ได้แต่ตั้งรับ : บทบรรณาธิการ
ได้แต่ตั้งรับ – หลายๆ ครั้งก่อนที่ไทยจะเผชิญสถานการณ์ยากลำบากจากโรคระบาดโควิด-19 เหตุการณ์ที่เกิดในต่างประเทศ ทั้งที่เป็นเพื่อนบ้านในอาเซียน และภูมิภาคๆ เป็นตัวอย่างให้เห็นก่อน
ไม่ว่าการระบาดระลอกใหม่ รวมถึงจากเชื้อกลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา หรือการติดเชื้อในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์แม้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ไปจนถึงการขาดแคลนวัคซีน และวัคซีนบางตัวต้านทานไม่อยู่
เนื้อหาการแถลงข่าวของศบค. ทุกวันนี้พยายามจะนำเสนอว่า ประเทศอื่นๆ ก็เผชิญสถานการณ์ย่ำแย่เช่นกัน ทั้งที่ประเทศเหล่านั้นประสบมาก่อนไทย
แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสารที่ไหลเวียนอย่างรวดเร็วอยู่ทั่วโลกในเชิงรุก กลับรอตั้งรับให้สถานการณ์ยากเย็นเกิดขึ้นแล้วจึงตามแก้ไข
สัปดาห์นี้ ผู้บริหารของศบค. ประเมินว่ายอด ผู้ติดเชื้อรายวันอาจแตะหลักหมื่น เนื่องจากแนวโน้มสัปดาห์ก่อนมีแต่เพิ่มขึ้นในหลายจังหวัด
เรื่องที่น่าวิตกคือสถิติใหม่หรือ ‘นิวไฮ’ ของยอดผู้เสียชีวิตรายวัน
เพราะเมื่อกลุ่มที่มีอาการหนักและจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจมีมากขึ้น ผู้เสียชีวิตก็มีแนวโน้มสูงตามไปด้วย
ความยากลำบากจะตกอยู่กับบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งถึงขณะนี้มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไปด้วย แม้จะฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว
กรณีดังกล่าวมีข่าวสถิติตัวเลขในต่างประเทศให้เห็นชัดเช่นกันว่า บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงประชาชนที่ฉีดวัคซีนชนิดใดแล้ว ยังพบการระบาดสูง อีกทั้งยังมีกรณีถึงขั้นเสียชีวิตด้วยโควิด-19 ด้วย
ฉะนั้น แทนที่จะมัวปกป้องวัคซีนหรือ ผู้ผลิตวัคซีนที่ไทยจัดหามาได้ รัฐบาลต้องเร่งหาทางออกว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ไทยเดินซ้ำรอยประเทศที่เผชิญสถานการณ์ที่น่าวิตกนี้
ข้อเรียกร้องจากผู้ห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ คือรัฐบาลต้องเร่งจัดหาวัคซีนชนิด mRNA ที่มีผลวิจัยและการสำรวจในหลายประเทศ ว่าต้านทานเชื้อกลายพันธุ์ชนิดต่างๆ มาให้คนกลุ่มนี้ก่อน
เพราะความอยู่รอดของบุคลากรทางการแพทย์มีผลต่อความอยู่รอดของประชาชน
รวมถึงเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งเป้าการฉีดวัคซีน ว่าจะให้ได้วันละ 500,000 โดสต่อวัน และให้ได้ 15 ล้านโดสต่อเดือน ล้วนต้องอาศัยบุคลากรทางการแพทย์
ขณะที่ปริมาณวัคซีนที่จัดหามาให้ฉีด อาจไม่ถึง 10 ล้านโดสต่อเดือน ในเดือนก.ค.นี้ ส่วนวัคซีน mRNA กว่าจะมาถึงต้องรอถึงไตรมาสที่ 4
ทางออกของการตั้งรับจึงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่านี้