สมัชชาคนจน วางพวงหรีดไว้อาลัย แฉถูกบีบให้กลับ ลั่นปักหลักต่อ จี้รัฐแก้ปัญหาให้จบ

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการจัดกิจกรรมระหว่างการชุมนุมของกลุ่มสมัชชาคนจน ที่ปักหลักอยู่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างกระทรวงศึกษาธิการใกล้กับประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ด้านถนนราชดำเนิน

โดยในช่วงเช้ากลุ่มสมัชชาคนจน ได้ออกแถลงการณ์ขอไว้อาลัยการปฏิบัติงานของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีพร้อมวางพวงหรีดที่บริเวณหน้าประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ด้านถนนพิษณุโลก โดยระบุว่า กลุ่มสมัชชาคนจนชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 6-22 ต.ค. นาน 17 วันแล้ว รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่จาก สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.) มาเจรจาและประสานข้อมูล แต่กลับมีปัญหาข้อผิดพลาดหลายเรื่อง ไม่มีผลการเจรจาที่ชัดเจนออกมาเป็นเอกสาร ทั้งที่รับปากกันไว้ว่าจะนำผลการเจรจาเข้ารายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) จึงต้องขอประฌามและขอไว้อาลัยในการปฏิบัติงานของสปน.

จากนั้นช่วงบ่าย ตัวแทนสมัชชาคนจนได้เข้าเจรจา ร่วมกับ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายธงชัย ลืออดุลย์ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ใช้เวลานานประมาณ 5 ชั่วโมง

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

นายสุภรณ์ ให้สัมภาษณ์ว่า โดยภาพรวมการแก้ไขปัญหาต่างๆนั้นได้ข้อยุติแล้วประมาณ 80-90% แล้ว ที่เหลืออีกเล็กน้อยเป็นการแก้ปัญหาในส่วนของเชิงนโยบาย ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักใจเพราะเกี่ยวข้องกับ มติครม. พรบ.หลายฉบับ เพื่อหาทางออกร่วมกันโดยเฉพาะการอยู่ร่วมกันในพื้นที่ ระหว่างประชาชน ป่าไม้อุทยาน ฯ และที่ราชพัสดุ พื้นที่สาธารณะ

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์

ซึ่งทางกลุ่มสมัชชาคนจนได้นำเสนอปัญหาให้กับผู้แทนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกษตรและสหกรณ์ มหาดไทย คลัง ยุติธรรม โดยเบื้องต้นสรุปว่าจะทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน เพื่อมาพิจารณาหาทางออกร่วมกันให้ประชาชน โดยเฉพาะสมัชชาคนจนได้เข้าใจทางออกของรัฐบาล เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการและอยู่ร่วมกันในพื้นที่ได้ เพื่อหาทางออกร่วมกันได้ โดยจะมีการพูดคุยกันอีกครั้งในเช้าวันพฤหัสที่ 24 ตุลาคมนี้“รัฐบาลได้ขอร้องว่าเมื่อมีความคืบหน้าไปขนาดนี้แล้ว ทุกปัญหามีทางออกร่วมกัน เรื่องไหนที่ยังเดินไปไม่ได้ก็จะตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาขึ้น ส่วนเรื่องเชิงนโยบายก็ต้องใช้เวลาศึกษา ซึ่งพี่น้องสมัชชาคนจนก็พอใจ วันที่ 24 นี้ก็คุยกันอีกครั้งให้ตกผลึกแล้วพี่น้อง ก็พร้อมที่จะกลับบ้านทันที คิดว่าไม่อยากให้พี่น้องอยู่นาน อยากให้ยุติการชุมนุมแล้วกลับบ้าน ไปทำงาน ทำมาหากินอย่างปกติสุข รัฐบาลของนายกฯ ประยุทธ์ มีความจริงใจต้องการแก้ไขปัญหาของสมัชชาคนจน โดยรัฐมนตรีทุกกระทรวงได้ลงมาช่วยดูและรับปัญหาไปดูแลแก้ไข” นายสุภรณ์ กล่าวด้านนายไพทูรย์ สร้อยสด โฆษกสมัชชาคนจน กล่าวว่า จากการเจรจาพูดคุยกับรัฐมนตรี 4 กระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. รับข้อเสนอของสมัชชาคนจน ที่ขอให้แก้ปัญหา โดยใช้พรบ. จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พศ.2511 ในรูปแบบนิคมสหกรณ์ ไปพิจารณาแนวทางก่อน หากเห็นชอบ จะได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำเข้าที่ประชุมครม.ต่อไป ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมว.มหาดไทย ก็รับปากว่าจะลงไปดูพื้นที่ด้วยตัวเองเพื่อดูข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดยจัดไปให้เร็วที่สุด

นายไพทูรย์ สร้อยสด

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะในส่วนของกรมชลประทาน ที่มีปัญหาเรื่องเขื่อน ทางสมัชชาคนจนขอให้ยกเลิกมติครม.เดิม เพื่อขอให้ยกเลิกการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น จ.แพร่ เพราะที่ผ่านมามีเพียงการชะลอ แต่ทางกลุ่มสมัชชาคนจนไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะถูกหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นเมื่อไหร่

ดังนั้น จึงต้องการให้มีมติครม.ยกเลิก เพราะเคยมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วในกรณีเขื่อนโป่งขุนเพชร ที่สร้างเสร็จแล้ว และชาวบ้านได้รับผลกระทบจริง ซึ่งรมว.เกษตรก็ขอไปดูและหารือครม. ทั้งนี้ในอดีตเคยมีการยกเลิกมติครม.เดิมมาแล้ว เช่น เขื่อนลำคันฉู เขื่อนแก้งกะอาม ชี้ให้เห็นว่ายกเลิกไม่สร้างเลยก็ทำได้ ดังนั้นถ้ารัฐบาลนี้มีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ขอให้พิจารณา

สำหรับปัญหาราคาสินค้าเกษตร สมัชชาคนจนเห็นว่าพืชเศรษฐกิจหลัก ได้แก่ ยางพารา ปาล์ม ข้าว มันสำปะหลัง และมะพร้าว รัฐบาลควรมีมาตรการสร้างมาตรฐานเรื่องการประกันรายได้ เพื่อทำให้ชาวบ้านพอมีชีวิตอยู่ได้ในเบื้องต้น เพราะตอนนี้ราคาต่ำจนเกษตรกรอยู่ไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ต้องกู้หนี้ จนพอกพูนไม่รู้จะใช้หนี้กันอย่างไรแล้ว

ส่วนกระทรวงแรงงาน สำหรับการพูดคุยแก้ปัญหาเรื่องแรงงานนั้นยังมีความคืบหน้าอยู่น้อยมาก เพราะรัฐบาลอ้างว่าไม่สามารถไปบังคับเอกชนได้ เนื่องจากประเด็นแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงานคือการถูกเลิกจ้าง ถูกสั่งปิดงานโดยไม่เป็นธรรม ปิดโรงงานหนีทั้งนี้ปัญหาแรงงานหัวเว่ยแบตเตอรี่ เกี่ยวข้องกับ 3 กระทรวง คือ แรงงาน อุตสากรรมและสาธารณสุข ซึ่งพบว่าผู้ใช้แรงงานมีค่าตะกั่วในเลือดสูงเกินกว่ามาตรฐานมาก แต่พอโรงงานตรวจสอบกลับไม่พบว่ามีค่าตะกั่วในเลือด จึงขอเสนอให้ 3 กระทรวงที่เกี่ยวข้องลงไปร่วมตรวจสอบพร้อมกัน

“การแก้ไขปัญหาสมัชชาคนจนเรามองว่าเป็นเพียงบันไดขั้นแรกในครั้งนี้ เพราะยังมีกระบวนการแก้ปัญหาที่หลายเรื่องจะต้องใช้เวลานานหลายปี แต่อย่างน้อยที่ได้เสนอกับรัฐบาลก็ขอให้เห็นแนวทางและกรอบที่จะดำเนินการแก้ไขและเห็นช่วงเวลาการแก้ไข และนำบันทึกการเจรจาเสนอครม. ให้รับทราบว่าสมัชชาคนจนได้มีแนวทางแก้ไขปัญหาที่ได้เจรจากับรัฐบาลเป็นรายกระทรวง รัฐบาลก็พยายามที่จะบีบให้สมัชชาคนจนกลับบ้าน”

โฆษกสมัชชาคนจน กล่าวอีกว่า เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือมติผ่อนผัน ให้ชาวบ้านสามารถทำกินตามวิถีปกติ ในพื้นที่ผ่อนผันทำกินในเขตป่า ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะในวันที่ 25 พ.ย. พ.ร.บ.อุทยานฯ 62 จะเริ่มบังคับใช้ ก็จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนแน่นอน ไม่มีทางที่จะหลีกพ้นได้ แต่ถ้าเรากลับบ้านโดยที่ไม่มีอะไรรองรับต่อปัญหานี้เราก็เจอพี่น้องแน่ ดังนั้นถ้าอยากให้พวกเรากลับบ้านก็ขอให้รัฐบาลแก้ไขเรื่องนี้ เช่น มติครม. ผ่อนผันให้ทำกินในที่ดินเดิมไปพลางก่อน ซึ่งเรื่องนี้เคยมีมติครม.ให้กับสมัชชาคนจนมาแล้วในรัฐบาลอภิสิทธิ์ ดังนั้น จึงไม่น่าจะเป็นเหตุผลที่รัฐบาลมาบ่ายเบี่ยง ที่จะไม่นำเข้าสู่ครม. ถ้าจริงใจแก้ปัญหา

“จะปักหลักชุมนุมอยู่ต่อไป เพราะถึงกลับไปก็ถูกจับ อยู่ที่นี่ก็ถูกจับ อยู่ที่ไหนก็ถูกจับอยู่ดี ส่วนจะชุมนุมถึงเมื่อไหร่นั้นก็แล้วแต่รัฐบาล มีความจริงใจแก้ไขปัญหาแค่ไหน ถ้าแก้ปัญหาให้เสร็จวันนี้เราก็กลับวันนี้ แก้เสร็จพรุ่งนี้เราก็กลับพรุ่งนี้” โฆษกสมัชชาคนจนกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน