แม้จะให้สัมภาษณ์กันเสียงแข็งว่า ผลการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. ไม่เกี่ยวกับเรตติ้งรัฐบาล เป็นแค่การ เลือกตั้งในจังหวัดเดียว ไม่สามารถวัดผลทั่วประเทศไทยได้ แต่ไม่ทันไรก็เกิดการเคลื่อนไหวในพรรคพลังประชารัฐ เขย่าไปถึงพรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่แตกตัวออกไป
โดยมีทั้งหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยและกรรมการบริหารพรรคลาออกจากตำแหน่งจนอลหม่าน
แต่เบื้องหลังเชื่อมโยงมาจากความพยายามของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องการให้ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และส.ส.กลุ่มนี้ กลับเข้าพลังประชารัฐอีกครั้ง
เพื่อหวังจะกู้ภาพพลังประชารัฐให้กลับมาเข้มแข็ง
ไปจนถึงกู้วิกฤตเสียงสนับสนุนรัฐบาลในสภา
เพราะสภากำลังจะเปิดสมัยประชุม ร่างพ.ร.บ. งบประมาณฯ รออยู่ การอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรออยู่!!
อีกส่วนหนึ่งย่อมเป็นผลสะเทือน มาจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.และส.ก. อย่างปฏิเสธไม่ได้
คะแนนแบบถล่มทลายที่เลือกนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ซึ่งแม้จะเป็นผู้สมัครอิสระ
แต่อดีตคือเพื่อไทย และเป็นคนในฝั่งประชาธิปไตยชัดเจน
ไปจนถึงการที่พรรคเพื่อไทยได้ 20 ส.ก. ก้าวไกลได้ 14 ส.ก. ไทยสร้างไทยได้มา 2 ส.ก. ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลนั้น ประชาธิปัตย์ได้ 9 และพลังประชารัฐได้ 2
ความนิยมของคนกรุงที่มีต่อฝ่ายค้าน กับที่มีต่อฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะต่อพลังประชารัฐ ไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ
แบบนี้แล้วพลังประชารัฐ จะไม่ต้องทบทวนตัวเอง ปรับแก้ตัวเองอย่างเร่งด่วนได้อย่างไร
แต่สิ่งหนึ่งที่คงจะแก้ได้ยากเย็นนัก ก็คือ ผลงานของรัฐบาล ที่กระทบต่อความนิยมในพลังประชารัฐอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนจะเดินเข้าคูหากาบัตรเลือกตั้งกทม.นั้น ชาวบ้านทุกคนอ่วมอรทัยกับน้ำมันแพง หมู เห็ด เป็ด ไก่ แพง อะไรต่อมิอะไรแพงไปหมดทุกอย่าง!?!
โดยที่ผู้นำรัฐบาลบอกได้เพียงแค่ ช่วยกันประหยัด ลดการใช้รถใช้น้ำมัน เปิดแอร์ให้เบาลง
แล้วเมื่อฟังวิสัยทัศน์ของนายชัชชาติ ในการพูดถึงปัญหาท้องถิ่นกทม.
แล้วฟังวิสัยทัศน์ผู้นำรัฐบาลปัจจุบัน ในปัญหาสินค้าแพง
นอกจากจะรีบไปเลือกชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ แล้ว ยังต้องเลือกพรรคฝ่ายค้านเป็นส.ก.ด้วย
แล้วตอนเลือกตั้งใหญ่ เลือกส.ส.ทั่วประเทศในอีก ไม่กี่เดือนข้างหน้า
ถ้าผลงานรัฐบาลยังได้แค่นี้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ
จากแลนด์สไลด์กทม. หนต่อไปคงเป็นแลนด์สไลด์ทั่วประเทศ!
วงค์ ตาวัน
