‘พิชัย’ ชี้รัฐประหารทำเหลื่อมล้ำ อัด ‘ประยุทธ์’ แจกเงินเหมือนโปรยทาน แก้ปัญหาไม่ได้

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่ โรงแรมรัตนโกสินทร์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวในงานเสวนา “ไทยเหลื่อมล้ำที่สุดในโลกจริงหรือ” ว่า การปฏิวัติรัฐประหารทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นจากอันดับสิบกว่าขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะรัฐบาลที่มาจากการปฏิวัติเป็นตัวแทนของกลุ่มทุนและชนชั้นสูง จึงไม่ได้ตอบสนองและไม่จำเป็นต้องตอบสนองต่อความต้องการของคนส่วนใหญ่

นายพิชัย กล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่า 4 ปีแรกรัฐบาลแทบไม่ทำอะไรที่ช่วยคนส่วนใหญ่เลย แถมยังโจมตีนโยบายประชานิยมด้วย แต่พอก่อนเลือกตั้งถึงมาคิดช่วย ทำให้รายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ลดลง แต่เจ้าสัวกลับรวยขึ้นมากเป็นคนละหลายแสนล้านบาท บริษัทในตลาดหลักทรัพย์กำไรเพิ่มกันทั่วหน้า มีอภิมหาเศรษฐีติดอันดับโลกเพิ่มขึ้น ขณะที่มีคนจนที่รับบัตรคนจนถึง 14.5 ล้านคน จึงเห็นชัดว่ามีความเหลื่อมล้ำมากขึ้น

“ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ไม่เข้าใจเศรษฐกิจ แต่กลับคิดว่าตัวเองเข้าใจดี หากยังเป็นเช่นนี้ความเหลื่อมล้ำในอนาคตอาจลดลง เพราะประชาชนจะจนเหมือนกันหมด ยกเว้นพวกเจ้าสัวไม่กี่คนที่สนับสนุนรัฐบาลที่ยังคงรวยมากเท่านั้น”

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายพิชัย กล่าวอีกว่า นโยบายการแจกเงินของรัฐบาลไม่แก้ปัญหา และอาจเพิ่มปัญหา เพราะการแจกเงินเหมือนเป็นการโปรยทาน ไม่สามารถยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนได้ รัฐบาลยังมีกรอบคิดแต่เรื่องเล็กๆ เช่น แจก 1,000 บาท ชิมช้อปใช้ ซึ่งแทบไม่มีผลต่อเศรษฐกิจเลย ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ปัญหาหลัก คือ รัฐบาลแทบไม่ได้สร้างงานเพิ่มเลย การลงทุนหดหายไปมาก แถมมีบริษัทปิดตัวบ้าง บริษัทย้ายฐานบ้าง

“แม้แต่อีอีซีที่เพิ่งจะทำหลังจาก 4 ปี ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโลก และความไม่น่าเชื่อถือของรัฐบาล ที่ล่าสุดยังมีเรื่องรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งนี้ อยากแนะนำให้รัฐบาลเร่งสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมให้เกิดธุรกิจสมัยใหม่ การเร่งพัฒนาการศึกษา การให้โอกาสคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสพัฒนา จัดลำดับความสำคัญของการใช้งบประมาณ ลดงบทหาร ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการเพิ่มขึ้น การส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยี ให้ทุนการศึกษาแก่คนเก่งๆ ไปเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศ เป็นต้น”

นายพิชัย กล่าวต่อว่า ทั้งหมดต้องอาศัยผู้นำที่มีความรู้ความเข้าใจเศรษฐกิจและทิศทางของโลก ถ้ามีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์จำกัด ขนาดทั้งโลกกำลังเข้าสู่ Ai, Robotic, Machine Learning, Blockchain แต่ผู้นำไทยยังพึ่งดีใจกับการใช้กูเกิ้ลเป็น ซึ่งจะไม่สามารถนำประเทศให้ก้าวหน้าเท่าทันประเทศอื่นได้ อีกทั้งยังกล้าต่อว่าคนรุ่นใหม่ว่าคิดไม่เป็น ขนาดได้ผู้นำเก่งสุดยังไม่แน่ว่าไทยจะสู้กับประเทศอื่นเขาได้ไหมในภาวะแข่งขันของโลกในปัจจุบัน เพราะผู้นำที่เก่งๆ ในโลกมีเยอะมาก

“แต่ปัจจุบันประเทศไทยกลับมีผู้นำที่หลงยุค ขาดองค์ความรู้ หลงตัวเอง ไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แค่เรื่องรัฐมนตรียาเสพติดก็ตอบเขาไม่ได้ แล้วไทยจะสามารถไปแข่งขันกับประเทศอื่นได้อย่างไร จึงอยากเตือนกันไว้มิเช่นนั้นไทยจะตกยุคอย่างรวดเร็ว และความเหลื่อมล้ำอาจจะเป็นความน่ากังวลที่น้อยที่สุดแล้ว เพราะไทยจะเป็นเหมือนพม่าในอดีตที่ประชาชนจนและล้าหลังเหมือนกันหมด” อดีต รมว.พลังงาน กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน