‘เกรต้า’ อิลลูมินาติ :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

เกรต้า ธุนแบร์ก Climate Idol จากสวีเดน ขึ้นกล่าวบนเวทีสหประชาชาติ ร่ำไห้ประณามผู้นำโลกเพิกเฉยต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ

“พวกคุณกล้าดีอย่างไร ที่มาฝากความหวังไว้ที่พวกเรา ขโมยเอาความฝันและวัยเด็กของเราด้วยคำพูดจอมปลอม ระบบนิเวศกำลังล้มครืน เรากำลังจะสูญพันธุ์ แต่พวกคุณกลับพูดกันแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ… พวกคุณมันคือปีศาจ”

บางคนมองว่าก้าวร้าวรุนแรง เด็กไม่ปกติ แต่ลองคิดในมุมเด็กอายุ 16 ที่จะมีชีวิตในโลกอีก 60-70 ปี โดยไม่รู้ว่าภูมิอากาศจะเปลี่ยนไปขนาดไหน จะเจอมหันตภัยอะไรบ้าง มันก็สมควรโกรธไหม ไม่เพียงเกรต้าหรอก คนรุ่นใหม่ทุกคนก็ควรจะโกรธ

แม้แน่ละ นี่เป็นปัญหาใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจได้ง่ายๆ เช่นจะให้หยุดยั้งเศรษฐกิจเสรี การบริโภคล้นเกินเพื่อปั่น GDP ก็เป็นไปได้ยาก แต่ผู้นำโลกควรใส่ใจ ลดปัญหามลภาวะ เช่นการเข้าร่วมและทำตามสนธิสัญญาปารีส ซึ่งทรัมป์กลับถอนตัว

พูดอีกอย่าง ท่าทีแบบเกรต้า น่าสนับสนุนให้เป็นหัวหอกทิ่มแทงมหาอำนาจ คนทั้งโลกควรปรบมือให้ที่เธอเดินทางมาด้วยเรือใบ แม้คนส่วนใหญ่ 99.99% ไม่นั่งเรือใบ

จริงๆ แล้วนั่นคือท่าทีที่ควรจะมีต่อปัญหาโลกร้อน คือเราควรใส่ใจ กดดันให้ผู้นำประเทศต่างๆ ใส่ใจ แต่ขณะเดียวกันก็พึงตระหนักว่า หลายเรื่องมันไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง จำเป็นต้องกระตุ้นการบริโภคแบบ “ชิม ช็อป ใช้”

อันที่จริง ขบวนการต่อต้านโลกร้อนที่ทรงพลัง ส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป ซึ่งเศรษฐกิจดี มีเสรีภาพประชาธิปไตย ให้เคลื่อนไหวกันเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น NGO สุดโต่งเพียงไร แต่คนชั้นกลางชาวไทย ถึงจะอยู่ห่างไกล ก็ชื่นชมประทับใจเกรต้า จนล้นฟีดข่าว ไม่ว่าขั้วไหน พอ ม.ล.ปลื้ม (ผู้มีทัศนะเศรษฐกิจแบบรีพับลิกัน) ว่าเกรต้าถูก “ล้างสมอง” ก็โดนรุมจากทุกฝ่าย

ลองสมมติกันเล่นๆ ถ้าเกรต้าเกิดเป็นคนไทย หรือถ้าเกรต้านั่งเรือใบมาเมืองไทย จะเกิดอะไรขึ้น

นอกจากได้จับมือกับลุงตู่ที่ทำเนียบ (ถ้าเธอไม่ปฏิเสธเสียก่อนนะ) เกรต้าเมืองไทยก็อาจได้เป็นพรีเซนเตอร์ลดถุงก๊อบแก๊บของห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ได้เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของบัตรเครดิต พาไปชมป่าชายเลน หรือไม่ก็โฆษณาพลังงานทดแทน ปั้นลมปั้นแดดเข้าตลาดหุ้น เป็นมหาเศรษฐีในพริบตา

เห็นไหม สังคมไทย รัฐไทย ไม่เป็นปฏิปักษ์กับโลกร้อนเลย โลกสวยอีกต่างหาก คนชั้นกลางรักษ์โลกขับ SUV ไปจิบกาแฟสดถ่ายเซลฟีที่ร้านหรูปลายนา

แต่ถ้าเกรต้าต่อต้าน EEC ม.44 ปลดล็อกผังเมือง ไม่ต้องรอ EIA หรือตั้งข้อสงสัยว่าทำไมไม่มีสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมเหมือนสวีเดน ก็คงเป็นเรื่อง เกรต้าคงกลายเป็นเนติวิทย์ แค่ชื่อก็หมดสิทธิเป็นกรรมการแอมเนสตี้

ยิ่งถ้าเกรต้าทำหูตาขวาง หน้าบูดบึ้ง ขึ้นเวที พวกคุณกล้าดีอย่างไร มาฝากความหวังไว้ที่พวกเรา แต่ยังคุมยุทธศาสตร์ชาติไว้ 20 ปี วางระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม ตั้ง ส.ว.250 คนมาโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ อีก 5 ปี ฯลฯ

เกรต้าก็กลายเป็นอีเด็กออทิสติก ที่โดนล้างสมอง โดยลัทธิอิลลูมินาติ ไปทันที

บางคนบอกว่าไปยุ่งอะไร รักษ์โลก ต้านโลกร้อนไปสิ ไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย รัฐบาล คสช. รัฐบาลนี้ ก็มุ่งมั่นเต็มที่ ในการลดถุงก๊อบแก๊บ และเดี๋ยวก็คงเลิกใช้พาราควอต

นี่คือสังคมไทย รักษ์โลก รักเผด็จการ ไปด้วยกันได้ แถมกลมกลืนกับบริโภคนิยม จนคนชั้นกลางระดับบน บ้านติดแอร์ ขับรถหรู กินอาหารออร์แกนิคในห้าง รู้สึกมีความชอบธรรมที่จะสั่งสอนแม่ค้าข้างถนนให้เลิกใช้ถุงพลาสติก

อันที่จริง มันก็เพี้ยนมาตลอด 13 ปี NGO นักต้านเขื่อน ต้านโครงการของรัฐ ต้านโลกาภิวัตน์ รักวิถีชุมชน นักอนุรักษ์ธรรมชาติ มีความเห็นตรงกันว่า “ระบอบทักษิณ” เป็นตัวแทนทุนนิยมเสรี เน้นความเติบโตของเศรษฐกิจ การบริโภคล้นเกิน เห็นควรจับมือพลังอนุรักษ์นิยม สถาปนาอำนาจแต่งตั้ง ที่พวกตนเข้าไปมีส่วนร่วม เพื่อชะลอการทำลายวิถีชุมชนและชีวิตธรรมชาติ

แล้วผลเป็นไงล่ะ กลายเป็นสร้างรัฐราชการ ชนชั้นนำภาครัฐ จับมือกับทุนประชารัฐ บนสังคมคนชั้นกลางโลกสวย

ขบวนการต้านโลกร้อนในสังคมตะวันตก ก็มีปัญหาแง่นี้เหมือนกัน คือมุ่งต้านเศรษฐกิจเสรี โดยบางกลุ่มก็สุดโต่ง หนุนแนวคิดรัฐอำนาจนิยม ควบคุมเศรษฐกิจและวิถีชีวิตประชาชน จนส่งผลด้านกลับให้พวกขวาจัด อย่างทรัมป์ ขึ้นมาครองอำนาจ

แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่มีชาติใดในโลก ดัดจริตได้กลมกลืน เท่าเผด็จการรักษ์โลก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน