“บิ๊กตู่”ร่ายยาว ร่างพ.ร.บ.งบฯปี 63 เกือบ 2 ชั่วโมง เผยกรอบวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ดำเนินนโยบายแบบขาดดุล ยันคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน วอน ส.ส.ศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบอย่าดูแค่ยอดวงเงินแต่ละกระทรวง

วันที่ 17 ต.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยหลังจากที่ประชุมให้ความเห็นชอบพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหมไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์

จากนั้นเวลา 10.40 น. ที่ประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม แถลงเสนอร่างพ.ร.บ.ว่า รัฐบาลจัดทำงบประมาณ วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท เป็นการดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล 2,731,000 ล้านบาท และเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 469,000 ล้านบาท

โดยคำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทการพัฒนาตั้งแต่ปี 2561-2580 และเตรียมพร้อมการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก มีเป้าหมายจะพัฒนาให้เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูงขึ้น เศรษฐกิจในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 ถึง 4.0 โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวตามการเร่งเบิกจ่าย โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการใช้จ่ายภาครัฐและภาคครัวเรือนขยายตัวอยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ พร้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางการจัดทำงบประมาณ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2563 ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของระบบเศรษฐกิจและการเงินโลก คาดว่าปีงบประมาณ 2563 รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สุทธิ 2,862,000 ล้านบาท เมื่อหักการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 131,000 ล้านบาท คงเหลือเป็นรายได้สุทธิที่นำมาจัดสรรเป็นรายจ่ายของรัฐบาล 2,731,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การดำเนินนโยบายการเงินในช่วงปี 2562 อยู่ในเกณฑ์ผ่อนคลาย ช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจมีแนวโน้มการขยายตัวชะลอลงต่อเนื่อง เป็นผลจากการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สำหรับฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทยในปัจจุบัน อยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2562 มีจำนวน 220,169.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นประมาณ 3.5 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

นายกฯ กล่าวว่า ในส่วนงบฯ 2563 จำแนกตามยุทธศาสตร์ 6 ยุทธศาสตร์ 1 รายการ

ยุทธศาสตร์ที่ 1 ด้านความมั่นคง รัฐบาลจัดสรรงบฯ 428,190.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.4 เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนมีความสุข ประเทศชาติมั่นคง มุ่งเน้นการปกป้องและเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การสร้างความมั่นคงความปลอดภัย และความสงบสุขของประเทศ

การสร้างบทบาทของไทยในอาเซียนและเวทีโลก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันว่างบฯ ดังกล่าวไม่ใช่อยู่ที่แต่กระทรวงกลาโหมเพียงอย่างเดียว มีการจำแนกตามแผนงานคือ การเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ การรักษาความสงบภายในประเทศ เสริมสร้างความปรองดอง การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

ยุทธศาสตร์ที่ 2 ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน 380,803.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.9 เพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวอย่างยั่งยืน สมดุลและมีเสถียรภาพ

ยุทธศาสตร์ที่ 3 ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 571,073.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.8

ยุทธศาสตร์ที่ 4 ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 765,209.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.9เพื่อสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม

ยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 118,700.2 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.7 และ

ยุทธศาสตร์ที่ 6 ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ 504,686.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 15.8 เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐสมัยใหม่ให้มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส รับผิดชอบและตรวจสอบได้

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายไว้ 431,336.6 ล้านบาทหรือร้อยละ 13.5 สำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ รายจ่ายงบกลาง 96,500 ล้านบาท เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกัน หรือแก้ไขสถานการณ์อันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน เยียวยา หรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะร้ายแรง และภารกิจที่จำเป็นเร่งด่วนของรัฐ การบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ 272,127.1 ล้านบาท เพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ 89,170.4 ล้านบาท ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม 182,956.7 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง 62,709.5 ล้านบาท

“ขอให้ทุกคนลองอ่านเอกสารทั้งหมดดู เพราะเมื่อเช้าผมแบกมา 2 ลังใหญ่ และการใช้จ่ายงบกลาง ประกอบด้วย เงินเบี้ยหวัด เงินบำเน็จบำนาญข้าราชการ เงินเดือนข้าราชการ เงินสำรองสมทบและชดเชยของข้าราชการ ลูกจ้างและพนักงานของรัฐ ผมถามว่ากฎหมายระบุไว้ตรงนี้ งบต่างๆ เหล่านี้ต้องใช้งบกลาง ถ้างบกลางมี 5 แสนกว่าล้าน แต่งบเหล่านี้ใช้ไป 4 แสนกว่าล้านแล้ว จะไม่ให้เขาหรือ

ส่วนที่เหลือ 1 แสนกว่าล้าน ไม่ใช่นายกฯ อนุมัติโครมๆ หรือให้ๆ ยืนยันว่าไม่มี ผมไม่เคยอนุมัติให้แบบนี้ การใช้งบกลางต้องทำแผนงานโครงการขึ้นมาแล้วพิจารณาในครม. ผมอนุมัติเองไม่ได้ เงินแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ 100 ล้านบาท เอาไปจังหวัดนี้ เขาขอก็ให้ไป แต่ต้องบริหารให้อยู่ทางโน้น การใช้จ่ายงบกลางเป็นแบบนี้ ขอให้เข้าใจด้วย งบเร่งด่วนน้ำท่วมต่างๆ เหล่านี้ เรื่องเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์หลายคนก็มีผมได้ยินแว้บๆ เมื่อกี้นี้ว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ไม่รู้หรือฝันก็ไม่รู้” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากฝากทุกคนว่า กรุณาศึกษารายละเอียด อย่าศึกษาเฉพาะประเด็นที่จะสร้างความไม่เข้าใจต่อกัน ถ้าถามมา อธิบายมา ตนก็รับฟังและคิดว่ารัฐมนตรีทุกคนก็รับฟัง และยังมีการพิจารณาวาระ 2 ต่อไป วันนี้อยู่ในวาระแรกเท่านั้น

ขอร้องว่าอย่าดูเฉพาะยอดวงเงินของกระทรวงเขา จะต้องดูรายละเอียดข้างในว่าทำงานอย่างไร ตัวเลขทั้งหมดคือตัวเลข 3.2 ล้านล้านบาท ที่แบ่งเป็นงบรายจ่ายประจำ งบกลางและงบต่างๆ ไปดูว่างบกระทรวงศึกษาธิการทำไมถึงน้อยลง เพราะเอาไปเพิ่มให้กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม แล้วจะมาบอกว่างบการศึกษาลดลงได้อย่างไร ไปดูงบของกระทรวงกลาโหม ทำอย่างไร เขาซื้ออะไรแค่ไหน ตรงไหน

“ผมหวังอย่างยิ่งว่าสมาชิกผู้ทรงเกียรติจะสนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบฯฉบับนี้ เพื่อรัฐบาลจะยึดถือเป็นหลักในการใช้จ่ายงบฯ ให้เกิดประโยชน์แก่ชาติและประชาชนต่อไป ซึ่งการทุจริตก็เป็นอีกเรื่องไปตรวจสอบกันมา มีองค์กรต่างๆ ทั้งหมดที่ตรวจสอบ ซึ่งมีการตรวจสอบอย่างนี้

5 ปีรัฐบาลที่ผ่านมา หรือรัฐบาลสมัยก่อนก็โดนทั้งนั้น แต่ชี้แจงได้ก็จบ ขอให้เข้าใจตรงนี้ด้วย เจตนาของผม ไม่ได้ทำเพื่อใคร ผมเห็นสายตาประชาชนเวลาไปเยี่ยมตามต่างจังหวัด บางทีก็จุกคอเหมือนกัน เขาไม่มีอาชีพ และไม่รู้ว่าจะทำอะไร คนเหล่านี้มีจำนวนมาก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวและว่า ถ้าความมั่นคงไม่เกิดขึ้น ความมีเสถียรภาพไม่เกิด เศรษฐกิจก็พัฒนาไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกฯ ได้ปล่อยมุขสอบถามส.ส.ว่า “ดีมั้ยครับ ดีนะตรงกลางพอได้ไหม ทางซ้ายโอเค เราคนไทยด้วยกัน โครงการทั้งหมดก็ลงพื้นที่ของท่าน ไม่มีที่ไม่ลงไป อย่างไรก็ตาม ร่างพ.ร.บ.ประมาณถ้าไม่เขียนแบบนี้ ก็เป็นแบบเดิม ก็ทำมากทำน้อยตรงไหนก็แล้วแต่ ไม่ต้องพูดตรงนี้ โอเคมั้ยจ๊ะ เดี๋ยวผมขอไปพักคอนิดนึง ในห้องรับรองตรงนี้ ใครจะพูดถึงผมก็พูดไปเลยนะครับ ผมฟังข้างนอกนี้ก่อน ขอพักสักครู่”


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน