ครม. ตีตก ฟรีวีซ่า ‘จีน-อินเดีย’ หวั่นด้านความมั่นคง-ทรัพยากรเสียหาย ขอเน้นคุณภาพ
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติไม่เห็นชอบมาตรการยกเว้นวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน และอินเดีย เข้ามาเที่ยวประเทศไทย 15 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่า ตามที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ว่า ในที่ประชุมมีการหารือกันอย่างกว้าง และใช้เวลานานในประเด็นนี้
ซึ่งมีกระแสว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วยกับมาตราการนี้ แต่ไม่ได้ระบุอะไรในที่ประชุม ได้เพียงนั่งรับฟังความเห็นจากรัฐมนตรีคนอื่นๆ โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ แสดงข้อห่วงใยในเรื่องมิติความมั่นคง เนื่องจากจำนวนนักเที่ยวที่จะเข้ามาจำนวนมาก ทำให้เราไม่อาจควบคุมได้ เราไม่ควรดูที่ปริมาณ แต่ควรดูคุณภาพด้วย ซึ่งประเทศต้นทางอาจจะกังวลด้วยว่าคนที่ออกมาแล้วอาจจะไม่กลับเข้าไป เราควรคิดถึงมิตินี้ด้วย
โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ทางด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็มีความห่วงใยในเรื่องของทรัพยากรในประเทศ ที่อาจเสียหาย และปัญหาขยะ ซึ่งนายวราวุธ ได้มีข้อมูลในเรื่องนี้มาชี้แจงที่ประชุม นอกจากนี้ ยังมีข้อห่วงใยในเรื่องคุณภาพในการให้บริการนักท่องเที่ยว และผลกระทบที่จะเกิดจากคนไทยเอง เนื่องจากเมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามาต้องใช้น้ำ ใช้ไฟ ใช้ถนนของเรา เจ็บป่วยก็ต้องใช้โรงพยาบาลของเรา เราจะรองรับไหวหรือไม่
โฆษกรัฐบาลกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อรัฐมนตรีหลายคนได้อธิบาย และชี้แจงในประเด็นปลีกย่อยกันอย่างหลากหลาย และรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้รับฟังจึงเข้าใจ โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ รับฟังทุกความเห็น พร้อมระบุว่าจะต้องนำข้อมูลมาพิจารณาทั้งหมด เพราะเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องของกระทรวงการคลังทั้งหมด แต่ถ้ามีประเด็นที่ทำให้มีความเสี่ยง เราก็คงจะต้องทบทวน ท้ายที่สุดในที่ประชุม นายกฯเป็นผู้เคาะว่าไม่เห็นชอบ
นางนฤมล กล่าวอีกว่า ในขณะที่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ผู้เสนอมาตรการนี้ พยายามที่จะโน้มน้าวให้สนับสนุน และเห็นชอบมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่าให้ลองดูก่อนไหม แต่เมื่อที่ประชุมไม่เห็นชอบ จึงระบุว่า ขอให้พบกันตรงนี้ จึงเสนอให้ขยายยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง(วีซ่า ออนอาร์ไรวัล) จากเดิมที่จะครบกำหนดในวันที่ 31 ต.ค. 62 โดยขยายไปถึงวันที่ 30 เม.ย.63 ซึ่งที่ประชุมได้เห็นชอบในประเด็นดังกล่าว
