“รังสิตโมเดล” ผลงานของหน่วยวิจัยและออกแบบเพื่อคนทั้งมวล คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) จากประเทศไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศ “The winner of universal Design Competition” ประจำปี 2565 ประเภท Expert จากสถาบัน Institute of universal design ประเทศเยอรมนี ในฐานะผลงานที่สร้างแรงขับเคลื่อนและเป็นประโยชน์ต่อคนทุกกลุ่มได้จริง โดยการแข่งขันดังกล่าวมีมานานกว่า 10 ปี และในปี 2565 มีตัวแทนประเทศเข้าร่วมกว่า 10 ประเทศ อาทิ เยอรมนี อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ฯลฯ
รศ.ดร.ชุมเขต แสวงเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์รังสิตด้านกายภาพ มธ. เปิดเผยว่า ผลงานนี้เป็นการนำงานบริการสังคมมาถอดบทเรียนเป็นโมเดลการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการและผู้สูงอายุ หรือที่เรียกว่า “รังสิตโมเดล” โดยเน้นการออกแบบด้วยกระบวนการมีส่วนร่วม ผ่านแผน กลไก และการปฏิบัติ ด้านกายภาพ ตั้งแต่บ้าน ระบบขนส่งมวลชน ไปจนพื้นที่สาธารณะ ในพื้นที่เทศบาลนครรังสิต
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาการดำเนินการกว่า 15 ปี เกิดผลกระทบในการปรับบ้าน 178 หลัง ตลอดจนการปรับพื้นที่สาธารณะ และการนำไปสู่การกำหนดเป็นนโยบายของเทศบาลนครรังสิต และถ่ายทอดรับไปปฏิบัติในองค์กรปกครองท้องถิ่นอื่นๆ ตลอดจนเผยแพร่ในระดับนานาชาติ
ในส่วนของจุดเริ่มต้นรังสิตโมเดล มาจากงานบริการวิชาการสู่สังคมเมื่อปี 2550 โดยได้ลงพื้นที่เทศบาลนครรังสิตเพื่อดำเนินการปรับสภาพแวดล้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ ด้วยการใช้แนวคิดที่ว่า พื้นที่ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทางจะต้องรองรับการใช้งานผู้คนได้ทุกกลุ่ม จากนั้นได้นำแนวคิดเรื่องการออกแบบเพื่อคนทั้งมวล (universal design) เข้ามาประยุกต์ใช้ ทั้งในระดับนโยบายไปจนถึงการปฏิบัติจริง จนในปี 2555-2556 ได้ถอดบทเรียนจากแนวคิดดังกล่าวออกมาเป็นรังสิตโมเดล และในปี 2557 นำเสนอในงาน The 5thInternational Conference for Universal Design ที่ประเทศญี่ปุ่น และได้รับรางวัลผลงานวิชาการดีเด่นระดับดีมาก ในการสัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 9 ประเทศไทย
กระบวนการมีส่วนร่วมที่เกิดขึ้น ประกอบด้วย 4 ภาคีหลักในการขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ ได้แก่ เจ้าของพื้นที่ (Owner) ผู้ที่จะไปใช้งาน (User) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. (Local government) และหน่วยงานสนับสนุน (Support) เช่น คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สังคมสงเคราะห์ศาสตร์ และสาธารณสุขศาสตร์
โดยรังสิตโมเดลถือเป็นการขับเคลื่อน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 11 เมืองและถิ่นฐานมนุษย์อย่างยั่งยืน ในการทำให้เมืองน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และเป้าหมายที่ 10 ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำ (Reduced Inequality) โดยช่วยให้คนมีความเท่าเทียมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
จากการคำนวณบทบาททางสถิติของรังสิตโมเดลและหน่วยวิจัยที่ผ่านมา พบว่ามีที่อยู่อาศัยที่ได้รับการปรับปรุงจำนวน 178 หลัง และการอบรมจากหน่วยวิจัยมีคนที่ได้ประโยชน์ไม่น้อยกว่า 1 แสนคน รวมถึงการออกแบบบ้านตัวอย่างอยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตรอีกจำนวน 2 หลัง และมีผลกระทบต่อสังคมโดยประเมินผลตอบแทนทางสังคม (Social Return on Investment : SROI) จากการดำเนินโครงการในพื้นที่ พบว่า การบูรณาการงบประมาณที่ได้ลงทุนไป 1 บาท จะได้ผลตอบแทนทางสังคมกลับมา 10.04 บาท
ปัจจุบันพื้นที่ท้องถิ่นใกล้เคียงมีการรับรังสิตโมเดลไปเป็นแนวคิดเรื่องการออกแบบในการวางแผนนโยบายเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
“เรื่องของสภาพแวดล้อมไม่ใช่แค่เรื่องของอาคารสถานที่ แต่เป็นเรื่องของคน เมื่อเราเข้าใจคน จะเข้าใจงาน นั่นคือวิธีการแก้ปัญหาขั้นแรก ซึ่งมิติของคนที่จะทำให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ต้องมีทั้งเรื่องของสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสภาพแวดล้อมเคลื่อนไปพร้อมกัน” รศ.ดร.ชุมเขตกล่าวถึงคอนเซ็ปต์ที่ทำให้คว้าแชมป์ครั้งนี้