คอลัมน์ บทบรรณาธิการ
ถึงคิวงัด‘ช้อปดีมีคืน’ – รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จนถึงรัฐบาลสืบทอดอำนาจโดยรัฐธรรมนูญที่ออกแบบไว้ให้มีระบอบประชาธิปไตยอยู่บ้าง คือมีส่วนผสมของพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งร่วมกันจัดตั้งขึ้น
ที่ผ่านมา ใช้เงินจำนวนมหาศาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจ กระตุ้นผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศ (จีดีพี) มีการทุ่มนโยบายประชานิยมลงไปในกลุ่มต่างๆ เป็นระยะ แต่น่าสังเกตว่าผลประเมินที่ได้ กลับไม่ประสบความสำเร็จนัก
จริงอยู่ รัฐบาลอาจอ้างได้ว่ามีวิกฤตเศรษฐกิจหลายปัจจัยที่ทำให้หลายแผนงานไม่บรรลุตามเป้าหมาย เช่น ปัญหาทางการเมือง ภัยธรรมชาติ จนมาถึงการระบาดของโควิด-19
แต่ในช่วงการระบาดของโรค ก็ใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ไม่ได้กระเตื้องขึ้นเช่นกัน
ล่าสุดคณะรัฐมนตรี อนุมัติโครงการช้อปดีมีคืน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ครั้งนี้เป็นมาตรการด้านการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปีภาษี พ.ศ.2563
สำหรับผู้ซื้อสินค้าและบริการแก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2563
เป้าหมายคือกลุ่มผู้เสียภาษีในระบบที่จะเข้าใช้สิทธิประมาณ 3.7 ล้านคน แม้รัฐจะสูญเสียรายได้ 14,000 ล้านบาท แต่ก็ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 111,000 ล้านบาท
คาดหวังว่าจะส่งผลดีต่อการบริโภคภายในประเทศ และกระตุ้นจีดีพี ประมาณ 0.30%
ขณะเดียวกันคณะรัฐมนตรีก็เห็นชอบให้ปรับปรุงรายละเอียดของโครงการกำลังใจ และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขยายต่อไปจนถึง วันที่ 31 มกราคม 2564
อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร จำนวน 570 คน และเจ้าหน้าที่หัวหน้างานสาธารณสุขมูลฐานและงานสุขภาพภาคประชาชนระดับจังหวัดและระดับอำเภอ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2,615 คน เข้าร่วมโครงการได้
พร้อมทั้งอนุมัติให้ผู้เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน สามารถใช้บริการโรงแรมที่พักและใช้บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์หรืออี-เวาเชอร์ สำหรับ ค่าสนับสนุนอาหาร ค่าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว ค่าสินค้าโอ็ทอป ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้
กระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ ต้องประเมินอีกครั้ง