คอลัมน์ วิเคราะห์การเมือง

จรยุทธ์ ในเมือง จากดินแดง ถึงนางเลิ้ง การทหาร การเมือง

สถานการณ์ “ทะลุแก๊ส” จากสามเหลี่ยมดินแดงได้ขยายไปยัง “แยกนางเลิ้ง”

เหตุปัจจัยอะไรทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้มีแต่ทหารอย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทหารอย่าง พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ เท่านั้นที่จะให้คำตอบได้

เพราะทหาร 2 คนนี้สัมพันธ์กับ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์

รับรู้ประสบการณ์ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อเดินทางไปในพื้นที่ที่เรียกว่า “เซ้นซิทีฟ แอเรีย” ในภาคอีสานและรับรู้อารมณ์ความรู้สึกของ “ชาวบ้าน”

เกิดคำถามว่าทำไม “ชาวบ้าน” เกลียดตำรวจ เกลียดทหาร

บทเรียนของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ คือรากฐาน “การเมืองนำการทหาร”

ในยุค จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร แนวทางของรัฐบาลต่อคอมมิวนิสต์คือแนวทางในการ “ปราบปราม” ใช้กำลังและความรุนแรง

ยกกำลังเข้าไปกวาดล้างใน “หมู่บ้าน” อย่าง เกรี้ยวกราด

ไม่ว่ากำลังของ “ตำรวจ” ไม่ว่ากำลังของ “ทหาร” ยกพยุหโยธาไปในพื้นที่ใดจึงสร้างความเดือดร้อน ทั้งการไล่จับ ไล่ยิงด้วยความรุนแรงแข็งกร้าว

เพราะเป้าหมายคือ บดขยี้ “คอมมิวนิสต์” ให้สิ้นซาก

แนวทาง “การปราบปราม” จึงนำไปสู่สภาพการณ์ที่เรียกว่า “ยิ่งปราบ ยิ่งโต”

คอมมิวนิสต์ที่เคยมีเพียงบางหมู่บ้านบนเทือกเขา ภูพานกลับขยายตัวเติบใหญ่ทั้ง เหนือ ใต้ ตก ออก กลายเป็น “สงครามกลางเมือง” ในขอบเขตทั่วประเทศ

ต่อเมื่อมีการเสนอหลักการ “ต่อสู้” เข้ามาแทน “ปราบปราม”นั้นหรอก

ทิศทางและแนวโน้มของ “คอมมิวนิสต์” ที่เคยมีกระทั่งฐานที่มั่นและการต่อสู้อย่างดุเดือดก็ค่อยๆ หดตัวลงกระทั่งกลายมาเป็น “ผู้พัฒนาชาติไทย” ในที่สุด

นั่นก็เพราะยึดกุมในแนวทาง “การเมืองนำการทหาร”

ไม่ว่าจะเป็นบทเรียนที่ “ชายแดนภาคใต้” ไม่ว่าที่ “ดินแดง” อยู่ในกระสวนคล้ายกัน

ถามว่าการปราบปรามอย่างรุนแรงในภาคใต้ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร ถามว่าการจัดการอย่างรุนแรงแข็งกร้าวในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงเป็นอย่างไร

แทนที่จะจบกลับไม่จบ กลับขยายไปยังนางเลิ้ง อุรุพงษ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน