คอลัมน์ บทบรรณาธิการ

เติมเงินเยียวยา – ยอดผู้ติดเชื้อโควิดระลอก 3 ในไทย แตะระดับเกิน 1,000 คนต่อวันแล้ว ต้นตอระบาดหลักๆ ยังมาจากสถานบริการบันเทิงผับบาร์ เป็นไปตามที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งข้อสังเกตและคาดการณ์ไว้ เนื่องจากระบาดรอบนี้ส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายพันธุ์อังกฤษ ระบาดค่อนข้างเร็วกว่าสายพันธุ์อื่น

โดยเฉพาะเทศกาลสงกรานต์ มีการเดินทางเคลื่อนย้ายของประชาชนจำนวนมากทั่วประเทศ ทั้งกิจกรรมทางสังคมต่างๆ การรวมหมู่สังสรรค์เฉลิมฉลอง ล้วนเอื้อให้เชื้อแพร่กระจายได้เร็วและมากยิ่งขึ้น

จนขณะนี้ติดเชื้อเกินกว่า 50 จังหวัดแล้ว คาดการณ์ว่าช่วงขาออกกรุงเทพฯ กลับสู่ภูมิลำเนา ยิ่งสุ่มเสี่ยงระบาดหนักแล้ว ช่วงขากลับเข้ากรุงเทพฯ ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

มาตรการล็อกดาวน์พื้นที่จังหวัดสีแดง ดูเหมือนจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว

รัฐบาล โดยศบค.จึงเสนอล็อกดาวน์พื้นที่แพร่ระบาดหนัก หรือพื้นที่สีแดง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงเชียงใหม่ ประจวบคีรีขันธ์ และภาคตะวันออกบางแห่ง เช่น ชลบุรี และเมืองพัทยา

มาตรการหลักคือห้ามเข้า-ออกในพื้นที่จังหวัดควบคุมดังกล่าว

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอมาตรการควบคุมโรคอย่างเข้มข้นมากขึ้น นอกเหนือจากที่ทำไปแล้ว ด้วยการปิดสถานบริการบันเทิง โดยให้เพิ่มการปิดพื้นที่เสี่ยง ยกเลิกกิจกรรมเสี่ยง งดการรวมตัว การทำงานที่บ้าน หรือเวิร์กฟรอมโฮม

นั่นคือมาตรการคุมโรค ล็อกพื้นที่ สกัดกั้นเชื้อแพร่กระจาย

แต่ทว่าขณะนี้ดูเหมือนรัฐบาลยังไม่ให้น้ำหนักเรื่องเยียวยาเศรษฐกิจเท่าที่ควร โดยเฉพาะประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการควบคุมพื้นที่ ยกเลิกกิจกรรมบางประเภท อันจะกระทบต่อปัญหาปากท้องและการทำมาหากิน

นักวิชาการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ ไทย หรือทีดีอาร์ไอ เสนอรัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิดรอบ 3 โดยต้องกู้เงินเพิ่มเติมอีก 2.4 ล้านล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น และรองรับการลงทุนระยะยาว เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันหลังโควิด

เนื่องจากข้อมูลล่าสุดเงินกู้ 1 ล้านล้านบาทจากวิกฤตรอบแรก ตอนนี้เหลือประมาณ 2.5 แสนล้านบาท เพียงพอเยียวยาแค่ 2 เดือนเท่านั้น และจากสถานการณ์มีแนวโน้มลากยาวกว่ารอบแรก

รัฐบาลหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องหาเงินมาเติมเพื่อเยียวยาประชาชนเพิ่ม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน