมนตรีหยิบยกกรณีภาคเอกชน ศิลปิน นักร้อง โปรดิวเซอร์กลุ่มหนึ่ง นำเพลงปลุกใจในอดีตมาทำเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งกำลังเผยแพร่ โซเชี่ยลมีเดียอยู่ในขณะนี้
โดยเสนอว่าการนำเพลงปลุกใจมาทำใหม่ดังกล่าว รัฐบาลไม่ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดทำ เป็นเรื่องของภาคเอกชนดำเนินการกันเอง
จึงอยากเสนอให้กระทรวงวัฒนธรรมเข้ามาดูแล เผื่อรัฐบาลจะได้เพลงแบบนี้บ้าง ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมตอบสนองว่ากำลังทำโครงการนำเพลงปลุกใจยุคเก่ามาทำใหม่เหมือนกัน
คำถามคือมีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร ต้องรื้อฟื้นเพลงปลุกใจรักชาติในช่วงนี้ และจะช่วยแก้ปัญหาอะไร
เพลงปลุกใจชาตินิยมเป็นผลพวงหลังสงครามโลก การรบราฆ่าฟัน เรื่อยมาถึงยุคสงครามเย็น ชาติมหาอำนาจยักษ์ใหญ่แบ่งฝ่าย แข่งขันแสดงอำนาจทางการทหารการเมือง
ขณะที่ไทยก็ได้รับอิทธิพลและค่านิยมดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นนำไทย อนุรักษนิยมสุดโต่ง ผลิตเพลงปลุกใจโฆษณาชวนเชื่อ ปลุกระดมความเกลียดชังอีกฝ่าย เพื่อปราบปรามกวาดล้างฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ฝ่ายก้าวหน้าทางความคิด
ดังสมัยรัฐบาลต่อสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์ การสังหารหมู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 การปราบปรามผู้ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 รวมทั้งสร้างกระแสเอาผิดกลุ่มคนคิดต่างด้วยกฎหมายที่เป็นปัญหาในระดับสากลด้วย
ปัจจุบันก็ยังมีความพยายามปลุก ระดมด้วยบทเพลงที่เป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์
กรณีเอกชนนำมาปัดฝุ่นใหม่ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาประวัติศาสตร์บาดหมาง การรบ การรวบรวมแผ่นดิน พลีเลือดเนื้อชีวิต เชื้อชาติเผ่าพันธุ์ยิ่งใหญ่ เจริญผุดผ่อง ศิวิไลซ์กว่าผู้อื่น ดูจะไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม และความคิดผู้คนพลเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแล้ว
โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มสาวในวันนี้ มีข้อมูล มุมมอง ทัศนะต่อความรักชาติบ้านเมือง ความเป็นห่วงอนาคตตนเองแตกต่างไปจากเนื้อหาในเพลงปลุกใจ ที่ล้าหลังและตกยุคสมัยไปแล้ว
ด้านรัฐบาลที่แสดงท่าทีสนับสนุนงบประมาณช่วยเหลือภาคเอกชน และกำลังพิจารณาจัดทำ เป็นโครงการเอง ต้องใคร่ครวญถี่ถ้วนมีความจำเป็นหรือไม่
นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว ยังสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ และผลิตซ้ำเพื่ออะไร