โควิดจากต่างชาติ – คําแถลงของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กรณีพบผู้ติดเชื้อเป็นนายทหารอียิปต์ อายุ 43 ปี เดินทางเข้าประเทศไทย ที่จังหวัดระยอง พร้อมลูกเรือที่มาลำเดียวกัน 10 คน เป็นข่าวที่ไม่น่าสบายใจนัก

สอดคล้องกับผลสำรวจนิด้าโพลที่สำรวจกลุ่มตัวอย่างเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม พบว่า ร้อยละ 41.41 ไม่เห็นด้วยที่จะเปิดให้ต่างชาติเข้าประเทศ เพราะกลัวคนต่างชาตินำเชื้อเข้ามาแพร่ระบาดในประเทศไทย และทำให้เกิดการระบาดรอบสอง

ศบค.ระบุว่า ก่อนหน้านี้ไม่เกิดปัญหากับการจัดการกลุ่มลูกเรือใช้โรงแรมแถวสุวรรณภูมิ แต่กรณีนี้เมื่อมีสายการบินเข้ามาจำนวนมาก ทำให้ลูกเรือมาลงสนามบินอู่ตะเภา

จึงต้องทบทวนการปฏิบัติกันใหม่

กรณีนายทหารอียิปต์และคณะดังกล่าวกำลังเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อกระแสวิตกกังวลของประชาชนเกิดขึ้นแล้ว ย่อมต้องกระทบต่อแนวทางฟื้นฟูการท่องเที่ยว

หลังการแจ้งข่าวของศบค. โรงแรมที่พักและห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในจังหวัดระยองต่างต้องแถลงการณ์เองเพื่อชี้แจงกับประชาชนว่าโรงแรมของตนไม่เกี่ยวข้อง

ขณะที่ประชาชนตั้งคำถามว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่รัฐจึงไม่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนว่า โรงแรมหรือห้างสรรพสินค้าที่มีลูกเรือจากคณะนายทหารอียิปต์ไปพักหรือไปเดินเที่ยวคือที่ใด

เพื่อจะได้รู้ตัวว่าตนเองมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด

การให้ข้อมูลที่ชัดเจนสำหรับรับมือโรคโควิด-19 ระบาดรอบสอง น่าจะเป็นเรื่องที่สำคัญอันดับต้นๆ

หลังจากรัฐบาลจัดการเก็บข้อมูลและการแกะรอยไว้แล้ว ควรนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้เพื่อลดความตื่นตระหนกหรือวิตกกังวลให้ประชาชน

การตีกรอบพื้นที่หรือกลุ่มคนเสี่ยงให้แคบลงและพร้อมสำหรับการล็อกดาวน์เป็นส่วนๆ ไม่ใช่ล็อกทั้งประเทศ เป็นแนวทางที่ประเทศอื่นๆ ใช้มาแล้ว เพื่อป้องกันผลกระทบส่งผลในวงกว้างต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของประชาชน

ลำพังความเสียหายเดิมจากการระบาดรอบแรกก็ทำให้การฟื้นฟูตั้งต้นยากอยู่แล้ว หากต้องแช่แข็งประเทศด้วยความกลัวต่อไป ผลเสียหายนี้จะทำให้อาการป่วยของประเทศทรุดลงอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน