ลุงตู่-ห้ามตาย

ใบตองแห้ง

สงกรานต์ปีนี้ ขับรถกลับบ้านระวังให้ดีนะครับ ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ แต่ระวังโดนใบสั่ง อย่ามัวรื่นเริงสนุกสนาน เดี๋ยวใบสั่งมาถึงบ้าน ต้องจ่ายค่าปรับอาน

รัฐบาลหวังดี ลุงตู่ออก ม.44 เพื่อความปลอดภัยของ ลูกหลาน บังคับรัดเข็มขัดทุกที่นั่ง พร้อมเซลฟีเป็นตัวอย่าง (แต่ใครจะบ้าให้รัดเข็มขัดในรถสองแถว สมองขอให้คิดบ้าง ปัดโธ่)

ว่าตามความเป็นจริง คำสั่งรัดเข็มขัดไม่ทำให้ใครเดือดร้อน รู้จักคนไทยเสียมั่ง ปัดโธ่ คนที่รักความปลอดภัยก็จะปฏิบัติตามท่านผู้นำ คนไม่แยแสสนใจก็รัดมั่งไม่รัดมั่ง ไม่ว่ารถเก๋ง รถตู้ รถโดยสาร เห็นด่านตรวจอยู่ข้างหน้าค่อยรัด ถ้าขับปกติตำรวจจะไปส่องจับได้ไง รถสมัยนี้ติดฟิล์มทึบเป็นส่วนใหญ่ โทรศัพท์ขับรถเล่นเฟซเล่นไลน์ยังจับไม่ได้เลย

ถ้าจะมีปัญหาบ้าง คือรถเก่าที่ไม่มีเข็มขัดด้านหลัง แต่อธิบดีขนส่งฯ ก็บอกว่า ให้ยึดตามประกาศกรม ที่บังคับรถ จดทะเบียนตั้งแต่ปี 2554 ต้องมีเข็มขัดด้านหลัง แปลว่ารถ ที่ยังไม่มีเข็มขัดก็ไม่เป็นไร (แต่ไม่รู้ตำรวจตีความตรงกันไหม เพื่อความปลอดภัยจากใบสั่ง ยอมเสียตังค์ติดเข็มขัดดีกว่า)

ไปๆ มาๆ หวยกลับออกที่รถกระบะ ห้ามนั่งด้านหลัง ตำรวจคงตีความว่าท้ายกระบะไม่มีเข็มขัด=ผิด ม.44 นับแต่นี้ คงไม่มีข่าวสะเทือนใจแบบรถกระบะเทกระจาด หรือถูกรถตู้พุ่งชนคนตายเป็นเบือ แบบเมื่อปีใหม่ ซึ่งทำ ให้สถิติเจ็บตายพุ่งเกินหน้าเกินตาปีที่แล้ว ทั้งที่อุตส่าห์ เข้มงวด

สงกรานต์นี้ก็เลยงวดเข้าไปอีก คนตจว.ที่เคยนั่งท้ายกระบะกลับบ้านขากลับบรรทุกข้าวสารอาหารแห้ง คงต้องเปลี่ยน ไปใช้รถตู้ รถโดยสาร หรือไม่ก็ขี่แมงกะไซค์

เอาละ คนส่วนใหญ่คงเห็นด้วยว่ารถกระบะนั่งท้ายซิ่ง บนทางหลวงโคตรอันตราย แต่ถามว่าตามถนนชนบทหรือชานเมืองล่ะ รถกระบะกลายเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตคนไทย (เว้นไว้แต่คนชั้นกลางชาวกรุง) ใช้ตั้งแต่บรรทุกพืชผล เครื่องมือ ขนคน จนไปวัด ไปทำบุญ แห่นาค แห่ขันหมาก และเล่นสงกรานต์

ถามว่าห้ามหมดไหม ฟังโฆษกไก่อูทีแรกเหมือนห้ามหมด แต่ฟังอีกทีก็ไม่แน่ใจ เอาเฉพาะเล่นสงกรานต์ หลังจากถูก Quote คำคม ท่านก็บอกว่าไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่น เจ้าหน้าที่พร้อมอะลุ่มอล่วย ขนโอ่งถังน้ำขึ้นกระบะแล้วจะสาดน้ำ ไปด้วยก็ได้ ถ้าเป็นถนนในชุมชน หรือในโซนที่จัดให้ แต่ อย่าเล่นบนถนนสายหลัก

ส่วนในชนบท ผู้ช่วย ผบ.ตร.ก็บอกว่า การบังคับใช้กฎหมายก็เข้าใจวิถีชีวิตของประชาชน หากแค่นั่งกระบะท้ายเพื่อไปซื้อกับข้าวในหมู่บ้าน หรือในตรอก ซอกซอย ก็ทำได้ ก็เข้าใจ แต่อย่าออกมาบนถนนหลวงที่เสี่ยงอันตราย

จะเอายังไงก็เอาให้แน่นะครับ อย่าให้ตำรวจและประชาชนสับสน ตำรวจสับสนก็จับหมด ประชาชน ก็เสียค่าปรับอย่างงงๆ

เรื่องห้ามรถกระบะนั่งท้าย เป็นประเด็นโต้เถียงมาตั้งแต่ ต้นปี โดยคนชนบท คนใช้รถกระบะ ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะเดือดร้อน แต่คนเมืองขี่เก๋งกลับเป็นฝ่ายผู้หวังดี ห่วงใย กลัวจะเป็นอันตราย

ซึ่งก็น่าสนใจ เพราะคนใช้รถกระบะอาจโต้ได้ว่า ยุ่งอะไรด้วย ชีวิตใครชีวิตมัน

พูดแบบนั้นตะแบงไปไหม ต้องเข้าใจนะว่า มาตรการความปลอดภัยมี 2 ระดับ เมาแล้วขับ, ขับเร็ว ต้องบังคับเข้มงวดเพราะจะทำคนอื่นตายด้วย หมวกกันน็อก, รัดเข็มขัด หรือ ห้ามนั่งท้าย เป็นความปลอดภัยปัจเจก จึงเป็นมาตรการรณรงค์และบังคับใช้ตามความเหมาะสม

เพียงแต่สังคมสมัยนี้มีความรู้สึกว่าคนมันไม่ค่อยรับผิดชอบตัวเองเลย นิสัยเด็ก ต้องมีพ่อมีลุงมาบังคับ “ห้ามตาย” โดยใช้เหตุผลว่าจะทำให้รัฐเดือดร้อน เช่นโฆษกไก่อูบอกว่า เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะตัวเอง ครอบครัว รัฐก็ต้องจ่ายเงินดูแลรักษาด้วย (อ้าง 30 บาทรักษาทุกโรคเลยนะ)

คำถามสำคัญคือ การห้ามไปหมด คุ้มค่าความเดือดร้อนหรือไม่ แล้วห้ามได้จริงหรือไม่ ในตำบลในหมู่บ้านที่ไกลตาตำรวจ ชาวบ้านก็จะยังใช้อยู่ ไม่ต่างจากขี่แมงกะไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อก แล้ววันดีคืนดีตำรวจก็ไปตั้งด่าน

การออกกฎหมายดีๆ ในประเทศนี้ ต้องคำนึงถึงการบังคับใช้ด้วย เพราะถ้ามีกฎหมายมากไปแต่ใช่ไม่ได้จริง หรือใช้ ไม่เท่าเทียม ก็ยิ่งทำให้คนไม่เชื่อกฎหมาย

ไม่ต้องดูอื่นไกล เอพีตีข่าวประจานลูกเศรษฐีขับรถ พุ่งชนตำรวจตายยังลอยนวล โดยญาติคนตายตัดพ้อ “สองมาตรฐาน” แบบนี้ตำรวจจะไปบังคับชาวบ้านได้ไง (หน้า 6)

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน