ฟังเสียงที่ไม่เชียร์ : บทบรรณาธิการ

ถ้อยคำของประชาชนคนหนึ่งที่บอกกับผู้นำประเทศระหว่างลงพื้นที่ว่า ถ้านายกฯ ทำงานพัฒนาไม่ได้ ขอให้เกษียณไปเร็วๆ เพื่อให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา และไม่มีคำใดไม่สุภาพ

เพียงแต่อาจทำให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งทำหน้าที่อารักขาความปลอดภัยไม่สบายใจ

เพราะการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐมนตรี กลายเป็นการรับรู้ว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดี หลายแห่งถึงขั้นมีกองเชียร์มารอรับ ร้องเพลงหรือตะโกนถ้อยคำให้กำลังใจ

อาจมาจากความดีใจที่พื้นที่นั้นๆ ได้รับเลือกให้ผู้นำมาเยือน จนมีความหวังว่า อาจได้รับความสนใจและได้รับการสนับสนุนงบประมาณการพัฒนาต่างๆ ในอนาคต

ด้านรัฐบาลเองยืนกรานว่า การลงพื้นที่ของผู้นำมีเป้าหมายพบปะพี่น้องประชาชน ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล พบปะเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ เพื่อรับทราบปัญหา และเห็นอุปสรรคด้วยตนเอง

ฉะนั้นรัฐบาลไม่เคยสั่งปิดกั้นการแสดงความเห็นของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด พร้อมรับฟังและชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องตลอดเวลา

แนวนโยบายดังกล่าวนี้จึงน่าจะเป็นเรื่องเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่นตอบสนองให้ตรงเป้าหมายของรัฐบาล

ในที่นี้อาจรวมถึงการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนทางสื่อออนไลน์เพิ่มเติม ไปจนถึงฟังเสียงของกลุ่มผู้ประท้วง กลุ่มเยาวชนนักศึกษามากขึ้น

แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลยืนยันไม่ได้ปิดกั้นการรับฟังความคิดเห็น แต่การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กลับถูกตั้งคำถามถึงความแข็งกร้าวทั้งทางกายภาพและทางกฎหมาย

กรณีแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวพูดวิจารณ์นายกรัฐมนตรีต่อหน้า หากถูกเจ้าหน้าที่เรียกไปพบ ไม่ว่าไปทำประวัติหรือไปพูดคุย อาจถูกมองว่าทำในเชิงตักเตือนไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

ดังนั้นเมื่อรัฐบาลประกาศแล้วว่ายินดีรับฟังและชี้แจง จึงควรตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายต้อนรับการลงพื้นที่ด้วย ว่าปฏิบัติต่อประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมหรือไม่

เพื่อที่รัฐบาลจะได้รับฟังเสียงที่ไม่ใช่เสียงเชียร์ฝ่ายเดียว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน