ก้าวข้ามรสนา :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

รสนา โตสิตระกูล รับยาผิดช่องหรือเปล่า เห็นผู้นำสองเกาหลีจับมือข้ามพรมแดน ก็เรียกร้องให้เหลืองแดงก้าวข้ามทักษิณ-คสช. มาจับมือกันมั่ง แหม่ เรายังไม่ได้แยกประเทศกันเลย จำเป็นอะไรต้องก้าวข้าม
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้พันเบิร์ดจูงน้องเกี่ยวก้อยเดินเที่ยวสยามดีกว่ามั้ง เห็นท่านบอกว่าปรองดองมาถูกทางแล้ว ถ้าไม่ถูก ก็ต้องมีเสื้อแดงเสื้อเหลืองออกมาชุมนุม

ถูกแหงแก๋เลย ไม่ยักมีใครออกมาชุมนุม วันเดียวกันที่ท่านพูด ก็มีรถฮัมวี่ไปเยี่ยมบ้านคนอยากเลือกตั้ง แม้กระทั่งพีมูฟ ไม่มีสี ยังถูกทหารคุมตัว โดยอ้างคำสั่งปราบอิทธิพล

รสนาคงตั้งใจดี แต่พูดไปก็ไลฟ์บอย ไม่มีคนฟัง แม้ บ.ก.ลายจุดขานรับ แต่เสื้อแดงร้องยี้ ส่วนเสื้อเหลืองนกหวีด ก็ฟังป้าแค่ตอนด่าทักษิณเท่านั้น เรื่องก้าวข้าม ไม่มีใครสนหรอก

พูดอย่างนี้ไม่ใช่ไม่ให้ค่า ต้องชมว่าระยะหลัง รสนาก้าวหน้าขึ้น (ฮา) เช่นติงตำรวจตั้งข้อหาคนอยากเลือกตั้งรุนแรงเกินกว่าเหตุ ซึ่งผมเคยเอามาเขียนถึง

ท่าทีของรสนา ก็เข้าใจอยู่นะ ว่ากำลังทุรนทุราย เหลืออดเหลือทนกับผู้มีอำนาจ จนอยากเห็นคนสองสีก้าวข้าม ร่วมกันสร้างฟ้าสีทองผ่องอำไพ แต่ไร้เดียงสาไปไหม ตัวเองเพิ่งเป็น สปช. “รับค่ะ” อยู่หลัดๆ แถมพูดผิดอีกต่างหาก ชวนก้าวข้ามทั้งที่ตัวเองยังก้าวไม่พ้น

รสนาพูดผิดตรงไหน ผิดตั้งแต่ต้นจนจบ ที่ว่านักเลือกตั้งกับนักรัฐประหารไม่ต่างกัน ประชาชนสองฝ่ายเป็นเพียงนั่งร้าน และต่างก็สูญเสีย

ถามจริง ใครสูญเสีย ใช่ละ เสื้อเหลืองนกหวีดมีเจ็บตาย แต่ไม่เท่า 99 ศพกระสุนจริง ที่คดียังเคว้งคว้าง แล้วฝ่ายไหนกัน ติดคุกหัวโตไม่เว้นแกนนำหรือชาวบ้าน ขณะที่พวกปิดสนามบิน ชัตดาวน์ ขัดขวางเลือกตั้ง ยังลอยนวล (จนคงจะแก่ตาย)

โปรดอย่าใช้คำว่าต่างก็สูญเสีย ทั้งที่มีคำว่าสองมาตรฐาน

รสนาบอกว่านักเลือกตั้งนักรัฐประหารไม่ต่างกัน ประยุทธ์ไม่ต่างจากทักษิณ? พูดอย่างนี้ สลิ่มไม่ฟังหรอก ลุงตู่คนดีจะตาย

รสนามองยังไงว่าไม่ต่าง ระบอบประชาธิปไตยที่รัฐบาลมาจากเลือกตั้ง มีหลักประกันสิทธิเสรีภาพ มีการถ่วงดุลอำนาจ กับระบอบเผด็จการ ที่หัวหน้ารัฐประหารออกคำสั่งเป็นกฎหมาย แถมนิรโทษตัวเองได้ สถานการณ์วันนี้ ที่พวกนกหวีดส่วนหนึ่ง ออกมาแถไถว่าเผด็จการทหารกับเผด็จการรัฐสภาไม่ต่างกัน แม้ดูเหมือนเป็นแนวร่วม แต่ก็ไม่มีทางจับมือกับคนรักประชาธิปไตยได้ เพราะคนที่พูดอย่างนี้ โดยธาตุแท้ไม่ต้องการประชาธิปไตย เพียงพูดฟอกตัวเองให้เป็นพระเอกนางเอกที่ต่อต้านทั้งสองอย่าง

เราจึงเห็นเสื้อเหลืองนกหวีดบางส่วน ฮึดฮัด คสช. แต่ก็ลอบกัด เหยียดหยาม ให้ร้ายคนรักประชาธิปไตย แม้แต่คนรุ่นใหม่กลุ่มอยากเลือกตั้ง ว่าตกเป็นเครื่องมือนักการเมือง เพราะยอมรับไม่ได้ ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด

รสนายังพูดผิด ที่ว่าประชาชน 2 ข้างเป็นเพียงนั่งร้าน ไม่ใช่นะครับ พวกเป่านกหวีดล้มเลือกตั้งไม่ใช่นั่งร้าน อย่าไปดูถูกเขา จุดยืนของคนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ที่กำลังจะมีหนังสารคดี “เราเป็นยอดมนุษย์” How We Became Superheroes Shutdown Bangkok ออกฉายอย่างภาคภูมิใจ ก็คือไม่เอาระบอบประชาธิปไตยที่ “เห็นคนเท่ากัน” เลยต่างหาก

คนชั้นกลางเห็นใจคนจน บริจาคผ้าห่มถุงยังชีพ แต่ยอมไม่ได้ที่จะให้ “คนชั้นต่ำไร้การศึกษา” มีสิทธิเลือกรัฐบาล 1 เสียงเท่ากัน โดยเฉพาะเมื่อเกิด “ประชาธิปไตยกินได้” รัฐบาลที่คนชั้นสูงชั้นกลางเกลียดชัง ครองใจคนเหนือคนอีสานชนะเลือกตั้งท่วมท้น จนต้องพึ่งรัฐประหารตุลาการภิวัตน์โค่นล้ม ครั้นคนชนบทไม่ยอมเป็นเบี้ยล่าง ใส่เสื้อสีแดงเลือด มาทวงสิทธิเสียงข้างมากเลือกรัฐบาล คนชั้นกลางในเมืองก็เกลียดชังเป็นพวกเผาบ้านเผาเมือง

ความเกลียดชังของคน 2 ข้างไม่ใช่เพราะเป็นนั่งร้าน แต่มาจากสำนึกทางชนชั้น คนชั้นกลางเสียงข้างน้อยต้องการรัฐบาล “คนดี” ถูกจริต คนชั้นล่างเสียงข้างมากต้องการรัฐบาลที่มีนโยบายสนองผลประโยชน์ตน

มันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะก้าวข้ามได้ง่ายๆ ถ้าไม่ยอมรับกติกาประชาธิปไตย ที่อำนาจมาจากเสียงข้างมาก แต่มีหลักถ่วงดุลมีการกระจายอำนาจมีเสรีภาพเสียงข้างน้อย

การจะก้าวข้ามได้ จึงต้องใช้เวลาพิสูจน์ ว่าใครกันแน่คิดผิด เลือกเดินทางผิด แล้วยอมรับผิด ซึ่งความจริงก็เห็นกันแล้ว อยู่ที่จะยอมรับไหม

ปัดโธ่ ถ้าไม่เห็นคาตาก็คงไม่ออกมาทุรนทุราย เพียงแต่ไม่ยอมรับเท่านั้นเองว่ารับยาผิด ยังเกี่ยงว่าคนอีกฝ่ายก็ผิดเหมือนกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน