ปัดกันวุ่น! แจงหลังข่าวลือ ฝ่ายรัฐฯ ส่ง "มีชัย-เทือก" ชิง "ประธานฯ แก้รัฐธรรมนูญ"

เล็งถกสัปดาหน้า ขอความเห็น ส.ว. โควตารัฐบาล ยัน ไร้ชื่อ “เทพเทือก-สุวัจน์” ร่วม ด้าน กรธ. ยันข่าวคาดเคลื่อน “มีชัย” เป็น กมธ. ศึกษา แก้รัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา 15.10 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า

สัดส่วนโควตาของรัฐบาล 6 คน ได้รายชื่อครบเรียบร้อยแล้ว และได้ส่งให้วิปรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มีรายชื่อของส.ว.2-3คน อาทิ นายสมชาย แสวงการ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม รวมอยู่ด้วย แต่ในสัปดาห์หน้าตนจะหารือกับวิปวุฒิสภาอีกครั้ง เพื่อขอความเห็นในรายชื่อผู้ที่จะส่งมาเป็นกมธ.ว่าเหมาะสมหรือไม่และจะมีการปรับเปลี่ยนรายชื่ออีกหรือไม่อย่างไร

หากวิปวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยที่ ส.ว.จะเข้ามายุ่ง ก็ต้องมาปรับแก้ไขรายชื่ออีกครั้ง ส่วนที่ พล.อ.สมเจตน์ ระบุว่าจะไปขอรับหน้าที่ดังกล่าว ตน ยังไม่ทราบ เพราะเป็นเพียงคนรับรายชื่อจะผู้ถูกเสนอเป็นกมธ.วิสามัญฯจาก ครม.เพื่อเสนอไปทางวิปรัฐบาลเท่านั้น ทั้งนี้คาดว่าญัตติเรื่องตั้งกมธ.วิสามัญ คงเสนอไม่ทันการพิจารณาในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ โดยคาดว่าคงจะเสนอได้ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มีรายชื่อ ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยอยู่ในโคต้าของรัฐบาลด้วย นายเทวัญ กล่าวว่า ไม่มี รวมถึงไม่มีชื่ออื่นๆ เช่น นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา รวมถึงนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว.ตามที่มีข่าว

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจเฟซบุ๊กของคณเะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ได้โพสต์ข้อความกลางดึกของเมื่อวันที่ 14 พ.ย. โดยระบุว่า “เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามที่มีผู้เสนอให้รัฐสภาพิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560

และสื่อมวลชนได้รายงานโดยคาดหมายว่า จะมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ไปร่วมเป็นกรรมการร่วมด้วยนั้น ขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวเป็นการคาดการณ์กันไปเองทั้งสิ้น

อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว จึงขอเรียนให้ผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารบ้านเมืองและสื่อมวลชนได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อจะได้ไม่รายงานข่าวที่คลาดเคลื่อนในลักษณะนี้อีก ขอขอบคุณและขอเรียนมาเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องร่วมกัน”