“วีระ สมความคิด” เลขาธิการเครือข่ายปราบโกง ชี้ คดีฟาร์มไก่ “ปารีณารุกป่า” 1700 ไร่ หลักฐานชัด ท้าใครคิดใช้อภินิหารกฎหมายช่วย ก็ลองดู ด้านชาวบ้าน ชี้เอง รุกไปในป่า!

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น โพสต์ข้อความแสดงความเห็นปัญหาที่ดิน 1.7 พันไร่ เข้าข่ายรุกป่าสงวนและ ที่ ส.ป.ก. โดยระบุว่า จากการค้นหาข้อมูลจากฟาร์มปศุสัตว์ เปิดหลักฐานว่าครอบครัวไกรคุปต์ อ้างใช้ที่ดินบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ขอใบอนุญาตประกอบกิจการทำฟาร์มไก่เนื้อ โดยได้ใบอนุญาตตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2553

นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น

หลักฐานชี้ชัดเข้าครอบครองและใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ก่อนที่ สปก. จะประกาศให้เป็นพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ สปก. ในปี 2554 ชัดเจนแล้วนะ ว่ามีการบุกรุก ครอบครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เพื่อประกอบธุรกิจ เขาสนฟาร์ม

เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ที่บัญญัติว่า “ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดินก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่าหรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติฯ”

ซึ่งมีบทกำหนดโทษ ตามมาตรา 31 ที่บัญญัติว่า “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 14 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี และปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาท ในกรณีความผิดตามมาตรานี้ ถ้าได้กระทำเป็นเนื้อที่เกินยี่สิบห้าไร่ ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท”

เชื่อว่าผลของคดี ที่นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน(คปต.) ได้ทำการร้องทุกข์กล่าวโทษกับ น.ส.ปารีณาเอาไว้ จะทำให้ น.ส.ปารีณา ต้องได้รับโทษตามกฎหมายอย่างแน่นอน และหากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด ใช้อภินิหารทางกฎหมายเข้าช่วยเหลือผู้กระทำความผิดไม่ให้ได้รับโทษ ผู้นั้นก็เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เสียเอง โดย นายวีระ กล่าวปิดท้ายว่า ผู้ใดกล้าท้าทายกฎหมายก็ลองดู ผม (กู) ไม่ปล่อยให้พวกคุณ (มึง) ลอยนวลแน่

และในวันนี้ (23 พ.ย.) ทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่บริเวณดังกล่าว ก็พบว่ายังมีการขนขี้ไก่ออกมาจากบริเวณเชิงด้านนอกฟาร์มที่ห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับกองขี้ไก่เพื่อขายให้กับลูกค้า

ส่วนบริเวณที่เคยมีป้ายของ ส.ป.ก. มาติดแล้วถูกมือดีมาถอดออกไปนั้น ยังไม่มีการนำป้ายมาติดใหม่ และเมื่อสอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.จอมบึง ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบ ก็ทราบว่าทาง ส.ป.ก. จ.ราชบุรี ยังไม่ได้มีการมาแจ้งความในกรณีป้ายที่ติดนั้นหายไป

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามกับชาวบ้านซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อตนเอง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงที่ดินที่เกิดเหตุ ได้เล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนเคยทำงานเลี้ยงหมูอยู่ในฟาร์มทำงานกับเขา ทำอยู่ได้ปีกว่าก็ออก ฝั่งทางเล้าไก่ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่เขตหลวง ที่ของนายทวีเองซื้อไว้นานแล้ว

แต่ก่อน ซื้อไร่ละ 400 บาท ซึ่งตอนนั้นเป็นป่าอยู่ มีหลักฐานเป็นโฉนด น.ส.3 แต่ถ้าจะมีการบุกรุกก็น่าจะรุกมาทางเขาซึ่งเป็นเขตของกรมป่าไม้ และปัจจุบันเปลี่ยนมาทำฟาร์มเลี้ยงไก่ พื้นที่รุกขึ้นไปบนเขาหลายไร่ แต่ก่อนที่ดินเขาอยู่ข้างล่าง ทำเป็นคอกหมู แต่มาตอนหลังรุกขึ้นไปบนภูเขา


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน