‘พุทธิพงษ์’ ยันตั้ง ‘ศูนย์ต้านข่าวปลอม’ ไม่เกี่ยวการเมือง จ่อร่วมมือเฟซบุ๊ก-ไอจี-ทวิตเตอร์

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอม (เฟคนิวส์ เซ็นเตอร์)ว่า ศูนย์ต้านข่าวปลอมจะเป็นรูปเป็นร่างในอีกประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งจะเป็นศูนย์ที่ให้ข้อมูลที่ชัดเจนและประชาชนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น การรับรู้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงจะเร็วขึ้น เพราะในอดีตมีหลายขั้นตอนในการตรวจสอบ รวมถึงสามารถเช็คกับต้นสังกัดได้ว่า ข่าวที่เผยแพร่ออกมาไม่จริงเพราะอะไร และจะรีบขึ้นข่าวที่เป็นจริงให้ประชาชนได้รับทราบ โดยตั้งเป้าใช้เวลาในการตรวจสอบจากศูนย์ต้านข่าวปลอมไปยังหน่วยงานต่างๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ตนเชื่อว่าข่าวเฟกนิวส์จะน้อยลง เพราะสามารถได้หยุดยั้งได้เร็วขึ้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า ตนตั้งใจที่จะทำให้ศูนย์ต้านข่าวปลอมอยู่ตลอดไป ดังนั้นในอนาคตไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล จะต้องไม่มีใครใช้ศูนย์นี้ไปรังแกใครทางการเมือง ซึ่งตนจะพยายามทำให้คณะกรรมการมีความเข้มแข็งเพื่อในอนาคต ศูนย์นี้จะไม่ต้องขึ้นอยู่กับกระทรวงดีอี เรามีแนวคิดที่จะขอความร่วมมือจากต้นทาง คือเอกชนที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม โซเชียลมีเดียทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ถ้าเราทำได้ดี มีความน่าเชื่อถือ และเขาเชื่อมั่นในมาตรฐานของเรา เขาก็สามารถที่จะลบและดำเนินการกับข่าวปลอมนั้นได้

โดยตั้งเป้าไว้ว่าหลังจากตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมไปแล้ว 3-6 เดือน เราจะพยายามเดินไปสู่มาตรฐานที่เป็นสากลให้ได้ เพื่อที่จะทำงานได้ง่ายขึ้น ประชาชนจะสามารถเข้าถึงข้อมูล รวมถึงข่าวปลอมที่มักไปเอาข่าวเก่าในอดีตมาแชร์ใหม่ ซึ่งศูนย์นี้จะชี้แจงกับให้ประชาชนเข้าใจได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่าข่าวปลอมที่ออกมาส่วนใหญ่ทำเพื่อความสนุกสนาน หรือเพื่อเพิ่มยอดไลค์ ไม่ได้มีเจตนาอะไร

เมื่อถามว่าก่อนที่จะตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมอย่างเป็นทางการ จะมีการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยเฟกนิวส์เพื่อเป็นตัวอย่างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในทางกฎหมายเจ้าหน้าที่ดำเนินการมาตลอด มีการติดตาม และบางครั้งมีการสอบสวนแล้วก็ปล่อยตัวไป ไม่ได้เสนอเป็นข่าว ซึ่งบางส่วนมาจากต่างประเทศทำให้การปิดกั้นค่อนข้างลำบาก

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการตรวจสอบพบเหตุอะไรที่เป็นเฟกนิวส์ที่มีความสุ่มเสี่ยงผิดมาตรา 112 บ้างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า คนที่บังคับใช้กฎหมายในเรื่องนี้มีการดำเนินการอยู่ตลอด ซึ่งข้อความหรือเนื้อหาทางโซเชียลมีเดียที่ไปกระทบสถาบัน หรือหน่วยงานอื่นๆ เราดำเนินการอย่างเคร่งครัดทำกันทุกวัน เพียงแต่บางเรื่องอาจจะไม่มีการประชาสัมพันธ์

เมื่อถามว่า ข่าวปลอมที่พบมีจุดประสงค์เรื่องการเมืองบ้างหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่ามี และใช้ตรงนี้ทำลายหรือให้เป็นปัญหาทางการเมือง แต่สุดท้ายเชื่อว่าอยู่ที่ประชาชน ถ้าเรายืนยันได้เร็วว่าเป็นข่าวปลอม ทุกคนก็จะเข้าใจได้ว่า ข่าวปลอมสามารถเกิดขึ้นได้ ยืนยันว่าการตั้งศูนย์ต้านข่าวปลอมไม่มีจุดประสงค์ทางการเมือง เพื่อต้องการเบรกฝ่ายตรงข้าม เพราะศูนย์ต้านข่าวปลอมมีกรอบและหน้าที่ที่ชัดเจนหลายด้าน ทั้งเรื่องภัยพิบัติ สาธารณสุข การโฆษณาขายยาต่างๆ ที่ไม่ได้มาตรฐาน

“เรื่องการเมืองส่วนใหญ่จะมีเพียงการนำนโยบายของรัฐบาลไปบิดเบือนจนทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การเก็บภาษีที่ผิดกลุ่มทั้งที่เป็นเรื่องไม่จริงยืนยันว่าการใช้ศูนย์ต้านข่าวปลอมเพื่อรังแกคนอื่นไม่มีแน่นอน เพราะคณะกรรมการในศูนย์ต้านข่าวปลอมมาจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะจากภาคสังคม” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน